เศรษฐกิจ
‘พิชัย’ คุย ‘สรยุทธ’ แจงแนวคิด “ซื้อขายหนี้ ขจัดน้ำเน่าในระบบ” แง้มหนี้เสียราคาต่ำขายคืน ปชช.ราคาถูก
22 มี.ค. 2568
227 views
กรรมกรข่าวคุบนอกจอ "พิชัย" แจงแนวคิด 'ซื้อขายหนี้ ขจัดน้ำเน่าในระบบ' แง้มหนี้เสียราคาต่ำขายคืนประชาชนราคาถูก
วานนี้ 21 มี.ค.2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจาก โดยได้ชี้อจงถึงแนวคิด 'ซื้อขายหนี้ ขจัดน้ำเน่าในระบบ' แง้มหนี้เสียราคาต่ำขายคืนประชาชนราคาถูก
โดยเริ่มต้นพิธีกรถามว่าเรื่องซื้อหนี้คืนจาก ธนาคารเนี่ยเป็นหนี้ประชาชนเนี่ยหนี้เสียเริ่มจากคุณทักษิณหรือรัฐบาลคุณพิชัยบอกว่า ผม อยากจะเรียนทราบว่าเวลาเราพูดถึงเรื่อง ลูกหนี้มีมีหนี้เราก็จะต้องเข้าไปดูว่าจะแก้ไขปัญหาหนี้อย่างไร การแก้ปัญหาหนี้เนี่ยมันมีหลายมาตรการ ต่อให้เป็นองค์กรขนาดเล็กวิธีแก้ปัญหาก็จะต้องมีขั้นตอนดังต่อไป 1.ถ้าเราเป็นหนี้ใครเราก็จะเชิญมาว่าปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ก็จะมาถามว่าหนี้ที่มีอยู่ เท่านี้มีกำลังผ่อนเท่าไหร่อันนั้นเรียกปรับโครงสร้างหนี้ ไม่ลดเงินต้นอาจจะผ่อนให้มันยาวขึ้น ลดภาระการผ่อนดอกเบี้ยจ่ายน้อยในช่วงแรก
วิธีต่อมา ลูกหนี้ประเภทที่พอเอาตัวรอดกับประเภทที่เอาตัวไม่รอด เราก็ต้องมาดูว่าพวกทำตัวไม่รอด ถ้าหากว่าอยู่ต่อไปมันก็จะค้างอย่างนี้เป็นน้ำเน่าอยู่ในระบบ ถ้าผ่อนน้อยหน่อย หนี้น้อยหน่อย แล้วก็ทีเดียวจบเลยเพื่อคุณจะไปนั่งเริ่มนับ 1 ใหม่ วิธีคือต้องดึงออกจากระบบธนาคาร ซึ่งวันนี้ธนาคารทำอยู่แล้ว เขาก็ทยอยขายแต่ว่าทุกคนก็ขายไปทีละนิดทีละน้อยเพราะว่าหลักจริงๆ ถ้าผมเป็นคนปล่อยกู้เแล้วก็จะมาให้ลดให้ลูกหนี้มันจะเสียวินัย โดยหลักสากลแล้วไม่ค่อยทำกัน
ขณะที่พิธีกรถามว่าแล้ววิธีที่คุณทักษิณพูดแปลว่าอะไร คุณพิชัยบอกว่า เผอิญส่วนที่ยังจัดการไม่ได้เนี่ยในระบบของเรามีจำนวนค่อนข้างมาก วันนี้มันมียอดที่เป็น npl อยู่ ประมาณ 1.22 ล้านล้าน จากยอดทั้งหมด วันนี้เนี่ยเรามีหนี้ครัวเรือนที่เราเก็บได้ทั้งหมดอยู่ในระบบ 16.3 ล้านล้านทั้งหมด ดังนั้นถ้าถามบอกว่ามันเป็นกี่เปอร์เซ็นต์มันก็ เป็นประมาณ 6.6 %ของทั้งหมด แต่หนี้ที่ยังดีอยู่ก็ยังมีอยู่ประมาณอยู่ 53% คือหนี้ดีเลยยังจ่ายตรงที่เหลืออีกประมาณสัก 40 % คือพวกปรับโครงสร้างปรับโครงสร้างไปแล้ว
