บันเทิง
แถลงแล้ว! ‘ม้า อรนภา’ แจงปมตบหน้าดาราชาย แค่แตะไม่ใช่ตบ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง
โดย chutikan_o
1 ธ.ค. 2565
145 views
เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ ‘ม้า อรนภา’ ดารารุ่นใหญ่ แถลงข่าวเปิดใจเป็นครั้งแรก ชี้แจงกรณีที่ตกเป็นข่าวดารารุ่นใหญ่ตบหน้าดาราชายรุ่นกลางห้างสรรพสินค้าที่เกาหลีใต้ สาเหตุเพราะไม่พอใจที่ดาราชายปฏิเสธไม่ไปกินปูด้วย
ม้า อรนภา กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณกำลังใจที่ส่งเข้ามาให้เยอะมาก โดยหลังจากเกิดเหตุขึ้น เธอได้เขียนข้อความเอาไว้ ตั้งใจที่จะโพสต์ลงโซเชียลแต่มีคนแนะนำว่าให้เงียบไว้ก่อน ซึ่งวันนี้จะพูดในสิ่งที่ได้เขียนไว้ก่อน
สิ่งที่ได้เขียนไว้ คือ ขอโทษและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆ ยอมรับผิดทุกอย่างและได้ขอโทษพร้อมปรับความเข้าใจกับดาราชายไปแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าหลังจากนั้นดาราชายยังมีสิ่งที่คาใจ จนต้องไปปรึกษาทนายความ ซึ่งหลังเกิดเรื่อง ตนพยายามที่จะติดต่อดาราชายอยู่ตลอด แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ดาราชายก็ไม่กล้าจะมาเจอหน้าตน ตนจึงต้องพูดคุยผ่านอดีตผู้จัดการของดาราชายแทน
ทั้งนี้ เรื่องรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้รอฟังจากปากของทั้ง 2 คนดีที่สุด อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจจากข่าว และฝากขอโทษไปถึงพ่อแม่ของดาราชาย ขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเอง และพร้อมยอมรับในผลที่ตามมา
ม้า อรนภา ได้ชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เธอทำ Marketing ให้กับโรงพยาบาลศัลยกรรมที่เกาหลีใต้มานานแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รู้จักดาราชายคนนี้ ผ่านทางผู้จัดการของน้อง ซึ่งก็ยังบอกน้องว่า น้องเป็นคนหล่อ แต่อาจจะต้องทำจมูกเพิ่ม หากจะเข้าวงการบันเทิง หลังจากนั้นผู้จัดการก็ติดต่อกลับมาบอกว่า น้องตัดสินใจจะไปทำศัลยกรรมกับเธอ จึงจัดการติดต่อกับทางเกาหลีใต้ให้ทุกอย่าง จนเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งปกติแล้วเวลาที่พาใครไปทำศัลยกรรม ก็จะดูแลอย่างดีตลอดเวลาที่เดินทางไป ซึ่งกับน้องดาราชายคนนี้ ระหว่างที่ไปด้วยกัน ก็ได้มีการพูดคุยกัน และเธอก็สอนและแนะนำน้องหลายข้อ ในฐานะที่น้องกำลังจะเข้าสู่วงการบันเทิง ซึ่งน้องก็รับฟัง และเรียกเธอว่าแม่
จนก่อนวันที่จะไปทำศัลยกรรม ก็ได้แนะนำว่าอยากจะไปกินอะไร ไปกินปูไหม น้องก็บอกว่า อยากไป ชอบกินปู เธอจึงจองร้านไว้เรียบร้อย ซึ่งร้านค่อนข้างหายาก เพราะมีหลายร้านที่ต้องปิดตัวไปในช่วงโควิด-19 จากนั้น ก็ได้ไปเดินช้อปปิ้งซื้อของกัน ซึ่งเธอนั่งรอน้องอยู่ที่คาเฟ่ และปล่อยให้น้องไปเดินช้อปปิ้งเอง ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง น้องก็กลับมาพร้อมกับถุงเต็มไม้เต็มมือ เลยถามว่าไหวไหม เพราะโดยปกติแล้วถ้าเดินช้อปปิ้งนานๆ ก็จะไม่อยากไปไหนต่อแล้ว แต่น้องก็ตอบว่าไหว และระหว่างที่เดินช้อปปิ้งต่อ ก็ยังพยายามถามย้ำอยู่อีกประมาณ 2-3 ครั้งว่าไหวไหม ถ้าไม่ไหวให้บอกจะได้เปลี่ยนแผน แต่น้องก็บอกว่าไหว
