บันเทิง

ไม่สะดวกจ่าย! 'ปู มัณฑนา - ลูกหมี' ไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ จ่อฟ้องกลับทำเสียชื่อเสียง

โดย paweena_c

5 ก.ค. 2567

70 views

“ปู มัณฑนา” มาตามนัด เข้าไกล่เกลี่ย “ลูกหมี รัศมี” ปมยืมเงิน 2 ล้านบาท สุดท้ายไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ

กรณีที่ก่อนหน้านี้นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี นางแบบชื่อดังยุค 90 เข้าพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านกฎหมาย หลังถูกอดีตนักแสดงสาว อักษรย่อ ป. และมีสามีเป็นนักการเมือง ยืมเงินจำนวน 2 ล้านบาทโดยอ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนธุรกิจกระเป๋า พอให้เช็คมาปรากฏว่าเช็คเด้ง ก่อนขาดการติดต่อไป โดยหลังจากนั้นปรากฏว่ามีผู้เสียหายโดนแบบเดียวกันอีกหลายราย

ล่าสุดวันนี้ (4 ก.ค.67) เวลา 14.00 น. ที่ สน.ทองหล่อ คุณปู มัณฑนา หิมะทองคำ และสามี คือคุณหาญส์ ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ พร้อมด้วยทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช และทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช ทีมทนายความ เดินทางถึง สน.ทองหล่อ ซึ่งครั้งนี้คุณปู มาตามหมายเรียกครั้งที่ 3  โดยเธอสวมใส่ชุดสีแดง สีหน้ายิ้มแย้ม ทักทายสื่อมวลชน

โดยก่อนเข้าไปพบพนักงานสอบสวน คุณปู มัณฑณา เผยสั้นๆว่า "วันนี้มาตามนัดไกล่เกลี่ยที่ได้มีการนัดหมายไว้ซึ่ง ยืนยันว่าหนี้มีเท่าไหร่จ่ายหมด ไม่มีไม่จ่าย ผู้สื่อข่าวก็พยายามสอบถามคุณปูมัณฑนาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีความกังวลอะไรหรือไม่  คุณปู เปิดเผยว่า “วันนี้ไม่ได้กังวลอะไร

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ในเวลา 13.15 น. คุณลูกหมี รัศมี นางแบบชื่อดัง เดินทางมาถึงที่ สน.ทองหล่อ ก่อนเข้าไปใน สน.ทองหล่อ คุณลูกหมี เปิดเผยว่า ครั้งนี้เดินทางมาตามนัดเพื่อไกล่เกลี่ย ส่วนที่อีกฝ่ายบอกว่าคดีจะพลิกนั้น ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าพลิกอะไร อย่างที่บอกไปทุกครั้งเลยว่าให้พี่เค้ายืมเงิน ตนเองก็อยากได้เงินคืน 2 ล้านบาท ก็ไม่ได้ยากอะไร แต่จากที่ดูในหมายข่าว ก็ดูยุ่งยากพอสมควร พร้อมยืนยันว่า 2 ล้านบาท บาท เป็นเงินต้นอย่างเดียว ตนพูดตรงนี้ไม่เคยทำอาชีพปล่อยกู้ และที่เขายืมเงินไป ควรจัดการให้ลูกหมีเองทั้งหมด ลูกหมีไม่รู้ว่าการได้ดอกเบี้ยต้องได้เท่าไหร่จริงๆ

ทั้งนี้  ยืนยันว่าแชทก็มีตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ส่วนที่คู่กรณีมีเงินไปจ้างทนายความ คุณลูกหมีย้ำว่า ก็รู้สึกตั้งนานแล้ว เห็นมีเงินใช้จ่ายกับครอบครัว กินข้าวที่ดูดี หรือจะไปงาน อะไรต่างๆ ก็เห็นว่าใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ การที่เอาเงินส่วนหนึ่งมาใช้หนี้ เราไม่ต้องจ้างทนาย ยังจะง่ายกว่ากับการ ที่ตัดสินใจแบบนี้ ก็คิดว่าเป็นทัศนคติที่ไม่โอเค

