เปิดคำแถลง “คิมซูฮยอน” ร่ำไห้กลางวงสื่อโค้งขอโทษ ยอมรับขี้ขลาดปิดเงียบคบ “คิมแซรน”

ปล่อยโฮโค้งขอโทษกลางวงสื่อ เปิดคำแถลง “คิมซูฮยอน” นักแสดงเกาหลีใต้ชื่อดัง ยอมรับขี้ขลาดปิดเงียบคบ “คิมแซรน” 1 ปี ยันไม่ได้คบตอนเป็นผู้เยาว์ เอ่ยปาก “ขอโทษครับ” เผยหลักฐานเชื่อถูกครอบครัวผู้ล่วงลับแบล็กเมล์ พร้อมขอปกป้องสิทธิ์ในสิ่งที่ถูกบิดเบือน

กรณีที่ทนายความของครอบครัว “คิมแซรน” ได้แถลงชี้แจงถึงการเปิดหลักฐานและความจำเป็นในการเปิดเผยว่า “คิมซูฮยอน” นักแสดงหนุ่มชื่อดัง เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ “คิมแซรน” ตั้งแต่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ และดำเนินคดีกับยูทูบเบอร์ อีจินโฮ ที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จและดูหมิ่น “คิมแซรน” เมื่อครั้งยังมีชีวิตจนทำให้เธอทุกข์ทรมานใจอย่างหนัก ขณะที่ฝ่าย “คิมซูฮยอน” กลับปฏิเสธว่าไม่เคยคบหากับ “คิมแซรน”

ล่าสุด “คิมซูฮยอน” นักแสดงชื่อดังของเกาหลีใต้ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมทนายความส่วนตัว โดยเจ้าตัวได้ร้องไห้อย่างหนักและยอมรับว่า เคยคบกับ “คิมแซรน” จริง แต่คบหาเพียง 1 ปีเท่านั้น ในช่วงปี 2019–2020 ซึ่งเป็นช่วงที่เธอบรรลุนิติภาวะแล้ว

ยืนยันว่า ไม่เคยคบหากันตอนเธอยังเป็นผู้เยาว์ ส่วนที่ตัวเองไม่กล้าเปิดเผยกับสาธารณะชนนั้นเพราะเป็นคนขี้ขลาดตาขาว อีกทั้งตอนนั้นกำลังถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Queen of tear อยู่ จึงกลัวว่าจะเกิดปัญหา หากย้อนเวลากลับไปได้ก็จะตัดสินใจแบบเดิม เพราะเป็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะดารานำ พร้อมเอ่ยปากว่า “ขอโทษครับ”

“คิมซูฮยอน” ยังได้ปฏิเสธกระแสข่าวที่กล่าวหาว่าบริษัท Gold Medalist ต้นสังกัด รวมถึงตัวเขาไม่ได้บีบบังคับ “คิมแซรน” เรื่องหนี้สิน อย่างที่ทนายความฝั่งครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวหา พร้อมเผยอีกว่าหลังเลิกกันไปแล้วต่างฝ่ายต่างห่างเหินและไม่ได้ติดต่อกันโดยตรงอีก นอกจากนี้ยังได้ตอบโต้ครอบครัวของ “คิมแซรน” ว่าได้เปิดเผยข้อความและเสียงที่ดัดแปลงเพื่อสร้างข้อกล่าวหาว่าเขาเป็นฝ่ายข่มขู่

พร้อมบอกอีกว่า จากการตรวจด้วยนิติวิทยาศาสตร์ (แต่ไม่ระบุว่าตรวจวิธีไหน) คนที่แชตกับ “คิมแซรน” ในข้อความที่ครอบครัวเอามาแฉ ไม่ใช่ตัวของเขา เป็นคนอื่นที่แชตกับคิมแซรนช่วงปี 2016 และ 2018 แต่ครอบครัวคิมแซรนจงใจเอาแชตนี้มาแบล็กเมล์

ในงานแถลงข่าวนักแสดงหนุ่มได้ยืนโค้งคำนับต่อหน้าสื่ออยู่หลายครั้ง และร้องไห้ออกมาอย่างหนัก พร้อมยอมรับว่ากลัวที่ถูกครอบครัวของ “คิมแซรน” แบลกเมล์ และบังคับให้ยอมรับข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ พร้อมขอยอมรับทุกคำวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่เคยทำ แต่สำหรับสิ่งที่ไม่ได้ทำ ก็จะขอยืนหยัดปกป้องสิทธิ์และจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันที่ไม่ใช่ความจริง ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมไม่ขอความไว้วางใจ แต่ผมจะพิสูจน์ความจริงด้วยตัวผมเอง”

เครดิต 연합뉴스TV