สิ่งแวดล้อม

แฟชั่นสุดปัง กำลังทำร้ายโลก

21 ก.พ. 2568

36 views

“ฟาสต์แฟชั่น” ถือเป็นตัวการสำคัญในการทำลายสิ่งแวดล้อมระดับต้น ๆ ของโลก และมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์อย่างมหาศาล เราต่างก็ทราบกันดีว่า กระแสฟาสต์แฟชั่นนั้นส่งผลเสียอย่างมหาศาลต่อธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสของฟาสต์แฟชั่น กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั่วโลก สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายในตลาดออนไลน์ด้วยราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้

ฟาสต์แฟชั่น คือ กระบวนการผลิตเสื้อผ้าที่เน้นความรวดเร็ว ใช้ต้นทุนต่ำทั้งในส่วนของวัตถุดิบที่ใช้และแรงงานในการผลิต เป็นเสื้อผ้าตามกระแส คุณภาพต่ำ และเน้นใส่เพียงไม่กี่ครั้ง เป็นความสวยงามแบบฉาบฉวย แต่มีดีไซน์สวยหาซื้อง่าย ในขณะเดียวกันก็ใช้เวลาออกแบบเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้สามารถออกคอลเลกชันใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ ทำให้ผู้บริโภคเกิดการซื้อบ่อยขึ้น และการผลิตก็เพิ่มมากขึ้นตามความต้องการ

แทบไม่น่าเชื่อว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นลำดับที่ 4 รองจากอุตสาหกรรมอาหาร ก่อสร้าง และการขนส่ง เมื่อเทียบจากการใช้วัตถุดิบและน้ำในขั้นตอนการผลิตที่มีปริมาณสูง  โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึงราว 1.7 พันล้านตันต่อปี หรือประมาณ 8-10% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก ซึ่งมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งทางทะเลรวมกัน ในด้านของประเทศไทยจากรายงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอในไทยใช้น้ำเป็นปริมาณมหาศาลถึง 145 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และปล่อยน้ำเสียออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติประมาณ 64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และตรวจพบว่ามีสารเคมีต่าง ๆ ปนเปื้อนอยู่ด้วย นอกจากนี้ด้านการปล่อยมลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษได้ทำการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากโรงงานสิ่งทอหลายแห่งในจังหวัดที่มีการผลิตสิ่งทอมาก ๆ เช่น กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นครปฐม พบว่ามีการปล่อยมลพิษทางอากาศหลายประเภท เช่น ฝุ่นละออง ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เกินค่ามาตรฐาน สิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือด้วยปริมาณการผลิตจำนวนมากในระยะเวลาอันรวดเร็วทำให้เกิดเป็นปัญหาขยะสิ่งทอตามมา และทำให้ประเทศไทยมีปริมาณขยะเสื้อผ้ามากถึง 300,000 ตันต่อปี แต่มีการนำไปรีไซเคิลเพียง 24% เท่านั้น ส่วนที่เหลือถูกนำไปฝังกลบหรือเผา  อีกทั้งการผลิตสิ่งทอต้องใช้สารเคมีหลายชนิด ทั้งในขั้นตอนการเตรียมเส้นด้าย การย้อมสี การพิมพ์ลาย เป็นต้น ซึ่งหลายสารเคมีก่อให้เกิดมลพิษและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหากปล่อยทิ้งโดยไม่มีการบำบัด