ลูกหมี บอกว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะว่าตั้งแต่แถลงข่าวกับสื่อมวลชนไป เจตนาของตนอยากเป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าให้ใครยืมเงิน เพราะการทิ้งเงินออกไปแล้วมันไม่ได้กลับมา ก็ให้ตัดสินใจกันเอาเองว่าการกระทำแบบนี้เหมาะสมหรือไม่

ส่วนตัวอยากให้ไกล่เกลี่ยให้จบ เพราะตั้งแต่เริ่มต้นรู้จักพี่เขาก็มีความเคารพนับถือให้แล้ว แต่วันนี้เป็นการตัดสินใจของพี่เค้าว่าจะมาในแบบไหน แต่เราแค่ต้องการเงิน 2 ล้านบาทของเราคืนเท่านั้นเอง และหากเจอหน้ากัน ก็คงให้ทนายกุ้ง กับทนายเดชาเป็นคนคุยกับคู่กรณีดีกว่า คงไม่ต้องพูดอะไรกับพี่เขา

จากนั้นทีมทนายความของคุณลูกหมี คือ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และ น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง เดินทางมาถึง สน.ทองหล่อ โดยทนายเดชา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนที่จะเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยว่า มาเป็นกำลังใจให้กับคุณลูกหมีสำหรับตนหลักการไม่มีอะไรมาก เป็นหนี้ ก็แค่ต้องใช้หนี้ ไม่ใช่มาฟ้องกลับ เอาจริงๆตนรู้จักกับคนที่อยู่ในคดีนี้ทั้งหมด ก่อนจะบอกว่า น่าจะมีข่าวดี ตกลงกันได้ และไม่คิดว่าทนายประมาณจะพาคุณปู มาดำเนินกับคุณลูกหมี

ส่วนเรื่องดอกเบี้ยที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าคิดดอกเบี้ย 1,200% นั้น ตนไม่ได้หนักใจอะไรเลยเรามีหลักฐาน ทั้งแชทไลน์ที่มีการพูดคุย คลิปเสียง และสลิปหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งดอกเบี้ยที่อ้างว่ามีการคิดเกินอัตราตามกฎหมายนั้นเป็นการเสนอมาจากฝั่งคู่กรณี ไม่ได้เป็นการเรียกร้องจากเจ้าหนี้ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ไม่ได้ถือว่าเป็นความผิดเพราะฝั่งคู่กรณีเป็นคนเสนอที่จะให้เอง ทั้งนี้ เรากังวลอยู่เรื่องเดียว คือกลัวเขาไม่ยอมจ่าย ส่วนเรื่องคดีพลิก คงไม่มีกลัวจะเป็นการพลิกลิ้นมากกว่า

โดยอีกหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกคุณปู มัณฑณายืมเงินไปจำนวน 670,000 บาท คือ ลิลลี่ เหงียน ก็ได้เดินทางมาที่ สน.ด้วย โดยเธอสวมใส่ชุดนางรำมา เพราะรับงานรำไว้ เมื่อมาถึงพบว่ามีโอกาสได้ทักทายกับคุณปูด้วย ซึ่งในคลิปลิลลี่ น่าจะถามปูว่าจะฟ้องหนูหรอ แต่ ปรากฏว่าปูเข้ามาจับคางลิลลี่ ในท่าทีเอ็นดู บอกว่า “พี่จะฟ้องน้องอะไรล่ะ” น้องออกรายการแฉพี่

ก่อนที่คุณปูได้เข้าไปทักทายแบบแก้มชนแก้ม พร้อมกับสวมกอด ก่อนเข้าพบ พนักงานสอบสวน

จากนั้นลิลลี่ เหงียน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า เมื่อวานนี้ (4 ก.ค.67) ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยเจรจา กับ พี่ปู มัณฑนา เนื่องจากตนเองนั้นจะต้องรีบไปทำงาน และทางทนายจะต้องมีการเจรจา กรณีของพี่ลูกหมีก่อน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้คำแนะนำว่าหากตนเองไม่ว่าง แต่พี่ปูมัณฑนา ก็สามารถที่จะลงบันทึกประจำวัน ยอทรับสภาพหนี้มีมีกับตนเองได้ แต่ก็ไม่รู้พี่ปูจะยอมหรือไม่

