บันเทิง

‘ปู มัณฑนา’ เปิดใจทั้งน้ำตา โต้ถังแตก เป็นหนี้ก็ต้องใช้ ถามหาการเยียวยาจาก ‘ลูกหมี’ ทำเสียชื่อเสียง

โดย chutikan_o

11 ก.ค. 2567

330 views

‘ปู มัณฑนา’ เปิดใจทั้งน้ำตา เป็นหนี้ก็ต้องใช้ แต่ถามหาการเยียวยาจาก ‘ลูกหมี’ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ยืนยันบ้านไม่ได้ถังแตก

มหากาพท์เรื่องเจ้าหนี้-ลูกหนี้ ระหว่างอดีตนางแบบดัง ‘ลูกหมี รัศมี’ ในฐานะเจ้าหนี้ กับอดีตนางเอกดัง ‘ปู มัณฑนา’ ในฐานะลูกหนี้ที่ยืมเงินลูกหมีไป 2 ล้านบาทแล้วไม่คืน จนลูกหมีต้องเข้าแจ้งความ ก่อนจะมีเจ้าหนี้อีกหลายคนออกมาแสดงตัวว่าถูกปู มัณฑนา ยืมเงินแล้วไม่ได้คืนเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เรื่องราวก็ยืดเยื้อมาเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ตอบโต้ผ่านสื่อกันเป็นระยะ เคยไปนัดไกล่เกลี่ยกันที่ สน.ทองหล่อ มาแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล  

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (10 ก.ค.) ปู มัณฑนา พร้อมสามี หาญส์ หิมะทองคำ และทนายประมาณ เลืองวัฒนะวนิช ก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวอีกครั้ง โดยทนายประมาณเผยว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันยากตรงที่เจ้าหนี้ทวงถามลูกหนี้โดยถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาปูได้ส่งดอกเบี้ยมาตลอด แต่เพิ่งผิดนัดส่งดอกเบี้ยแค่ครั้งเดียวฝั่งของลูกหมีก็แจ้งความเลย ซึ่งพอแจ้งความไปแล้วก็ต้องมานั่งคุยกันว่าจะตกลงกันยังไงต่อ ก็เลยไม่สามารถที่จะทยอยจ่ายได้เหมือนเดิม และมาประสบกับที่ปู เจอปัญหาโดนโกงที่ดินและเงินลงทุนขาดมือ ที่ดินที่จะไปขอกู้ 100 ล้านก็โดนโกงไป แต่การถูกโกงที่ดินก็ไม่ได้เป็นเหตุผลในการที่จะไม่ชำระหนี้ ยืนยันหนี้ก้อนนี้ยินดีชำระแน่นอน แต่หลังจากไปตรวจสอบจากบัญชีเงินของปู ที่โอนเข้าโอนออกระหว่างปูกับลูกหมี ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน จนมาถึงเดือนมกราคม รวมทั้งหมด 4 ล้านบาท โดยปูก็ได้โอนไปให้ลูกหมี ตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงเดือนมีนาคม รวมทั้งสิ้น 2.6 ล้านบาท เพราะฉะนั้นจะเหลือเงินของลูกหมีอยู่ที่ปู แค่ 1.4 ล้านบาท ไม่ใช่ 2 ล้านบาท ตามที่ลูกหมีออกมาให้ข่าว เพราะฉะนั้นตัวเลขที่จะไกล่เกลี่ยและตกลงกันได้จึงอยู่ที่ 1.4 ล้านบาท ส่วนในสัญญาเงินกู้ 2 ล้านบาท ไม่ใช่หนี้จริง ซึ่งในทางกฎหมายลูกหนี้ต้องชำระหนี้ตามมูลหนี้จริง ไม่ใช่มูลหนี้ตามสัญญาที่เขียน

ส่วนที่สังคมตั้งคำถามว่า “เป็นหนี้แล้วทำไมไม่จ่าย จ่ายเรื่องก็จบ?” ทนายประมาณก็บอกว่า เงิน 1.4 ล้านบาท จะจ่ายให้ลูกหมีแน่นอน แต่ถึงแม้จะจ่ายหนี้ไปแล้วแต่เรื่องก็ยังไม่จบ เพราะยังมีคดีหมิ่นประมาท ใส่ความ ทวงถามผิดกฎหมาย ดอกเบี้ยผิดกฎหมาย ที่ยังต้องไปเคลียร์กันในศาลอีก ยืนยันว่าหนี้ 1.4 ล้านบาท จ่ายแน่ ไม่ต้องห่วง แต่เรื่องรายละเอียดว่าจะจ่ายกันยังไง ก็ต้องคุยอีกที ซึ่งจะนัดไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ ซึ่งฝั่งตนเองยินดีไกล่เกลี่ยที่ตัวเลขหนี้ 1.4 ล้าน แต่หากคู่กรณียังเรียกร้องจำนวน 2 ล้านเหมือนเดิม ก็ไม่ต้องพูดกัน รอไปพิสูจน์กันในศาลทีเดียว เพราะไม่ใช่มูลหนี้จริง