เราต้องมาเอาส่วนที่เราได้ทำ 2 อย่าง เช่นคุณสู้เราช่วย เราไปสกัดไม่ให้เลือดมันไหลก่อน แล้วก็ไปทำส่วนที่กลัวว่าส่วนที่ไม่มีปัญญาจ่ายมันจะไหลมากขึ้น ดังนั้นเราจะไปดึงส่วนที่เพิ่งมีหนี้เสียน้อยๆแล้วดึงขึ้นมาแล้วมาเคลียร์กัน ส่วนนี้จะมาง่ายหน่อยเพราะเพิ่งมีหนี้ค้างชำระ ไม่เกิน 1 ปี พร้อมที่จะไปเป็น npl เราก็ไปดึงตัวนั้น
เราเตรียมเงินเอาไว้แล้วที่จะทำเนี่ยปรากฏว่า มีคนพร้อมที่จะทำแล้ว อยู่ประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ผมเชื่อว่าสุดท้ายพอทำไปแล้วน่าจะไม่เกิน 50% ถามว่าทำไมเป็นอย่างงั้นเพราะในหนี้กลุ่มพวกใกล้จะเสีย จะมี 2 ลักษณะ คือกลุ่มที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กับไม่มีหลักทรัพย์กัน จะพบว่าคนที่มาเป็นพวกที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันส่วนใหญ่จะเป็นบ้านหรือมีหลักทรัพย์ก็จะเข้าโครงการ ส่วนคนไม่มีหลักทรัพย์ก็จะไม่รับสายโทรศัพท์ ทั้งที่ตัวเองไม่มีหลักทรัพย์แต่ว่ายอดมันไม่เยอะก็ไม่มา ดังนั้นเมื่อไม่มาก็ดำเนินการต่อไม่ได้เพราะเราหาตัวไม่เจอ พอมาถึงจุดนี้เราก็รู้ว่าเงินที่เราเตรียมเอาไว้ มันใช้ไม่เต็มที่มันคงจะได้สักครึ่งเดียว
กลุ่มที่เสียทั้งหมด เนี่ย 1.22 ล้านล้าน ตัวเลขนี้ ตัวเลข 1.22 ล้านล้านเนี่ยเรามาดูว่าทั้งหมดมีคน ที่มาเกี่ยวกับ 1.22 ล้านล้าน มีทั้งหมด 5 ล้านกว่าคน แต่ถ้าเป็นบัญชี 9.5 ล้านบัญชีแปล ว่าบางคนเนี่ยกู้มากกว่า 1 บัญชี ถ้าเราแก้หมดเลยกลุ่มเหล่านี้จะมีลักษณะไม่เหมือนกัน 2 ประการคือ บางคนกู้น้อยไม่มีหลักประกันบางคนกู้มากและมีหลักประกัน
โดยทั่วไปแล้วคนกู้มากที่มีหลักประกันเขามักจะเข้ามาเจรจาเพราะเมีหลักประกันถูกต้องเอยากได้ของคืน ดังนั้นพวกไม่มีหลักประกันอยู่ตรงไหนส่วนใหญ่เราก็จะพบว่าพวกที่มีหนี้น้อยๆ พวกบัตรเครดิต พวกที่ต่ำกว่า 100,000 บาท พอไปไล่เราก็พบว่ามีค้างอยู่ประมาณ ใน 124,000 ล้าน ก็ประมาณ 10% ที่ค้างไม่เกินแสน แล้วถ้ามาดูคน อันนี้นน่าสนใจ จำนวนคนเนี่ย มีถึง 3.5 ล้าน