แต่ถึงอย่างไรตนก็อยากให้พี่ปู เขาจะเห็นใจเจ้าหนี้ตัวน้อยๆคนนี้สักนิดหนึ่ง เอาจริงๆก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน แถมเรายังพูดคุยกันดีด้วยมีแค่ช่วงเวลาสองสามวันนี้ที่ไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ประเด็นที่ตนโกรธพี่ปูเนื่องจาก ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พี่ปู ได้ยืมเงินของตนเองไป 800,000 บาท และมีการใช้คืนมาแล้ว 200,000 บาท แต่เมื่อ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่ปูมาขอยืมเงินตนอีกเองอีก 70,000 บาท นำไปค้ำประกันเพื่อทำธุรกิจ แล้วตนมารู้ทีหลังว่าพี่ปูเอาเงินจำนวนดังกล่าวไปให้กับอีกคนหนึ่งเพื่อใช้หนี ตนจงจึงรู้สึกโกรธ

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ตนบอกพี่ปูไปแล้วว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินค่าประกันของครอบครัว เมื่อถึงเวลาที่ตนเองต้องจ่ายเงินประกันจริงๆ กลับไม่ได้คืน ทำให้ตนต้องไปขายนาฬิกา1เรือน เพื่อนำเงินดังกล่าวไปจ่ายค่าประกันให้กับครอบครัว ซึ่งตนอยากจะบอกว่าจำนวนเงินที่พี่ปูยืมไปถ้าเป็นเมื่อก่อนตนไม่เอาคืนก็ได้แต่ปัจจุบันเงินทองค่อนข้างหายากและลำบากจึงอยากจะขอให้พี่ปูเมตตาตนเองหน่อย จะคืนมาก่อน 2-3 หมื่นหรือจะทยอยจ่าย 2,000-3,000 บาท จะขอเวลา 1 สัปดาห์หรือ 1 เดือนตนเองก็ยอมแค่ขอให้เขายอมจ่ายเงินคืนมา ก่อนหน้าพี่ปูจะมายืมเงินตนเองก็พูดถึงความยากลำบากการถูกโกงต่างๆ ตนจึงให้ยืมเงินแต่ปัจจุบันตนเองลำบาก พี่ปูก็ควรจะเห็นใจตนและคืนเงินตนมาเช่นเดียวกัน

จากนั้น คุณปู พร้อมด้วยคุณหาญส์ และ ทนายประมาณ และทนายกิ่ง ได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน โดยมีการนำชาร์จสเตทเม้นต์ 4 แผ่น และ แชทไลน์การพูดคุยระหว่างคุณปู กับ คุณลูกหมี รวมทั้งหมดจำนวน  16 แผ่น มานำแสดงต่อสื่อมวลชน

สรุปคือมีการยืมเงินทั้งหมด 4,057,700 คืนมาแล้ว 2,640,498 บาท คงเหลือ 1,417,201 บาท ซึ่งคุณปูยืนยันว่าจะคืนยอดนี้ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กรณี เป็นเรื่องของจำนวนเงิน และคดีความ ในเรื่องของเงินคุณปูและคุณหาญจะคืนเงินยอด 1.4 ล้านบาท ในส่วนของคดีความในฐานหมิ่นประมาทจะดำเนินการฟ้องกลับบุคคลทุกกลุ่มที่ทำให้เสียชื่อเสียง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่ลูกหมีเคยพูดในรายการหนึ่ง ว่า" ลูกหมีไม่เก่งตัวเลข ไม่เคยให้ใครกูยืม บางทีพี่เค้าก็โอนให้ พัน สองพัน" จึงเอาหลักฐานแชทการกู้ยืมมาเปิด (ชาร์ต)

จากนั้น ยังมีการนำเอาแชท LINE  ที่พูดคุยกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการเรียกอัตราดอกเบี้ยกับทางคุณปูจริง พร้อมยกตัวอย่างบางข้อมูลว่า  คุณลูกหมีไม่เก่งตัวเลข ไม่เคยให้ใครกู้ยืม แต่บางทีพี่เค้าก็โอนให้ 1,000-2,000 บาท รวมถึงข้อความที่ให้คุณปูเขียนเช็คไว้ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการไปออกรายการต่างๆ  ทำให้คุณปูได้รับความเสื่อมเสีย  ยืนยันว่าทุกวัน ทุกจำนวน มีที่มาที่ไปหมด และยอดหนี้วันนี้ วันที่คุณลูกหมีโอนมา กับคุณพี่ปูโอนกลับคืน ลบกันแล้ว เหลืออยู่จำนวน 1,400,000 บาท

