ต่างประเทศ
'ทรัมป์-แฮร์ริส' ลุยหาเสียงวันสุดท้าย ชวนคนออกมาใช้สิทธิ์ ก่อนเปิดหีบเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ 2024
โดย paweena_c
5 พ.ย. 2567
50 views
'โดนัลด์ ทรัมป์' และ 'คามาลา แฮร์ริส' ลุยหาเสียงวันสุดท้าย ก่อนคูหาเลือกตั้งจะเปิดให้ประชาชนไปลงคะแนนในวันนี้ ต่างฝ่ายต่างก็ทำนายว่าตัวเองจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง แต่ใครจะเป็นผู้ชนะตัวจริงต้องติดตามผลกันต่อไป
เมื่อวานนี้ ผู้สมัครทั้งสองคนต่างพากันเดินทางมาหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนที่ยังไม่ลงคะแนนออกไปกาบัตรลงคะแนนในวันเลือกตั้ง
อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันได้ปรากฎตัวต่อหน้าฝูงชนที่สนามกีฬาในเมืองพิตส์เบิร์ก โดยทรัมป์ได้ชูนโยบายด้านเศรษฐกิจมาเป็นประเด็นสำคัญในการกล่าวสุนทรพจน์ และว่าหากแฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง เธอจะนำความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจมาให้กับประเทศ
ทรัมป์ยังเตือนว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะลงโทษเม็กซิโกและจีนด้วยการเก็บภาษีสินค้าเว้นแต่รัฐบาลทั้งสองประเทศจะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อหยุดการหลั่งไหลของยาเสพติดที่ชื่อว่า “เฟนทานิล” เข้าสู่สหรัฐอเมริกา
ทรัมป์บอกว่าเขาจะรีบดำเนินการปราบปรามการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ กับเม็กซิโก และใช้มาตรการภาษีศุลกากรหยุดยั้งการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชายแดน โดยเขาจะเรียกเก็บภาษีสินค้า 25% จากเม็กซิโกหากไม่หยุดส่งยาเสพติดและผู้อพยพเข้ามาในประเทศ ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังบอกว่าจะขึ้นภาษีในอัตราเดียวกันกับจีนด้วยโทษฐานที่ส่งออกเฟนทานิลไปยังเม็กซิโก
ส่วนรองประธานาธิบดีแฮร์ริส เริ่มต้นการหาเสียงวันสุดท้ายที่เมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย โดยเธอได้บอกกับกลุ่มผู้สนับสนุนที่จะออกไปหาเสียงให้กับเธอด้วยการเคาะตามประตูบ้านของประชาชนว่า “ขอให้สนุก” กับชั่วโมงสุดท้ายของการหาเสียง
นอกจากนี้ แฮร์ริสกับทีมหาเสียงของเธอยังได้ออกไปเคาะประตูบ้านของประชาชนอย่างน้อย 2 หลังในเมืองรีดดิ้ง เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับตัวเองด้วย
ส่วนที่เมืองแอลเลนทาวน์ แฮร์ริสทำนายว่า เธอจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ และให้คำมั่นศัญญาว่าจะเป็นประธานาธิบดีของ “ชาวอเมริกันทุกคน” ซึ่งเป็นคำพูดเดิมที่เคยกล่าวเอาไว้ในการหาเสียงหลายครั้งที่ผ่านมา
ต่อมาแฮร์ริสได้ขึ้นเวทีหาเสียงต่อที่เมืองพิตส์เบิร์ก เมืองเดียวกับทรัมป์ และกล่าวกับฝูงชนว่า ตอนนี้ โมเมนตัมของการหาเสียงอยู่ข้างเธอแล้ว แฮร์ริสยังเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนอย่าอายที่จะขอให้คนในชีวิตของพวกเขาออกไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียง อย่างไรก็ดี การปราศรัยที่พิตส์เบิร์กของแฮร์ริสเกิดขึ้นเพียงสั้น ๆ เท่านั้น เพียงแค่ 10 นาที ก่อนที่นักร้องสาวเคธี่ เพอร์รีจะขึ้นมาทำการแสดงบนเวที
แฮร์ริสปิดท้ายการหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนียของเธอ ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย และมีคนดังหลายคนตบเท้าเข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น เลดี้ กาก้า, ริกกี้ มาร์ติน, และโอปราห์ วินฟรีย์
ทั้งนี้ เพนซิลเวเนียเป็นหนึ่งในรัฐสมรภูมิที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 19 เสียงมากที่สุดใน 7 รัฐสมรภูมิที่จะเป็นตัวตัดสินผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ผู้สมัครทั้งสองคนต่างอยากที่จะคว้าชัยชนะในรัฐนี้ จากผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของ ไฟฟ์เทอร์ตี้เอท (538) ร่วมกับเอบีซี นิวส์ (ABC News) พบว่าที่รัฐนี้ แฮร์ริสกับทรัมป์มีคะแนนนิยมสูสีกันมาก ห่างกันเพียง 0.1% เท่านั้น คือ แฮร์ริสนำทรัมป์ที่ 47.9% ต่อ 47.8%
ขณะเดียวกัน ทางด้านอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ นอกจากจะไปหาเสียงที่เพนซิลเวเนียแล้ว ก่อนหน้านั้น เขาได้ไปหาเสียงที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา หนึ่งในรัฐสมรภูมิที่มีคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง แม้ว่าผลสำรวจคะแนนนิยมจะชี้ว่าทรัมป์และแฮร์ริสมีคะแนนสูสีกันมาก แต่ทรัมป์ได้ทำนายดวงชะตาตัวเองว่าเขาจะได้รับชัยชนะในรัฐนี้ เขาเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไปลงคะแนนซึ่งเป็นจุดประสงค์เดียวที่เขามาอยู่ที่รัฐนี้
ทรัมป์ยังประกาศว่าหากชนะเลือกตั้ง เขาจะแจ้งประธานาธิบดีคนใหม่ของเม็กซิโกให้หยุดยั้งการไหลบ่าของผู้อพยพและยาเสพติดเข้ามาในสหรัฐฯ ไม่เช่นนั้นจะถูกขึ้นภาษีสินค้า
ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะปิดท้ายการรณรงค์หาเสียงของเขาที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ ในรัฐมิชิแกน ซึ่งตอนนี้ จากผลการสำรวจคะแนนนิยมของ 538 / ABC News เขามีคะแนนตามแฮร์ริสอยู่ 1 จุด
การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่ามีความสูสีกันเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน ทีมหาเสียงต้องเผชิญกับสถานการณ์พลิกผันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลอบสังหารถึง 2 ครั้ง และการดำเนินคดีอาญากับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการเปลี่ยนตัวผู้สมัครของพรรคเดโมแครต จากประธานาธิบดีโจ ไบเดน มาเป็นรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์แอดอิมแพค (AdImpact) ระบุว่า ขณะนี้ มีการใช้เงินเพื่อโน้มน้าวใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้วกว่า 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 87,000 ล้านบาท) ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ผลการสำรวจล่าสุดชี้ว่าผู้สมัครทั้งสองยังคงมีคะแนนนิยมแทบจะเท่ากัน จึงอาจทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าใครเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งหลังจากการปิดคูหาในเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายนนี้
ล่าสุด ศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งมหาวิทยาลัยฟลอริดาระบุว่า ชาวอเมริกันออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 81 ล้านคน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นการเลือกตั้งที่คูหาด้วยตัวเอง 44 ล้านคน และทางไปรณีย์อีกประมาณ 36 ล้านคน