ทั้งหมดนี้ คือ 65% ถ้าเราแก้ปัญหาตรงนี้ได้ก่อน ส่วนที่ต่ำกว่า 100,000 แปลว่าท่านกำลังแก้จำนวนคนเนี่ย ได้ถึง 65% ของคนที่มีปัญหาในประเทศ คือจำนวนคนมันเยอะแต่ด้วยเม็ดเงินแล้วะแค่ 10% เพราะมันเป็นตัวกู้น้อยแล้วไม่มีหลักประกัน ต้องสนใจกลุ่มนี้เพราะกลุ่มนี้ไม่มีหลักประกัน ไม่คืนแบงก์แล้วก็เป็นหนี้ที่ติดค้างมามากกว่า 1 ปี ถามว่าท่านจะเป็นธนคารท่านทำไง ท่านก็ต้องทยอยตัดเป็นค่าใช้ตั้งสำรองหนี้ศูนย์ หักเป็นค่าใชจ่ายในแบงก์แล้วเพราะฉะนั้นกำไรที่เราเห็นในระบบธนาคารนั้นคือกำไรหลังจากที่หักตัวนี้แล้ว แล้วก็ได้ประโยชน์จากกสนเสียภาษีน้อยลงไป 20% ของส่วนที่ตัด เอาง่ายๆกลุ่มนี้เค้าก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรหาคนซื้อก็ไม่ง่าย หาคนไปจัดการมันก็ไม่ใช่ง่าย เค้าก็ต่างคนต่างอยู่ไม่คุยกัน ผมนั่งเก็บตัวเลขหมดแล้วถ้าผมคุยว่าท่านก็ตัดเป็นศูนย์ไป ส่วนนี้ก็ส่วนน้อยไม่มีหลักประกันมาผมไม่อยากจะบอกว่าขอฟรี แต่จริงๆแล้วขายบางทีไม่ถึง 1% ก็มี ตอนนี้หาคนซื้อก็ไม่ใช่ง่าย มาตามไม่ใช่ง่าย
ฉะนั้นแนวคิดนี้ เขาก็อยากล้างบัญชีเเหมือนกัน ทีนี้พอจะออกไปก็จะมีคำถามบอกว่าแล้วเราซื้อเท่าไหร่ก็จะมีคนกลัวว่าถ้าซื้อแพงเดี๋ยวเสียหายนะ งั้นถ้าผมไปซื้อกลุ่มทั้งหมดก็จะมีปัญหาว่าซื้อราคาเท่าไหร่ ตรงนั้นมันเป็นรายละเอียดประกอบที่สำคัญ ถ้าซื้อแพงมาอาบอกแบงค์คนซื้อเสียหายเอื้อประโยชน์แบงค์ เราก็ไปซื้อส่วนที่มีอธิบายได้แล้วถูกที่สุด ผมก็ไม่ค่อยอยากจะพูดหลายแห่งเขาซื้อกันจริงๆน้อยมากเรียกว่าขายบาทนึงก็กำไรบาทนึง ความยากมันอยู่ที่ซื้อมารวมกันเยอะๆแล้วจะจัดการอย่างไรมากกว่า ความยากมันคือหาตัวไม่เจอถ้าท่านหาตัวไม่เจอเนี่ยท่านจะทำคือ รหัสบัญชีประจำตัว ถ้าท่านไปเข้าไปตรงไหนก็เจอว่าใช้พร้อมเพย์ที่ไหน ถ้าทำตรงนี้ก็จะรู้ว่าไปอยู่ในกลุ่มไหน
ส่วนเราวางโมเดลไว้ยังไง คุณพิชัยบอกว่าต้นทุนคือ 0 แต่ค่าใช้จ่ายของคนจัดการคือค่าใช้จ่ายในการจัดการ ค่าทวง ค่าระบบต่างๆ หัวละประมาณ 500 - 1000 ถ้าออกกฎหมายให้มีขั้นตอนตามพิเศษแล้วประกาศให้รู้กันว่าเที่ยวนี้มันไม่มีอะไรหรอก อยากแก้ปัญหาจริงๆ มาคุยกันดีๆนี่คือขั้น ที่ 1