แต่ปัญหาคือ 1,400,000 บาท จะจ่ายยังไง และคุณทำลายชื่อเสียงคุณปูขนาดนี้ จะชดเชยยังไง ต้องเอาความจริงมาพูด และข้อมูลนี้ที่ไล่เรียงมาไม่ใช่จำนวน 2,000,000 เพราะมีการรวมดอกเบี้ยไว้อยู่แล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องพาคุณปูมาที่สน.และไกล่เกลีย ได้ยื่นข้อเสนอไปแล้วว่า 1,400,000 บาท คุณปู คุณหาญส์ พร้อมจะรับผิดชอบ จะจ่ายสดก่อน หรือ จะแยกก้อนจ่าย ทยอยจ่ายเธอ หรือยังไง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ประจานโพธนา คุณจะรับผิดชอบยังไง

ทนายระบุว่า มีสองแนวทางไก่เกลี่ยเลย คือ เอาคดีเช็ค แยกจากคดีหมิ่นประมาท เหลือคดีหมิ่นประมาท ที่จะเตรียมฟ้อง 3 คน ก็จัดการตามกฏหมาย และข้อสอง กูจะรับผิดชอบยังไงในเรื่องที่ทำไปตั้งแต่ 13 มิถุนายนเป็นต้นไป จนถึงเมื่อเช้าวานนี้ (4 ก.ค.67)

ด้านคุณหาญส์ ระบุว่า คำแรกที่ต้องพูดคนละมีหนี้ ต้องใช้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าวงเงินนี้เค้าลงไว้ 2,000,000 อย่าเรียกว่าเป็นคดีเพราะนี่ไม่ใช่คดี เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ ที่จริงแล้วสามารถที่จะประนีประนอมที่ สน. ด้วยร้อยเวรได้ ถ้าไม่ได้ค่อยว่ากัน แต่เรื่องราวที่ออกไปเพราะตนเองก็เพิ่งมาทราบจากคุณปู โดยสิ่งแรกหลังทราบ ได้มีการแต่งตั้งบริษัทให้ดูแลเรื่องเงินทั้งหมด ที่ผ่านมา พยายามทั้งโทรทั้ง LINE หาคุณลูกหมีก็ไม่รับ ไม่ตอบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เคยคุยไม่เกิน 10 คำ และมีการแอด LINE ส่งบันทึกประจำวัน คุณหาญส์ก็ไม่ได้อ่าน

ส่วนข้อมูลที่ทนายได้ชี้แจง พูดทำให้ตัวเองดูดี พูดเลยว่าไม่มีดอกเบี้ย แต่อย่างที่ทนายประมาณพูดว่า ผ่านไปแต่ละชั่วโมงอีก 2,000 ทีละชั่วโมง 2,000 ถ้าลงทุนบอกตนหน่อยว่าอะไร ตนจะได้เอาไปลงทุนบ้าง

โดยเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การลงทุน มันเป็นดอกเบี้ย แต่มีการเอาไปบอกว่าคิดไม่เป็นหรอกดอกเบี้ย แต่ก็เห็นชัดเจนในไลน์ว่าคุณเป็นคนแชทมาเอง จะรับผิดชอบยังไง

คุณเริ่มแต่แรก หิวแสงหรือเปล่าไม่มั่นใจ ทำไมไม่ดูตัวเอง รุ่นพี่ผม เพื่อนผม ก็ยังมีงานกันเยอะแยะทุกคน ต้องดูตัวคุณเองว่าเป็นคนแบบไหนอย่างไร ผู้หลักผู้ใหญ่ถึงไม่จ้างคุณถึงไม่ให้งาน แต่ก็เห็นๆกันอยู่ และที่โมโห คือปู กับสิ่งที่กระทบมากที่สุดคือลูกสามคน คนแรก บรรลุนิติภาวะแล้ว อีกสองคนยัง วันนั้นไปงานจบ ม. 6 มีคนตะโกนมาเลย “เฮ้ยเสื้อสีแดง แม่จ่ายเงินยัง” คุณคิดว่าผมจะคิดยังไง และตระกูลของหิมะทองคำมี 200ถึง 300 คน เดี๋ยวผมจะไล่ให้หมด ถ้าวันนี้ออกมาแบบนี้ ภรรยาผมเกิดไม่มีงานขึ้นมา เพราะเรื่องที่ลูกหมีไปพูดแล้วเป็นความเท็จ จะรับผิดชอบยังไง