ขณะที่ปู มัณฑนา ก็เปิดใจทั้งน้ำตาบอกว่า วันนั้นในห้องไกล่เกลี่ย ลูกหมีโอเคแล้วกับยอดหนี้จริงที่ 1.4 ล้านบาท หลังจากนั้นตนเองก็ได้ถามลูกหมีว่า ลูกหมีจะเยียวยา ชดเชยให้ตนเองยังไง กับเรื่องที่ลูกหมีทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง ลูกหมีก็บอกว่าเขาจะเดินสายขอโทษทุกรายการที่เขาเคยพูดด่าตนเอง ซึ่งหลังจากลูกหมีเดินสายออกรายการขอโทษจบแล้ว ตนเองก็จะจ่ายหนี้ 1.4 ล้านบาท ให้เขา และวันนั้นลูกหมีก็ได้ขอโทษตนเองกับหาญส์ในห้องไกล่เกลี่ยด้วย และเขาก็บอกอีกว่าจะออกไปขอโทษต่อหน้าสื่อด้วย แต่อยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาบอกว่า “ผมไม่จบ ผมไม่เอา 1.4 ล้าน ใครบอกให้ลูกความผมเอา ผมจะเอา 2 ล้าน” ทั้งที่จริงๆ วันนั้นมันจะจบลงด้วยดีอยู่แล้ว และลูกหมีก็ยอมรับต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยแล้วด้วย ซึ่งปูยืนยันว่ายอดหนี้ 1.4 ล้าน ไม่ใช่ยอดที่ลูกหมีลดให้ แต่มันคือมูลหนี้จริง ส่วนเรื่องคดีก็ต้องว่ากันไปตามคดี แต่เรื่องหนี้ปูบอกว่า “เราเป็นหนี้ เราก็ต้องจ่ายเขา” และตั้งใจว่าจะจ่ายให้ก้อนเดียวเลย

ทนายประมาณ บอกอีกว่า หาญส์เคยมาพูดกับตนเองว่า ทางฝั่งคู่กรณีพูดหมิ่นประมาท ทำลายชื่อเสียงฝั่งตนเองขนาดนี้ แค่คำขอโทษมันพอเหรอ แค่คำขอโทษแล้วจบเลยมันใช่เหรอ มีวิธีการที่ดีกว่านี้รึเปล่า ที่จะทำให้เรื่องจบไปเลย โดยที่ไม่ต้องขึ้นศาลกันอีก ซึ่งหาญส์ก็บอกว่าไม่รู้จะตอบยังไง เพราะไม่เคยโดนอะไรแบบนี้ คิดไม่ออกเหมือนกัน คิดว่าคนที่ฝ่ายกระทำควรคิดแล้วมาบอกตนเองดีกว่าไหมว่าจะเยียวยายังไง ขณะที่ทนายประมาณก็บอกว่า ถ้าจะให้คำนวณมาเป็นตัวเงินก็คงไม่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องเงิน และที่มีคนบอกว่าที่ปูจะดำเนินคดีหมิ่นประมาทเพราะจะเอาไว้ต่อรองเกี่ยวกับการจ่ายหนี้ 1.4 ล้านนั้น ทนายก็ยืนยันว่าไม่ใช่ เงิน 1.4 ล้าน กับคดีหมิ่นประมาทเป็นคนละเรื่องกัน มันเทียบอะไรกันไม่ได้ เงิน 1.4 ล้านเยียวยาด้วยการชำระหนี้ แต่การทำลายชื่อเสียงมันไม่รู้จะเยียวยายังไง ยังหาทางออกที่จะเยียวยาไม่ได้ เพราะมันกระทบไปถึงลูกๆ ของปูและหาญส์ด้วย ตั้งแต่ทำงานมา 40 กว่าปี ยังไม่เคยเจอการทวงหนี้แบบออกอากาศแบบนี้มาก่อน พร้อมแนะนำว่าเวลาจะทวงเงินก็ควรจะทำตามกฎหมาย ไม่ใช่ไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น