ในแง่ของการใช้ทรัพยากร อุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่นเป็นหนึ่งใน 10 อุตสาหกรรมที่ใช้น้ำในกระบวนการผลิตและทำความสะอาดสินค้ามากที่สุดในโลก เนื่องจากเสื้อผ้านั้นทำมาจากเส้นใยฝ้ายเป็นหลัก และกว่าจะผลิตใยฝ้ายออกมาได้ 1 กิโลกรัมนั้น ต้องใช้น้ำถึง 10,000 ลิตร หรือประมาณ 3,000 ลิตรต่อเสื้อผ้า 1 ตัวเลยทีเดียว เช่นเดียวกันนี้ สีที่ใช้ย้อมเสื้อผ้าส่วนใหญ่แล้วยังคงสังเคราะห์ขึ้นมาจากสารเคมีซึ่งทำให้เกิดน้ำเสียคิดเป็นสัดส่วนถึง 20% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ  และสร้างมลพิษในแหล่งน้ำขนาดใหญ่อย่างมหาสมุทรมาอย่างต่อเนื่อง โดยจากรายงานของ UNESCO-IHE ชี้ว่า การผลิตเสื้อยืด 1 ตัวต้องใช้น้ำมากถึง 2,700 ลิตร เทียบเท่าปริมาณน้ำสำหรับบริโภคต่อคนได้เกือบ 3 ปี การใช้สารเคมีในการฟอกย้อมสียังก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำกว่า 20% ของปริมาณน้ำเสียทั่วโลก  ขณะที่การผลิตสิ่งทอจากเส้นใยธรรมชาติต้องใช้ที่ดินจำนวนมากในการปลูกฝ้ายและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งในอนาคต ความต้องการเสื้อผ้าที่สูงขึ้นตามกำลังซื้อของผู้บริโภค จะก่อให้เกิดมลพิษจากการผลิตเสื้อผ้ามากขึ้นและยิ่งจะส่งผลลบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นไปด้วย

นอกจากนี้เพื่อให้การผลิตมีต้นทุนที่ถูกกว่าเดิม เพื่อทำกำไรมากขึ้น จึงทำให้การผลิตเสื้อผ้าในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแต่เส้นใยฝ้ายเท่านั้น ยังมีการผสมพลาสติกสังเคราะห์ขนาดเล็ก ที่เรียกว่า “ไมโครไฟเบอร์” ออกมาเป็นชนิดเสื้อผ้าอีกรูปแบบหนึ่งนั่นก็คือ โพลีเอสเตอร์ โดยกระบวนการผลิตเสื้อผ้าชนิดนี้ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3.3 พันล้านตันต่อปี หรือ 8% และปริมาณขยะที่ได้จากเสื้อผ้าเหล่านี้ในแต่ละปีนั้นเปรียบได้เหมือนกับขวดพลาสติกจำนวน 50,000 ล้านขวด ซึ่งแน่นอนว่าพลาสติกขนาดเล็กไม่สามารถย่อยสลาย ทางเลือกเดียวที่จะกำจัดขยะที่เกิดจากเสื้อผ้าคือการฝังกลบดินส่งผลให้ดินเสียหายและเสื่อมคุณภาพ

และนี่คือปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญ กระแสฟาสต์แฟชั่นทำให้ผู้บริโภคซื้อเสื้อผ้าราคาถูกอย่างต่อเนื่องและทิ้งเสื้อผ้าเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว วงจรการซื้อและทิ้งเสื้อผ้าเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ เนื่องจากโลกมีขยะสิ่งทอและเสื้อผ้าจำนวนมากทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ถึงแม้ว่าการหลีกเลี่ยงฟาสต์แฟชั่นจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยาก แต่เราทุกคนสามารถช่วยกันแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นได้ด้วยวิธีเหล่านี้

•    เลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีคุณภาพ ใช้งานได้อย่างคงทน สามารถนำไปใส่กับเสื้อผ้าตัวอื่น ๆได้อย่างหลากหลาย และใส่ซ้ำได้โดยไม่เบื่อ

•    ใช้บริการร้านเช่าชุด สำหรับชุดที่ใส่ในโอกาสสำคัญ หรือนาน ๆ จะมีโอกาสได้สวมใส่

•    เลือกซื้อเสื้อผ้ามือสอง

•    สนับสนุนแบรนด์เสื้อผ้าที่มีจริยธรรม และใส่ใจสิ่งแวดล้อม

•    ซ่อมแซมเสื้อผ้าแทนการทิ้ง เมื่อมีการชำรุด

ฟาสต์แฟชั่นอาจสะดวกและราคาไม่แพง แต่ผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อมนั้นรุนแรงมาก การเริ่มต้นปรับพฤติกรรมการบริโภคของเราถือเป็นก้าวสำคัญในการช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้


ที่มา :

 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

https://www.onep.go.th/30%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2566-textile-recycling-%

https://www.thansettakij.com/climatecenter/environment/598674

https://techsauce.co/saucy-thoughts/what-is-fast-fashion-and-how-dangerous-it-is

https://www.thansettakij.com/climatecenter/environment/598674    

https://techsauce.co/saucy-thoughts/what-is-fast-fashion-and-how-dangerous-it-is




คุณอาจสนใจ

Related News