คลิปเต็มรายการ

พยานปากสำคัญ เปิดพิรุธ ‘เสี่ยต้น’ ถูกวางยา-ล็อกเป้าฆ่า ครอบครัวเชื่อมีจัดฉากหวังเงินประกัน

โดย JitrarutP

24 มิ.ย. 2567

139 views

วันที่ 24 มิ.ย. 67 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ ครอบครัวของเสี่ยต้น พร้อมด้วย ลุงถนอม ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนเสี่ยต้นเสียชีวิต พร้อมด้วย อดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการด้านกฎหมายและตรวจสอบ สำนักงาน คปท. และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในช่วงต่อออนไลน์ของรายการได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ และ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มศว ถึงกรณีข้อพิรุธการเสียชีวิตของเสี่ยต้น

คุณเจ น้องสาวของเสี่ยต้น เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจว่า พ่อของ มด ภรรยาเสี่ยต้น เคยมาเล่าให้ฟังเมื่อหลายปีก่อน ว่าพ่อของมดเป็นมะเร็ง ทำประกันชีวิตไว้ แต่ไม่ได้เงินเพราะเหตุผลอะไรสักอย่าง ต่อมาพ่อของคุณมดก็เสียชีวิตขณะนอนหลับ หรือ ไหลตายไปเฉยๆ ทำให้ตนมานึกย้อนกรณีของเสี่ยต้น ทำให้คุณเจเอะใจ และคิดว่ามดน่าจะโกหกทุกอย่าง

คุณถนอม พยานปากเอก เป็นคนที่รับเสี่ยต้นมาจากสนามบิน ที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยแม่ยายของเสี่ยต้นเป็นคนโทรมาตามให้ตนไปรับ บอกว่า ต้นกับมดระหองระแหงกันอยู่ ไม่อยากให้มดเป็นคนไปรับ กลัวว่าจะทะเลาะกันในรถ ระหว่างเดินทางมาจากสนามบิน เสี่ยต้นเป็นคนบอกเส้นทางลัดเลาะ ให้อ้อมเส้นทางไปตามทางลัดต่างๆ ระหว่างทางเขาเล่าเหตุการณ์โดยละเอียดเลยว่า โดนลอบยิงมาก่อน เขามาที่นี่ตัวเปล่า ตอนแรกน้องสาวจะมาด้วย แต่เขาห้ามไว้ไม่ให้มา เพราะกลัวอันตราย

ระหว่างที่พูดไป เล่าให้ฟัง เสี่ยต้นพูดไปก็ร้องไห้ไปตลอดทาง รำพึงรำพันว่า ตนทำผิดตรงไหน ทำไมต้องมาทำกับตนขนาดนี้ คุณถนอมก็ถามว่า ที่มดบอกว่าต้นเอาผู้หญิงเข้าบ้านจริงหรือไม่ ต้นยอมรับว่าจริง แต่มันผิดขนาดต้องเอาคนมายิงกันเลยเหรอ

เสี่ยต้นบอกว่า ที่โดนลอบยิง เขาสงสัยมดเป็นคนจ้างวาน เพราะในวันเกิดเหตุ ไม่มีใครรู้ว่าต้นจะไปที่ร้านเหล้าตามนัดกับภรรยา พร้อมบอกกับตนอีกว่า “ลุงถนอมอย่าทิ้งผมนะ” ไม่รู้ว่าไปถึงบ้านจะเจออะไรบ้าง ตนก็เลยแนะนำให้เสี่ยต้น ไปถึงให้กราบแม่ยายก่อนเลย คงไม่มีอะไรหรอก ไปถึงบ้าน เจอว่าเขานั่งโต๊ะ ล้อมวง เหล่าเบียร์พร้อมหมดแล้ว เหมือนรอต้นอยู่ โดยบนโต๊ะนั้น มีมด ลูกสาวคนโตของมดกับต้น แม่ของมด ตนไปถึงกับต้น ก็นั่งด้วยกันรวมเป็น 5 คนพอดี

ระหว่างนั่งดื่มกิน เสี่ยต้นพยายามง้อขอคืนดีกับมด บอกว่ากลับไป กทม. ไปช่วยกันทำมาหากินกันเหมือนเดิมนะ มดบอกว่าต้องใช้เวลา ต้นก็ร้องไห้ตลอดเวลา เขาคงรักเมียเขามาก มดก็คอยรินเหล้าให้ต้นยกดื่มตลอดเวลา แล้วสักประมาณ 4 ทุ่ม ลูกสาวคนโตของต้นไปยกรูปตา (พ่อของมด) ไปเอามาวางต่อหน้าต้น แล้วบอกว่า พ่อขอโทษตาซะ เขาก็ก้มกราบรูป แล้วก็ไปจุดธูปไหว้ สักการะไหว้รูป ตนมองไปก็ยังสงสัยว่า เขามาทำพิธีอะไรกันเวลานี้