ส่วนเรื่องการเซ็นสัญญากระดาษเปล่า ปู มัณฑนา บอกว่า เธอเซ็นกระดาษเปล่าจริงๆ โดยลูกหมีได้ส่งสัญญาเงินกู้เปล่าๆ มาให้ โดยที่ไม่ได้เขียนอะไรเลย เขาบอกว่าให้พี่ปูเซ็นอย่างเดียว ปูก็ถามกลับไปว่า จะขอเขียนดอกไปได้ไหมว่าลูกหมีคิดดอกทั้งรายวัน รายเดือนเท่านี้ แต่เขาบอกว่าพี่ปูไม่ต้องเขียน เดี๋ยวเขาผิดกฎหมาย ที่ปูยอมเซ็นกระดาษเปล่าเพราะเห็นว่ามูลหนี้ไม่ได้เยอะ มูลหนี้จริงแค่ 2.7 ล้านบาท แต่โอนไปโอนมาก็เลยเป็นยอด 4 ล้านกว่า และที่ยอมเซ็นกระดาษเปล่า ก็เพราะมั่นใจว่าถ้าเกิดเธอเก็บเงินจากเพื่อนไม่ได้ ก็สามารถจ่ายให้เขาเองได้ มีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว พร้อมท้าลูกหมีให้ไปสาบานเรื่องการเซ็นสัญญา ที่เขาเคยบอกว่าไม่เคยส่งกระดาษเปล่ามาให้ตนเองเซ็น

ส่วนเรื่องที่ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายเอาเอกสารหลักฐานไปทวงเงินกับบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง แทนที่จะมาทวงกับปูโดยตรง หาญส์ก็บอกว่า เหตุผลที่ให้คุยผ่านบริษัทการเงิน ก็เพราะว่าตนเองไม่รู้ว่าปูติดหนี้ใครบ้าง ถ้ารู้ก่อนตั้งแต่แรกก็สามารถให้มาคุยส่วนตัวได้ แต่เนื่องจากไม่ทราบว่าลูกหนี้เป็นใครบ้าง ก็เลยอยากให้เจ้าหนี้ตัวจริงที่บอกว่าปูยืมเงิน เอาหลักฐานมากางให้ชัดเจน ทำให้เป็นระบบ ซึ่งนี่ถือเป็นความตั้งใจในการรับผิดชอบของตนเอง ซึ่งปูทำธุรกรรมกันเอง โดยที่ไม่ได้บอกอะไรตนเองเลย และเขาก็ไม่เคยถาม เพราะไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน แต่พอมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ

ปู มัณฑนา พูดอีกว่า ตนเองไม่ได้ยืมเงินใคร แต่ลูกหมีเป็นฝ่ายเอ่ยปากอยากให้ยืมเอามาปล่อยดอก เพราะแต่เดิมเขาทำธุรกิจกับร้านแว่น แล้วก็ไปเล่นหุ้นกับเพื่อน แล้วเขาก็ไม่ได้ดอกเบี้ยมาหลายเดือนแล้ว เขาก็มาปรึกษาปูว่าอยากได้รายได้เพิ่ม ก็เลยเอาเงินมาปล่อยดอกกัน สามีไม่ได้ทราบว่าปูทำธุรกิจอะไร เพราะเป็นธุรกิจของกลุ่มผู้หญิง กลุ่มแม่ๆ ที่อยากมีรายได้เพิ่มเติม ก็เอาเงินมาทำธุรกิจด้วยกัน ให้กู้ยืมกัน ซึ่งทุกคนไม่ได้สนใจว่าปูจะเอาไปทำธุรกิจอะไร ทุกคนสนใจแต่ดอกเบี้ย โดยปูทำหน้าที่เป็นคนกลางรับเงินจากนายทุนมาปล่อยให้เพื่อนๆ กู้ไปทำธุรกิจ

นอกจากนี้ ปูยังได้ชี้แจงประเด็นข่าวเรื่องครอบครัวถังแตก เหลือเงินติดบัญชีแค่ 14 บาท ว่าไม่เป็นความจริง พร้อมกับเล่าถึงที่มาข่าวนี้ให้ฟังว่า วันนั้น ‘ลิลลี่’ พาน้องชื่อ ก. ไก่ มาทานข้าวกับปูที่ร้านอาหารญี่ปุ่น มาปรับทุกข์เรื่องปัญหาของแต่ละคนกัน ปูก็บอกไปว่าตอนนี้กำลังเครียดเรื่องที่ดิน แล้วน้อง ก.ไก่ ก็บอกว่าเขารู้จักอัยการ เขาสามารถช่วยเหลือได้ แล้วเขาก็พยายามขอเงิน 5 แสนบาท แต่เธอคิดว่าคนเพิ่งรู้จักกัน ก็ไม่อยากให้เขา ก็เลยบอกเขาไปว่าพี่ปูไม่มีเงินจริงๆ ยืนยันว่าบ้านไม่ได้ถังแตก พร้อมแจกแจงทรัพย์สินว่า เรามีที่ดินที่เป็นลานจอดรถ รพ.เทพธารินทร์ มูลค่า 180 ล้าน ส่วน รพ.เทพธารินทร์ ก็เป็นของน้องชายคุณพ่อพี่หาญส์ เป็นที่ๆ พ่อพี่หาญส์ยกให้น้องชาย แล้วก็มีที่ดิน 8 ไร่หลังโรงพยาบาล และยังทำธุรกิจให้เช่าที่ดิน มีที่ดินอีก 4 ไร่ แถวศรีนครินทร์ ตอนนี้ฟู้ดแลนด์เช่าอยู่, ที่ดินที่คลอง 13 เกือบ 100 ไร่, ที่ดินที่สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เราทำอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้ถังแตก ขอโทษตระกูลหิมะทองคำด้วยที่เป็นสะใภ้แล้วทำให้ทุกคนเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนที่เขาบอกว่า ปูใช้เงินคืนหนึ่ง 3 หมื่น, 5 หมื่น ปูยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง เพราะพี่หาญส์ซัปพอร์ตตนเองตลอด เขาให้เครดิตการ์ดไว้ ปูจะรูดเลี้ยงเพื่อนเขาไม่เคยว่า ปูเป็นพี่ที่โตสุดในกลุ่มก็ต้องดูแลและเลี้ยงน้องๆ เวลาไปเที่ยว ไปทานข้าวกัน ก็เป็นฝ่ายเลี้ยงตลอด