โดยตระกูลผมเสียหาย การกรีดหัวใจมันจะเป็นแผลเป็นไปจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้แต่สุดท้ายได้ขึ้นศาล หากศาลตีความหมายว่าความเจ็บปวดว่า ตีได้เป็นจำนวน 10 ล้านบาท ก็จะจัดการ และที่เหลือก็จะเอาไปบริจาคในนามหาญส์ หิมะทองคำ

เพราะฉะนั้นที่คุณลง ที่เขียนทั้งหลายไม่ต้องลบ เพราะผมได้ให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะไล่ฟ้องหลายคนเลย เตรียมเงินไว้เลย ยืนยันว่าวันนี้เตรียมแจ้งความ และฟ้องเริ่มจากการรายการหลักๆ    

ด้านคุณปู มัณฑณา ยืนยันว่า คืนเงินคุณลูกหมี รัศมี อย่างแน่นอน ส่วน ระยะเวลาในการคืนนั้นยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน

เมื่อถามว่าหากอีกฝ่ายขอให้คืนในวันนี้ก็มีพร้อมคืนให้ใช่หรือไม่ คุณปู มัณฑณา กล่าวว่า มีพร้อมที่จะคืนแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำกับปูกับลูกปู กับครอบครัวปู เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกัน แต่เรื่องเงิน ยอดหนี้ที่ค้างอยู่ยังไงก็ต้องใช้อยู่แล้ว ไม่เคยบอกเขาว่าจะไม่

ก่อนหน้านี้เขาส่งตัวแทน ส.ส.ท่านหนึ่งมาคุย บอกว่า ยอดหนี้ที่เหลือ 2 ล้าน ซึ่งเป็นช่วงเดือนเมษายนทีตนโดนโกงที่ดิน 100 ล้านพอดี จึงบอกว่า จะเอาชิอินทร์ที่เหลืออยู่ประมาณ 4 โฉนดไปขายฝาก และคืนเงินให้ จากนั้น ส.ส.ตอบกลับมาว่า ได้คุยกับคุณลูกหมีแล้ว หากขายฝากที่ดินไม่ได้ ให้เอาโฉนดที่โคฟเวอร์ 2 ล้านไปขายฝากเป็นชื่อลูกหมี แล้วพอตัวเองมีเงินถึงไปไทยโฉนดคืนมา ซึ่งก็มีการนัดหมายกันว่าจะไปโอนในวันที่ 14 เดือน มิ.ย. แต่ปรากฏว่าวันที่ 13 มิ.ย.มีการไปแถลงข่าวที่สำนักงานของทนายเดชา

คุณปู มัณฑณา  ยืนยันว่า ไม่เคยห่างหายการพูดคุยกับคุณ สามารถดูตามแชทไลน์ได้เลยว่ามีการติดต่อกัน นอกจากนี้ยังพบว่า ลูกหมี รัศมี มีการไปพูดคุยกับพรรคการเมืองหลายพรรคมาก รวมทั้ง พรรคการเมืองของสามีตนด้วย ว่า เมียของหาญส์ หิมะทองคำ เซนต์เช็คเด้งจำนวน 2 ล้านบาท จนเจ้านายสามี และนักการเมืองโทรศัพท์มาสอบถาม และหลายคนเอาเรื่องนี้ไปนินทากันให้แซด

ส่วนเรื่องเช็คเด้งนั้น คุณปู มัณฑณา ชี้แจงว่า ฝั่งลูกหมี รัศมี เป็นคนขอเองว่า ขอเช็คพี่ปูค้ำประกันเพื่อความสบายใจได้หรือไม่เราจึงให้เช็คดังกล่าวไป ไม่ว่าฝั่งลูกหมีจะขอให้ทำอะไร หรือเซ็นอะไร แม้แต่เป็นลายเซ็นในกระดาษเปล่าทั้งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะเขียนเขียนเนื้อหาอะไร

