ต่างประเทศ

สรุปผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 'ทรัมป์' ชนะ 'แฮร์ริส' 312 ต่อ 226

โดย parichat_p

10 พ.ย. 2567

50 views

โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน กวาดชัยชนะเรียบใน 7 รัฐสมรภูมิส่งอดีตผู้นำสหรัฐวัย 78 กลับสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สองได้อย่างสง่าสง่าม หลังการนับคะแนน การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐใน 50 รัฐและอีก 1 เขตได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว


บทสรุปผลการเลือกตั้งสหรัฐ ปี 2024 คะแนนคณะผู้เลือกตั้งของทรัมป์เพิ่มเป็น 312 เสียง ขณะที่คู่แข่ง คามาลา แฮร์ริสได้ไปเพียง 226 เสียง ส่วนคะแนนเสียงของประชาชน หรือ ป็อปปูล่าโหวต (Popular Vote) ทรัมป์ก็เอาชนะแฮร์ริสไปได้ ด้วยคะแนนกว่า 74 ล้าน หรือคิดเป็น 50.4% ต่อ 70 ล้านเสียง หรือ 47.9%


ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้สมัครคนใดที่ได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง เมจิก นัมเบอร์ ที่ 270 จากทั้งหมด 538 ก็จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งไป ซึ่งในคืนวันเลือกตั้ง ทรัมป์ก็สามารถพิชิตเมจิกนัมเบอร์ได้ ขณะที่ 7 รัฐสมรภูมิ ที่ประกอบไปด้วยรัฐ มิชิแกน, เพนซิลเวเนีย, จอร์เจีย, นอร์ทแคโรไลนา, วิสคอนซิน, เนวาดา และแอริโซนา ทรัมป์ก็กวาดคะแนนได้ทั้งหมด เรียกว่าพรรคเดโมเครตได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ


โดยที่รัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นรัฐสุดท้ายที่ประกาศผลเลือกตั้ง หลังจากใช้ระยะเวลา ในการนับคะแนน มา 4 วัน ล่าสุด ปรากฏว่าทรัมป์คว้าชัยชนะเหนือแฮร์ริส ด้วยคะแนนเสียง 52.6% ต่อ 46.4%


นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีลุ้นที่จะครองอำนาจแบบเบ็ดเสร็จด้วย ทั้งในสภาล่างและสภาสูง โดยผลคะแนนการเลือกตั้งวุฒิสภา ปรากฏว่าพรรครีพับลิกันของทรัมป์ได้ครองเสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 53 จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง ส่วนเดโมแครตได้ไป 46 ที่นั่ง


ส่วนผลคะแนนของสภาผู้แทนราษฎร หรือ สภาล่าง 435 ที่นั่ง ล่าสุด พรรครีพับลิกันได้ไปแล้ว 213 ที่ ขณะที่เดโมแครตได้ไป 202 ที่ ซึ่งรีพับลิกันยังขาดอีก 5 ที่เท่านั้น ก็จะครองเสียงข้างมากในสภาแห่งนี้


ดังนั้น หากรีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ก็จะทำให้พรรคมีอำนาจอย่างมากในการผลักดันนโยบายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การลดภาษีและงบประมาณ การยกเลิกกฎระเบียบด้านพลังงาน และการควบคุมความปลอดภัยตามชายแดน


ส่วนความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาประกาศยืนยันว่า เขาจะไม่เชิญนางนิกกี้ เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ และนายไมค์ ปอมเอโอ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเข้าร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ดี ทรัมป์ไม่ได้บอกเหตุผลที่แน่ชัด แต่ระบุเพียงว่าเขารู้สึกยินดีมากที่เคยทำงาน กับทั้งสองคนในตอนที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก และขอบคุณทั้งสองคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้กับรัฐบาล


ขณะเดียวกัน ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้ออกมาประกาศยืนยันว่า เขาจะพบปะหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวในวันพุธนี้ เพื่อให้การถ่ายโอนอำนาจดำเนินไปอย่างสันติและเรียบร้อย ทั้งนี้ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม ปีหน้า

คุณอาจสนใจ

Related News