ส่วนที่ลิลลี่พูดในรายการโหนกระแสว่า ยินดีจะยกหนี้ให้ถ้าปูขอโทษเขา ปูก็ประกาศเลย พี่ไม่ขอโทษค่ะ พี่เป็นหนี้ก็ต้องใช้ค่ะ ปูไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาเลย ก่อนหน้าที่เขาจะไปแถลงข่าวกับลูกหมี 2 วัน เขาก็ยังมากินเที่ยวกับเธอที่ทองหล่ออยู่เลย และก็ยังโทรมาขอโทษว่า “พี่ปู หนูขอโทษนะ หนูจะต้องไปออกรายการกับพี่ลูกหมีเพราะหนูรับปากไว้แล้ว ถ้าหนูไม่ไป หนูเป็นหมา” แล้วเขายังบอกอีกว่าจะมาเป็นพยานที่ปูโดนมิจฉาชีพหลอกด้วย ที่ผ่านมาไม่เคยถือสาลิลลี่เลย แต่ล่าสุดที่เขาไปออกรายการโหนกระแส เขาพูดแรงกับปูมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปโดนใครยุ ถึงได้ด่าแรงมาก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเที่ยว ยังสนุกด้วยกันอยู่เลย ยอมรับว่าเสียใจกับลิลลี่ เพราะรักและเอ็นดูเขามาก ไม่เคยโกรธเขาเลย ยังรักน้องเหมือนเดิม แต่ในส่วนของคดีความก็ต้องว่ากันไป ส่วนจะฟ้องเรื่องหมิ่นประมาทด้วยหรือไม่ขอปรึกษาทนายก่อน

ส่วนที่ทนายเดชาออกมาโพสต์ว่า “ลูกหมีถูกขู่ จะไม่ใช้เงินคืนแล้วต้องติดคุก” ทนายประมาณก็บอกว่าไม่มีใครไปขู่เขาเลย เชื่อว่าที่เขาโพสต์แบบนั้น เพราะอยากให้คนพุ่งเป้าไปที่ ปูและหาญส์มากกว่า ส่วนปูก็ท้าว่าให้เขาเอาหลักฐานมายืนยันเลย มีแต่ลูกหมีที่ไปบอกทุกพรรคการเมืองว่า “เมียหาญส์ หิมะทองคำ ติดหนี้ออกเช็คเด้ง 2 ล้าน” จนเจ้านายของหาญส์ โทรมาหา ส.ส. โทรมาหาหลายท่าน ซึ่งวันนั้นปูก็ร้องไห้เสียใจมาก เพราะพี่หาญส์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย แต่ปูทำให้พี่หาญส์เสื่อมเสียชื่อเสียง

ส่วนสภาพจิตใจ ปูบอกว่าเพิ่งเข้าโรงพยาบาลไป 5 วัน และตั้งแต่เกิดเรื่อง เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว 6 ครั้ง น้ำหนักลดลงไป 7 กิโล ยอมรับว่าเครียดจากกระแสโซเชียลที่ด่าเยอะมากๆ และทนายเดชากับทนายกุ้งก็ไลฟ์ด่าทุกวัน จนถึงขั้นต้องปรึกษาจิตแพทย์ และต้องกินยาวันละ 10 เม็ดเพื่อให้นอนหลับได้ เข้าวงการมา 20 กว่าปีไม่เคยมีข่าวเสียหาย เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบไปถึงลูก ถึงขั้นลูกไม่กล้าเข้าห้องเรียน จนบางวิชาไม่มีสิทธิ์สอบแล้ว


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/TThSzi5SzTg

คุณอาจสนใจ

Related News