คุณปู มัณฑณา กล่าวว่า ตัวเองจริงใจกับลูกหมี หาเงินให้ลูกหมี ในห้วงเวลา 4 เดือน กว่า 6 แสนบาท แต่เขากลับมาทำครอบครัว และลูกแบบนี้ มองว่ามันไม่ได้

ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตนเข้า รพ.ถึง 5 ครั้ง น้ำหนักลดลงไปกว่า 6 กม. อีกทั้งต้องกินยาเยอะและต้องไปพบจิตแพทย์ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขา

คุณปู กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำกับลูกทำกับปู จะดำเนินการอย่างถึงที่สุด ก่อนที่ทนายความจะพูด เวรกรรมมีจริง ปู จึงกล่าวต่อว่า “ใช่ค่ะ เวรกรรมมีจริง”

จากนั้นทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของลูกหมี  เปิดเผยว่า อยากที่จะออกมาชี้เเจงเรื่องแรกคือสัญญากู้ยืมเงิน 2 มี.ค. เป็นการกู้ 2,000,000 บาท และมีการติดดอกเบี้ยในราคาร้อยละ 15 ต่อปี ไม่ใช้ร้อยละ 1,800 ต่อปี ตามที่ ทนายประมาณเข้าใจ ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนในสัญญากู้ยืมและในส่วนเขาได้คำนวนทางสเตจเม้นท์เป็นความเข้าใจเขาตามที่ได้มีการตั้งชาร์ตแถลงไป ตามสัญญาคือร้อยละ 15 ต่อปีเพราะฉะนั้นเราไม่มีการทำอะไรที่ผิดกฎหมายเลย ไม่มีการคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา จากที่คู่กรณีบอกว่าเป็นการเช็คค้ำประกันนั้นไม่จริง เพราะสัญญาเขียนไว้ชัดว่า เป็นเช็คชำระหนี้เงินกู้ ไม่ใช่เช็คค้ำประกัน ซึ่ง ลายเซ็นของตัวเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และพยาน ยืนยันว่าไม่มีการส่งกระดาษเปล่าให้เซ็น

และที่บอกว่ามีการคิดดอกเบี้ย ทางคู่กรณีเป็นคนที่เสนอดอกเบี้ยเองทุกครั้ง ซึ่งมีหลักฐานในแชท โดยถ้าลูกหนี้มีการเสนอดอกเบี้ย ไม่ว่าจะผิดกฎหมายหรือจะมากกว่าร้อยละ 15 ต่อปีนั้นก็ไม่ถือเป็นความผิดตามคำพิพากษาศาลฎีกา

ผู้สื่อข่าวภามว่าฝ่ายนั้นบอกเป็นการร่วมลงทุนกันจริงหรือไม่ ลูกหมี กล่าวว่า ตนไม่ได้สนใจจ เพราะรู้แล้วว่าตนโอนเงินให้ใครเข้าในบัญชีใคร ซึ่งในการเคลียร์เงินมีแค่ตนกับ ปู ซึ่งเขาจะเอาเงินไปทำอะไรก็เรื่องของเขา

ในส่วนที่คู่กรณีมีการอ้างว่าเป็นตัวกลางในการนำเงินไปลงทุนกับเพื่อนของอีกฝ่ายนั้น ตนไม่เคยได้เห็นเพื่อนที่อีกฝ่ายอ้างมาเลย แต่อีกฝ่ายเคยบอกว่าจะนำเงินไปลงทุนในธุรกิจกระเป๋าซึ่งตนได้ทราบอยู่แล้วแต่ว่าตนสนใจในส่วนที่ได้เงินคืนจากการกู้ยืมอย่างเดียว ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าทาองคู่กรณีจ่ายไม่ตรงเเละมีการเลื่อนอยู่ตลอด และที่กล่าวอ้างว่า ดอกเบี้ยที่โอนให้ตนเป็นกำไรที่ได้จากการขายสินค้านั้นก็เป็นเรื่องของอีกฝ่าย ยืนยันว่าตนไม่ทราบ

สำหรับที่ฝั่งคู่กรณี สามารถจ่ายหนี้คืนแต่จะขอแจ้งความ ที่ทำให้ฝั่งคู่กรณีเสียชื่อเสียงนั้น ก็เอาเป็นเรื่องๆไปของเอาเงินคืนจากลงทุนจ่ายให้ตนก่อนดีกว่า เพราะจริงๆ ตนมียอดที่ตนเข้าใจคือต้องให้ตน 1.8 ล้านบาท แต่ฝ่ายคู่กรณีคิดเป็น1.4 ล้านบาทเลยต่อรอให้เหลือ 1.6 ล้านบาท ซึ่งต้องรู้ว่าทางคู่กรณีจะยอมหรือไม่