ในฐานะที่เป็นรัฐบาลก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรคนที่หลบๆซ่อนๆไม่ปรากฏตัว ทำอะไรก็ไม่สามารถเข้าสินเชื่อใหม่ เพราะจุดเมื่อหมายสุดท้ายหลังจากที่เคลียร์เขาควรจะมีเวลาที่จะเข้าสินเชื่อใหม่ด้วย อันนี้สำคัญข้อ ที่ 1 คือลดสัดส่วนหนี้โครงสร้างครัวเรือนลง เพราะกลุ่มนี้จำนวนมันเยอะ ตัวเลขหนี้โดยรวมของประเทศจะดูดีขึ้น
ส่วนคำถามของฝ่ายที่อาจจะเห็นต่างก็คือที่ผ่านมามันเบี้ยวเราจะยังไปไว้ใจเค้าเหรอ คุณพิชัยบอกว่าถ้าเรามีขั้นตอนในการที่ทำให้เขาหลุดจากสิ่งที่เขาทำมาในอดีตอันนี้ก็เหมือนกับว่าประเทศเรามองดูแล้วว่า
เป็นเรื่องดี เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติเค้าขายเล็กน้อยๆ เป็นหน้าที่ของธนาคารที่จะต้องประเมินว่าจากนี้ไปเขาจะทำเป็นอย่างไร
สิ่งที่สำคัญคือเอาโมเดลของหนี้นอกระบบ แต่ดอกถูกเพราะว่าผ่อนเป็นรายเดือน เอาเห็นๆเลยถูกกว่านอกระบบ ก็แพงกว่าระบบปกติซึ่งพวกนี้คือความต้องการดอกแพงหน่อยไม่เป็นไร ขอให้กูได้ อันนี้คือเรามาแก้กลุ่มหนึ่งซึ่งเขาอยู่กับหนี้นอกระบบมาตลอดให้เค้ามีโอกาส กู้ในระบบซึ่งก็คือกลุ่มนี้เป็นหนี้เสียอยู่วันนี้ ซึ่งเราพยายามจะแก้เมื่อเขาไม่แก้ เขาก็หนีไปนอกระบบ ดังนั้นถ้าเราเคลียร์วันนี้หมด เขามีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบใหม่ ชีวิตจะได้เริ่มสักที ก็ไปนอกระบบน้อยลง
หลังๆคนเราไม่ได้ฟุงเฟอะหลังๆเขาใช้บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือเพื่อบริโภค ไปซื้อของกินก็มี การแก้ปัญหาก็คือว่ารายย่อยเหล่านี้ที่ตัวเล็กเมื่อเขาเคลียร์แล้ว เขาจะออกนอกระบบมั้ยไม่ติดอยู่ในเครดิตบูโร เพื่อไปกู้ใหม่ได้ ผมคิดว่าเรามีช่องทางว่า เราเห็นด้วยกันว่านี่เป็นการเริ่มต้นใหม่ให้กับประชาชนเราน่าจะมีมาตรการใดที่จะให้เขายังติดอยู่ในบูโร แต่ว่าไม่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อใหม่ ถ้าเผื่อว่าเราจะมีขั้นตอนเร่งให้มันเร็วขึ้น แล้วต่อไปนี้ไปกู้เนี่ยก็จะไม่ถือว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เราเพิ่งทำหนี้เพราะฉะนั้นเวลาดู หนี้จะดูความสามารถในการจ่าย ณ ปัจจุบันนี้
