สิ่งแวดล้อม

คุณอาจกำลังกิน “พลาสติก” เข้าไปโดยไม่รู้ตัว

31 ก.ค. 2568

43 views



               ในปัจจุบัน มนุษย์กำลังใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนด้วยพลาสติกโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะ “ไมโครพลาสติก” (Microplastics) หรือพลาสติกขนาดเล็กจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ซึ่งแพร่กระจายอยู่ในแหล่งน้ำ ทะเล อากาศ และแม้แต่ในอาหารที่เราบริโภคไมโครพลาสติกสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางห่วงโซ่อาหาร โดยเริ่มจากการที่ขยะพลาสติกถูกทิ้งลงสู่ทะเล สัตว์น้ำกินพลาสติกเหล่านี้เข้าไป และสุดท้ายกลายเป็นอาหารบนโต๊ะของเรา ประเทศไทยติดอันดับ 6 ของโลกที่มีขยะพลาสติกในทะเลมากที่สุด อีกทั้งยังพบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมทางทะเลของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในแต่ละปีมีขยะพลาสติกจากทั่วโลกมากกว่า 8 ล้านตันถูกทิ้งลงในมหาสมุทร และในจำนวนนี้มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ส่วนที่เหลือจมลงใต้ทะเลลึก และยิ่งไปกว่านั้นคือสะสมอยู่ในสัตว์ทะเล ทำให้สัตว์ทะเลบางชนิดต้องตาย

ประเภทของไมโครพลาสติก

      ไมโครพลาสติกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

1. ไมโครบีดส์ (Microbeads)

        มักพบในผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย เช่น โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน และสบู่ เม็ดพลาสติกเหล่านี้ถูกชะล้างลงแหล่งน้ำ และแพร่กระจายลงสู่ทะเลจากการบำบัดน้ำเสียของครัวเรือนลงสู่แหล่งน้ำ

2. พลาสติกขนาดใหญ่ที่แตกหัก หรือผุกร่อน (Macroplastics)

         เช่น ถุงหิ้ว โฟม ขวดน้ำ หรือกล่องอาหาร รวมถึงไบโอพลาสติกหรือพลาสติกชีวภาพ พลาสติกเหล่านี้สามารถย่อยสลายได้บนบก แต่ไม่สามารถย่อยสลายได้ในทะเล เมื่อสัมผัสกับแสงแดดและคลื่นน้ำทะเล จะค่อย ๆ แตกตัวกลายเป็นอนุภาคเล็ก ๆ ซึ่งสัตว์น้ำ เช่น แพลงก์ตอน หอย และปลาจะกินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

ไมโครพลาสติกในอาหาร

          ไมโครพลาสติกพบได้ในสัตว์น้ำหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลา หอย กุ้ง หรือปู และเมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถูกนำมาประกอบอาหาร ไมโครพลาสติกที่สะสมอยู่ภายในก็อาจเข้าสู่ร่างกายมนุษย์โดยตรง การวิจัยในปัจจุบันยังพบว่า มีการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำดื่ม อากาศที่หายใจเข้าไป และแม้กระทั่งในอุจจาระของมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักฐานชัดเจนว่าไมโครพลาสติกได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเราแล้ว

ผลกระทบของไมโครพลาสติก

ต่อสิ่งแวดล้อม:

• ทำลายระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง

• สะสมในห่วงโซ่อาหารของสัตว์น้ำและสัตว์บก

• ปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ

• กระจายตัวในอากาศจากแรงลม

ต่อสุขภาพมนุษย์:

• สารเคมีจากไมโครพลาสติก เช่น Bisphenol A (BPA) ส่งผลกระทบต่อต่อมไร้ท่อ และฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ

• เพิ่มความเสี่ยงของภาวะฮอร์โมนแปรปรวน และโรคมะเร็ง

• ส่งผลต่อพัฒนาการสมองของเด็ก โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

• อาจขัดขวางการทำงานของหลอดเลือดและระบบประสาท

• มีผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์

เราจะลดการปนเปื้อนไมโครพลาสติกได้อย่างไร?

             การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากตัวเราเอง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น

• พกถุงผ้า กล่องอาหาร และแก้วน้ำส่วนตัว

• เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

• หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

• หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีไมโครบีดส์

• ใช้ผลิตภัณฑ์แบบรีฟิลเพื่อลดบรรจุภัณฑ์

• ใช้เครื่องกรองน้ำแทนการซื้อน้ำขวดพลาสติก

• ไม่ทิ้งขยะลงแหล่งน้ำ

• เรียนรู้ประเภทของขยะ และคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี

                พลาสติก…ไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่เป็นภัยใกล้ตัว ไมโครพลาสติกอาจกำลังซ่อนอยู่ในแก้วน้ำ หรือจานอาหารของคุณในวันนี้ โลกที่เต็มไปด้วยขยะพลาสติก กำลังย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์อย่างเงียบ ๆ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องตระหนัก และร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อหยุดยั้งวิกฤตนี้ก่อนจะสายเกินไป

              หากจำเป็นต้องใช้พลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกประเภท PP ที่มีสัญลักษณ์เบอร์ 5 ได้แก่ บรรจุภัณฑ์อาหารแบบทนร้อนทนเย็น แก้วหรือขวดเครื่องดื่ม ขวดน้ำเกลือ สามารถนำพลาสติกที่ผ่านการล้างทำความสะอาดแล้วมาบริจาคผ่านโครงการ “ชุบชีวิต PP ทำความดีสร้างสนามให้น้อง” เพื่อนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิลและผลิตเป็นแผ่นพลาสติก PP ให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดน จังหวัดสระแก้ว

โดยสามารถส่งฟรีได้ทางไปรษณีย์ไทยทุกสาขา บรรจุใส่กล่องน้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม/กล่อง จ่าหน้ากล่องถึง โครงการ “ชุบชีวิต PP ทำความดีสร้างสนามให้น้อง” บริษัท เอส.พี.เค.พลาสติก จำกัด เลขที่ 3/4 หมู่ 1 ถนนพิมพาวาส บางนา กม.35 ตำบลพิมพา อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24180  ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568




แหล่งอ้างอิง
https://dol.thaihealth.or.th/Media/Pdfview/c97496dd-d760-ee11-80ff-00155db45636

http://otop.dss.go.th/index.php/knowledge/interesting-articles/273-microplastics

http://lib3.dss.go.th/fulltext/dss_j/2562_68_209_P41-42.pdf  

กรมวิทยาศาสตร์บริการ

คุณอาจสนใจ

Related News