แล้วสักพักกลับมา ลูกสาวเขาถือแก้วเหล้าที่ไหว้รูปตากลับมา บอกว่า ป๊าดื่ม ดื่มกับตา ต้นก็รับแก้วจากลูกสาวมาแล้วยกดื่มทันที เหล้ากินไปยังไม่ถึงสองแบน โดยไม่ได้ดื่มคนเดียว คนที่กินเหล้ามีต้นกับญาติของมด กินได้ไม่นาน ต้นก็บอกว่าจะหลับ คอพับ น้ำลายไหล น้ำลายยืดตลอดเวลา เหมือนคนบังคับปากตัวเองไม่ได้ ตนยังถามอยู่เลยว่า แกล้งทำหรือเปล่า กินเหล้าไปไม่ได้เยอะเลย ทำไมถึงออกอาการไม่ไหวขนาดนี้ ต้นก็บอกเมียว่า ไม่ไหวแล้ว พาไปนอนหน่อย เมียถามว่านอนที่ไหน ห้องเรามีลูกนอนเต็มไปหมด ต้นขอนอนหน้าห้อง มดก็ไม่ให้นอน ไม่ให้เหยียบบันไดบ้านแม้แต่ขั้นเดียว ต้นจึงชวนลุงถนอมไปนอนรีสอร์ต แต่มดก็บอกว่าไม่ได้

ต้นถามว่า จะให้นอนที่แคร่หน้าบ้านใช่ไหม ให้นอนตรงไหนตนก็จะนอน สุดท้ายเป็นลุงถนอมกับมดช่วยกันหิ้วปีกต้นไปนอนที่แคร่ไม้หน้าบ้าน สภาพคือขาก้าวไม่ออก หลังยังไม่ทันถึงแคร่ไม้เลย เขาก็หลับแล้ว มดก็ไปหาพัดลม เอาผ้าห่มมาให้ แล้วหลังจากนั้นแม่ของมดก็เอาเบียร์มาให้ตน 2 ขวด แล้วบอกตนว่า “เอาเบียร์กลับไปกินบ้านนะ” ตอนแรกตนตั้งใจจะนั่งเฝ้าต้น แต่เมื่อเจ้าบ้านเขาไล่แล้ว เราก็เลยต้องกลับ สุดท้ายเห็นเมียเขานั่งเฝ้าอยู่ ก็เลยกลับ

สุดท้ายมาทราบเรื่องตอนเช้ามืด แม่ยายของต้นโทรมาหาตน บอกให้ไปดูต้นหน่อย ปลุกไม่ตื่น พอไปดูจริงๆ ต้นเสียชีวิตแล้ว แล้วตนมารู้ทีหลัง มีคนมากระซิบบอกว่า วันที่ตนไปรับต้นมาจากสนามบิน มือปืนอยู่ที่มหาสารคามด้วย ถ้าตนไม่ลัดเลาะตามที่ต้นบอก ตนคงตายไปแล้วเหมือนกัน

ในเวลาต่อมา ตำรวจไปค้นบ้านที่เกิดเหตุ และพบยาแผงหนึ่งในบ้าน ใส่ไว้ซองโฉนดที่ดิน โดยแม่ยายของต้น ให้การว่าไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร เพราะตอนแรกไม่มี ต้นเป็นคนถือยานี้มาเอง ถือมาพร้อมซองโฉนด ไม่ได้เป็นยาในบ้าน แต่ทางลุงถนอมยืนยันว่า ต้นมาตัวเปล่า เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น มีแค่กระเป๋าสตางค์ มือถือ ไม่มีอะไรติดตัวมาสักอย่าง จะบอกว่าถือซองโฉนดมาได้ยังไง

นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยข้อมูลอีกว่า นอกจากประกันชีวิต 16 ล้านบาทที่ทำร่วมกับมด โดยมีชื่อของลูกสาวเป็นผู้รับผลประโยชน์แล้ว ยังมีประกันอีกหลายฉบับ ที่ต้นทำแยกไว้ 3 กรมธรรม์ วงเงินประกัน 5 ล้าน  5 ล้าน และ 10 ล้าน รวมสูงถึง 20 ล้าน ซึ่งยังต้องไปพิสูจน์ว่าใครเป็นคนทำ ตัวต้นเอง หรือภรรยาเป็นคนเซ็นทำประกัน



นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมาย คดีและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย ชี้ว่า การจะจ่ายเงินประกันภัย ประกันชีวิต ต้องมีการพิสูจน์ความจริงอยู่แล้ว หากการตายมีข้อสงสัย มีความผิดธรรมชาติ ประกันจะยังไม่จ่าย และต้องไปพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยก่อน การที่มีคู่กรณีไปบอกหลวงพ่อ พ่อของเสี่ยต้น ว่าอย่าผ่าชันสูตร ถ้าผ่ามาเจอสารพิษ ประกันจะไม่จ่าย ถือว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะว่าถ้าผู้ตายไม่ได้มีเจตนาจะกินสารพิษ ไม่มีเจตนาจะทำให้ตัวเองตาย เขาจะต้องได้รับความคุ้มครอง

แต่หากพิสูจน์ได้ว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ ในกรมธรรม์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตาย ก็ต้องถูกตัดสิทธิ์จากการรับผลประโยชน์ ใครที่ตบตาจนทำให้ได้เงินประกันไปแล้ว ถ้าความจริงมาปรากฏทีหลัง ก็ต้องถูกฟ้องเรียกเอาเงินคืน

ขณะที่ หมอหมู รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ชี้ให้เห็นเรื่องอาการของเสี่ยต้น จากคำบอกเล่าของพยาน ปกติการดื่มเหล้าอย่างเดียว ปริมาณ 1 แบน ทำให้แอลกอฮอล์ในร่างกายเพิ่มมาประมา 50-100 มก.เปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าจะมีอาการมึนเมา แต่ยังพอจะครองสติได้อยู่ และยิ่งถ้าเป็นคนที่ดื่มอยู่ประจำอยู่แล้ว โอกาสที่จะดื่มจนช็อกเสียชีวิตมาน้อยมาก และต้องดื่มในปริมาณที่มากจริงๆ

แต่มันมียาชนิดหนึ่ง เป็นยาควบคุม ยาตัวนี้มักถูกนำมาใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเพศ กินเข้าไปแล้วมีอาการง่วงซึม ยิ่งถ้านำไปใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์ ยิ่งทำให้ยาออกฤทธิ์แรง 5-10 เท่า และมีโอกาสทำให้เสียชีวิตได้ และอาการน้ำลายยืดอะไรต่างๆ ก็ดูเป็นไปตามผลข้างเคียงของยาชนิดนี้จริงๆ

ส่วนทาง ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายของครอบครัวเสี่ยต้น บอกว่า ตอนนี้ติดค้างคาใจแค่เรื่อง มือปืน เป็นคนเดียวที่ยังไม่ถูกจับกุม เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่ต้องเน้นย้ำไปทางสืบนครบาล ให้ติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกว่า มีคนในครอบครัวของคุณมด อีก 2 คน ที่จะต้องถูกขยายผลไปถึง ในคดีการตายของเสี่ยต้น เป็นคนที่จัดเตรียมสถานที่ และเป็นคนที่ยื่นแก้วเหล้าให้เสี่ยต้น ขณะที่รองแต้ม วิชัยสังข์ ประไพ ก็มองตรงกันว่า ถ้าเอาข้อมูลต่างๆมาประกอบเป็นจิ๊กซอ ก็พอจะเชื่อมโยงได้ว่าใครเป็นคนทำ เพียงแต่มันยังขาดหลักฐานที่สำคัญบางอย่างเท่านั้นเอง

ซึ่งหลักฐานที่ขาดไปนี้ ทางทนายเดชา และ รองแต้ม ชี้ให้เห็นว่าเป็นข้อบกพร่องของตำรวจในพื้นที่ ที่ปล่อยให้มีการเผาศพ ไม่ผ่าชันสูตร ทั้งที่เป็นการตายที่ผิดปกติ ผิดธรรมชาติขนาดนี้

ท้ายที่สุด ทางน้าถนอมบอกว่า เรื่องนี้ตนเอาความจริงมายืนยันทั้งหมด ต่อให้ครอบครัวฝั่งมดเป็นญาติของตน มดก็หลานตน แต่ความจริงมันเป็นแบบนี้ เราก็ต้องพูด ต่อให้ญาติๆ เขาเกลียดตน วันที่ตนไปให้การ ไปจำลองเหตุการณ์ให้ตำรวจดู แม่ของมดยังมาบอกว่า ทำไมคนนั่งอยู่เป็นสิบ ตนถึงเห็นคนเดียว ตนก็บอกไปว่า คนเป็นสิบมันไม่พูด ตนเป็นคนเดียวที่พูด



คุณอาจสนใจ

Related News