ทำไมต้องต่ำกว่าแสนเพราะว่า กลุ่มนี้เราไปดูรายละเอียดแล้ว ส่วนใหญ่เนี่ยเกือบทั้งหมดไม่มีหลัก ประกันข้อที่ 1 ที่อันที่ 2 เเป็นกู้ขึ้นมาเพื่อใช้จ่ายเพื่อซื้อกิน อันที่ 3 เป็นการกู้มาเพื่อเรื่องอื่นๆเป็นกู้เพื่อบ้านอะไรน้อยมาก การเริ่มอันนี้ข้อดีอีกอันนึงก็คือแบงก์แทบจะไม่ได้แล้ว ใครล่ะจะเป็นคนที่ลงมาช่วยจัดการเรื่องราวนี้
มาดูกลุ่มนี้คิดเร็วๆ ตัวเลขอาจจะไม่ใช่ 120,000 ล้าน อาจจะเคลียร์ไม่ถึง 10% ด้วยที่เราขอให้เขา เคลียร์อย่างมากก็ 12,000 หรือ 10,000 อย่างมาก ก็หมายว่าเพื่อจะลดหนี้ ไป 12,000 ล้าน อาจจะใช้เงินประมาณหมื่นล้านคำถามต่อมาเอาจากไหน จำได้ใช่มั้ยครับว่าตอนที่เราไปสกัดไม่ให้เลือดไหล ทำคุณสู้เราช่วย เราคุยกับธนาคารแล้วว่าช่วยกันคนละครึ่ง ระบบนั้นช่วยคนละครึ่งรัฐก็เอาเงินจากไหนครับเอา fidf
คิดเป็นเงินประมาณสัก เกือบๆ 40,000 ล้าน วงเล็บนิด เงินจาก fidf วางไว้ตรงกลาง ธนคารออกครึ่งนึงแต่ธนาคารที่ออกส่วนใหญ่จะไม่ได้ออกเงินเพราะว่าออกทางบัญชี ท่านลดไปครึ่งนึงเราในครึ่งนึงที่ท่านลดเท่าไหร่เราช่วยครึ่ง ส่วนใหญ่ธนาคารก็ลดทางตัวเลขทางบัญชี
แปลว่าจะเหลือเงินประมาณเกือบ 40,000 ล้านติดกัน 3 ปี ทีนี้มีเงินต้องใช้อย่างประหยัด ใช้อย่างคุ้มค่าว่าจะเอาเงินก้อนเหล่านี้มาบริหารอย่างไร ก็เอาไอ้ต่ำกว่าแสนออกมาก่อนเอามาก่อน เฟสที่ 1 เป็นเงิน 120,000 ล้านบาทซึ่งเป็น 10% โดย ประมาณของ 1.22 ดังนั้นแปลว่าเราดึงแก้ปัญหาตัวเม็ดเงิน npl 10% อืแต่มีผลทำให้คนเนี่ย 6% หลุดจากหนี้ไป ส่วนอันอื่นต้องไปผ่าดูอีกที
ส่วนยอด120,000 ล้าน ใครจะเข้ามาทำ คุณพิชัยตอบว่าก็โครงสร้างของ AMC มีอยู่แล้วมันก็ต้อง มีการตั้ง AMC หรือใช้ MC โครงสร้างเดิมแล้วก็มากำหนดกติกาว่าถ้าหนี้ประเภทนี้เราจะเจจาอย่างไรลดอย่างไร สมมุติว่าผมคิดทะลุไปเลยว่า คนกลุ่มนี้เนี่ยสามารถหลุดจากเครดิตโบโรได้ทำไมผมไม่บอกถ้าคุณมาเคลียร์ ตรงนี้แล้วผมมีช่องทางถ้าคุณไปค้าขายจริง เป็นเด็กดีจริงเราจะเริ่มให้คุณบางส่วน 10,000 บาทถึง 20,000 บาท ก็แปลว่าคุณจะได้เข้าช่องทางนี้ได้เลย มีเวลาชัดเจนมีเวลาชัดเจนแล้ว