ก่อนจะกล่าวว่า อย่างดอกเบี้ยราย ชม.ก็เป็นข้อเสนอของคู่กรณี ทุกครั้ง ตนอยู่เฉยๆไม่เคยเสนออะไรเลย ตนมีหลักฐานการโอนที่ไม่ได้เป็นรายชม. และนอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงด้วย

ส่วนประเด็นที่อีกฝ่ายอ้างว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนนั้นไม่เป็นความจริงแต่หากเป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไปนั้นตนก็ยินดี แต่ไม่ได้ไปกราบขอร้องเพื่อให้ตนมีงานทำ ส่วนที่ทำอะไรกับตนไว้และท่านอื่นไว้ก็เตรียมตัวรับผิดชอบได้เลย

ทางด้านลูกหมี บอกว่า ที่ทางฝั่งคุณปูอ้างว่าเป็นการลงทุน ตนเองไม่ได้สนใจอยู่แล้ว จะเอาไปทำอะไรเป็นเรื่องของเขา แล้วก็เคยบอกแล้วว่าเราไม่ได้สนใจ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยเห็นเพื่อนนักธุรกิจที่เขาบอก และที่ผ่านมา เท่าที่ทราบคุณปูเคยบอก แค่ว่าจะเอาเงินไปลงทุนกระเป๋า ซึ่งเรารู้อยู่แล้ว เราให้พี่ปูไป พี่ปูมาคืนก็แค่นั้น เค้าจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของเขา      

ส่วนที่ฝ่ายคู่กรณีบอกว่าเวรกรรมมีจริง ทางคุณลูกหมีบอกว่า มีแน่นอนค่ะ ถ้าเกิดลูกหมีมีเวรกรรมก็รับผิดชอบ ส่วนคุณก็รับผิดชอบด้วยเช่นกัน ยืนยันว่าตนเองพูดตามความจริงทุกอย่าง ตนเป็นผู้เสียหาย อยากได้เงินคืนและพร้อมสู้ พร้อมกันนี้ยืนยันว่ามีเอกสารหลักฐานทั้งหมดว่าจ่ายช้ากี่วัน มีการเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ไม่ใช่เป็นการเลื่อนจ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมองหน้ากันติดไหม? ลูกหมี กล่าวว่า มองได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้ติดใจอะไร แต่หากทางฝั่งนั้นยืนยันว่าจะจ่ายเงินเพียงเเค่1.4 ล้านบาท ก็ขอพิจารณาก่อน และตนยืนยันว่า ไม่ได้มีการเอ่ยถึงนามสกุลของคู่กรณีเลย    

โดยหลังจากใช้เวลาเจราจาไกล่เกลี่ยประมาณ 2 ชม. แต่สุดท้ายพบว่าการเจราจายังไม่สำเร็จ

ก่อนที่ทนายเดชา พร้อมด้วยลูกหมี รัศมี จะอกมาให้สัมภาษณ์ โดยทนายเดชา กล่าวว่า การเจรจาในครั้งนี้ ล้มเหลว โดยคู่กรณีมีการขอลดหนี้ เหลือ1.4ล้านบาท ซึ่งคุณลูกหมีก็ยอม แต่ทางคู่กรณีไม่ยอมจ่าย โดยอ้างว่าการที่คุณลูกหมีไปออกรายการต่างๆทำให้ตนเองและครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก และมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับทางคุณลูกหมี ซึ่งส่วนตัวมองว่าทั้ง 2 คดีควรจะแยกกัน หนี้ก็ส่วนหนี้ ก็ชดใช่จ่ายมา ส่วนหมิ่นประมาทก็เป็นเรื่องของหมิ่นประมาทก็แจ้งความฟ้องร้องกันไป ก็ไปสู้กันในชั้นศาล ทำให้ยังหาข้อยุติไม่ได้และมีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งภายใน 2 อาทิตย์นี้


คุณอาจสนใจ

Related News