จนมาถึงเหตุการณ์ตามภาพคลิปวงจรปิด เมื่อเธอซื้อรองเท้าเสร็จและกำลังจะไปกินปูกันตามที่ได้จองร้านเอาไว้ อยู่ๆ น้องก็พูดขึ้นมาว่า ไม่ไปกินปูแล้วนะ ตอนนั้นยอมรับว่าเป็นคนมือไว เลยแตะไปที่หน้าของน้อง พร้อมพูดว่า จะบ้าหรอ ซึ่งย้ำว่าเป็นการแตะไม่ใช่การตบ ลักษณะเหมือนเป็นการสั่งสอนเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการเผลอแตะแขนแตะไหล่อยู่แล้ว
เจตนาของเธอ คือต้องการจะสอนว่าอย่าพูดแบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการผิดนัด แต่เมื่อทำไปแล้ว น้องมีอารมณ์โมโห พูดว่าตบหน้าผมเลยหรอ ถ้าเป็นคนอื่นผมด่าไปแล้ว และน้องก็พยายามเดินหนี เธอจึงได้สติว่าไม่น่ามือไว รู้สึกแย่ เสียใจมาก จึงรีบเดินไปจับน้องไว้ แล้วบอกว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ทำไปเพราะตกใจที่อยู่ๆ น้องก็จะเปลี่ยนแผน จากนั้นน้องก็บอกว่าขอเวลาอยู่คนเดียวก่อน เธอเลยเดินตามห่างๆ แล้วไปยืนกินข้าวโพดรอให้น้องอารมณ์เย็นลง สักพักก็เข้าไปคุยกันจนเข้าใจกัน น้องก็บอกเองว่า เรื่องนี้จะรู้กันแค่สองคน ผมจะไม่บอกใครแม้กระทั่งผู้จัดการ และน้องก็บอกว่าผมเคารพแม่มาก แม่สอนอะไรหลายอย่าง พร้อมกับเข้ามากอด และบอกว่าไปกินปูกันครับ จากนั้นจึงไปกินปูด้วยกัน และพูดคุยกันตามปกติ ซึ่งระหว่างกินน้องก็บอกว่าจริงๆ แล้วผมอยากกลับไปดูละครให้ทัน เมื่อกินเสร็จจึงกลับโรงแรม และนัดหมายไปทำศัลยกรรมในวันรุ่งขึ้น
พอหลังจากทำศัลยกรรมเสร็จ ระหว่างช่วงพักฟื้น น้องก็หลีกเลี่ยงการไปกินข้าวกับเธอ แต่จะซื้อขนมปังมากินเอง เธอก็ปล่อยให้น้องพัก แต่ก็พยายามโทรถาม และเตือนให้กินยาอยู่ตลอด และตัดสินใจไปเคาะห้อง น้องก็บอกว่า เดี๋ยวๆ โป๊อยู่ พอเข้าไปก็พูดคุยกันตามปกติ จนผ่านไป 3 วัน ต้องไปถอดเฝือกล้างแผลด้วยกัน น้องก็ยังพูดคุยกับเธอตามปกติ ยังถ่ายรูปถ่ายคลิปให้ แต่พอออกมาจากโรงพยาบาล น้องบอกว่าเดี๋ยวเจอกันวันที่ 29 เลย คือวันที่ตัดไหม
ระหว่างนั้นก็ได้ทักไลน์ไปหาผู้จัดการของน้องเพื่อจะถามว่าน้องคนนี้เป็นคนยังไง ผู้จัดการก็โทรกลับมาบอกว่า ไม่ได้ดูแลน้องคนนี้แล้ว ยกเลิกสัญญาเพราะว่าเพิ่งทะเลาะกันไป ต่อมาวันรุ่งขึ้นก็ปรากฏเป็นข่าวดังที่ประเทศไทย โดยรู้จากผู้จัดการของน้องที่โทรมาบอกให้เธอรีบออกจากประเทศเกาหลีใต้ และในโซเชียลก็มีทัวร์มาลงเยอะมาก ซึ่งพอรู้เรื่องก็พยายามโทรศัพท์หาน้องทันที แต่น้องไม่รับสาย เธอจึงส่งข้อความไปว่า ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ แต่น้องไม่ตอบกลับ เลยลบข้อความทิ้ง และเมื่อกลับไปที่โรงแรมก็เห็นว่าน้องเก็บของย้ายออกไปจากห้องหมดแล้ว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 พ.ย. มีนัดตัดไหมก่อนเดินทางกลับ เธอถึงเพิ่งได้เจอน้องเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่อง ซึ่งน้องได้บอกว่า พี่คงไม่เครียดหรอก เพราะผ่านอะไรมาเยอะ แต่ผมเครียดมาก เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต ผมแค่ต้องการจะสั่งสอนพี่ว่า ไม่ควรไปตบหน้าใคร ซึ่งเธอก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ทั้งนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแนะนำให้น้องไปปรึกษาทนายความ แต่ทราบมาว่าน้องได้ทักไปหาทนายความหลายคน แต่มีเพียงคนเดียวที่ตอบกลับมา แต่ก็ไม่ได้กังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหลายคนก็บอกว่าเอาผิดไม่ได้ ส่วนการที่น้องไปแจ้งความไว้ที่เกาหลีใต้ เธอได้ให้สถานทูตไทยเช็กไปยังสถานีตำรวจเมียงดงแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าเหตุการณ์แบบนี้ในแต่ละวันมีเยอะมาก ลักษณะเหมือนแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อที่จะนำไปขอคลิปกล้องวงจรปิด และตลอดเวลาที่อยู่ที่เกาหลีใต้จนถึงเดินทางกลับมา ก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาหาตนแต่อย่างใด
ส่วนกับน้อง ก็ยังหวังดีด้วยเสมอ แต่ไม่รู้ว่าน้องจะยังรู้สึกดีกับเธอหรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่ก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำแบบนี้ แต่สำหรับเธอ เรื่องระหว่าง 2 คนจบไปตั้งแต่ที่ขอโทษกันแล้วไปกินปูด้วยกันแล้ว
ส่วนกรณีที่มีบุคคลที่สามออกมาพูดถึงเรื่องนี้จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ยอมรับว่าทำให้เธอเสียหายมาก แต่หากเทียบกับช่วงที่โดนให้ออกจากงาน ก็เป็นเรื่องที่ใหญ่โตกว่ามาก เธอยังสามารถให้อภัยได้ ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนที่ไม่เข้าใจกัน ก็ไม่คิดว่าจะเอาเรื่องไปบอกกับทนายความ ยอมรับว่ารู้สึกไม่ดี แต่ควบคุมอารมณ์ได้ ส่วนจะฟ้องใครหรือไม่ คงยังตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้เรื่องกฎหมาย ส่วนกับทนายความที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ไม่มีอะไรจะฝากถึง
ถามว่า คิดว่าน้องดาราชายนำเรื่องนี้มาเปิดเผยกับทนายความ เพื่อจะใช้ชื่อเสียงของม้ามาสร้างกระแสให้ตัวเองหรือไม่ ม้า อรนภา ตอบว่า เธอไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรแล้ว และเมื่อถามถึงประเด็นเรื่องชู้สาว ม้ายืนยันว่าไม่มีแน่นอน แก่ขนาดนี้แล้ว ส่วนที่ไปเคาะห้องก็เป็นหน้าที่ที่ต้องไปดูแลลูกค้า หลังจากทำศัลยกรรมมา ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรผิดปกติหรือไม่ พร้อมยืนยันหลังจากนี้ยังจะทำ Marketing ให้กับโรงพยาบาลศัลยกรรมต่อไป และทิ้งท้ายว่า ถ้าอยากทำศัลยกรรม ให้ไปกับเธอ รับรองจะดูแลอย่างดี เลี้ยงปูและไม่ตี ขอให้พูดกันดีๆ