จัดการอย่างไร จะขายคืนก็เท่าไหร่ คุณพิชัยบอกว่า 20,000 บาท ซื้อบัญชีละบาท เพราะท่านอยาก ล้างออกไป วันนี้ที่เขาขายกันอยู่ทุกวันนี้ขนาดมีหลักประกันอยู่ ขายเปอร์เซ็นต์เดียวก็มี คนที่เขาเคย ซื้อไปเนี่ยขาซื้อมาเพื่อไปทวง และหักค่าใชจ่ายแล้วมีกำไรบ้างเพราะเป็นอาชีพ อันนี้เราซื้อเข้ามาเพื่อมาทวงจ่ายค่าทวงแต่เราไม่หวังกำไร ค่าจัดการบัญชีนึง 500 - 1,000 พูดตรงๆว่าอาจจะน้อยกว่านั้น มันถัวเฉลี่ยเราคิดเอาไว้ว่าอาจจะมีคนจ่ายเยอะ บางคนจ่ายได้น้อย
ณ ตอนนี้ เรียกวิกฤตมั้ย มันเป็นวิกฤตอีกแบบหนึ่งที่มันไม่ได้เกิดตู้มเดียว แต่มันเป็นวิกฤตที่เกิดจากความยาวนาน แล้วมาก่อผลลัพธ์ที่เป็นอย่างนี้ ผมเรียกว่าเหมือนคนไข้ไม่ตาย เค้าเรียกติดเตียงใช่ไหมถ้าการติดเตียงนี่คือวิกฤตอย่างหนึ่ง เราต้องแก้ แต่มันก็เป็นกลุ่มนึงแต่ว่ากลุ่มใหญ่ จำนวนคนเยอะซึ่งเป็นกลุ่มคนที่อยู่ระดับล่าง เมื่อก่อนตัวใหญ่ๆล่มตัวเล็กๆช่วย ตอนตัวใหญ่ๆล่มตอนนั้นสมัยนั้นดอกเบี้ย 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ทั้งหมดเลยนโยบายการเงินเราก็ให้ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำตั้งแต่นั้นมาคงจะจำได้ว่าดอกเบี้ยของคนทั้งประเทศเนี่ยต่ำเมื่อต้นทุนของแบงก์ธนาคารต่ำ ท่านก็ท่านก็มีต้นทุนที่ต่ำท่านไปปล่อยท่านก็จะสามารถฟื้นตัวเองได้ดัง นั้นแปลว่าการฟื้นตัวระบบราคารนั้นน่ะเกิดจากความช่วยเหลือของคนตั้ง 67 ล้านคน ในประเทศฝากเงินต่ำ
วันนี้คนข้างล่างมีปัญหาคนคนตัวโตเนี่ยยังไม่มีปัญหาแต่อาจจะมีปัญหาเมื่อคนล่างมีปัญหา ดังนั้นเนี่ยเมื่อคิดอย่างนี้ได้ ก็คงจะลงมาช่วยกันเพราะทั้งหมดอยู่ในระบบเศรษฐกิจเดียวกัน
ส่วนจพทำได้เร็วขนาดไหน เฟสต่ำกว่าแสน คุณพิชัยบอกว่าภาษาผมก็คือ ว่ายิ่งเร็วยิ่งดี การจัดทัพครั้งนี้ก็ต้องดูปัจจัยของความสำเร็จ สิ่งแรกเลยเอารายละเอียดมาคุยกับคนที่ 1 ก่อนธนาคารว่าไง อันที่ 2 ทำไงหาคนมา ทำอัน ที่ 3 ทำยังไงให้ประชาชนรู้ว่านี่คือมาตรการที่จะทำ แล้วถามว่าใช้เงินเยอะไหม ไม่เยอะเพราะเผอิญเราเลือกกลุ่มที่ธนาคารก็ต้นทุนต่ำ เรียกว่า 0
ส่วนตอนนี้มีคนจำนวนหนึ่งบอก ฉันเป็นลูกหนี้ที่ดีจ่ายตรงมาตลอดไม่เคยได้อะไร คุณพิชัย ตอบว่าเสนอมาจะแก้อะไร เราก็ต้องมาเปรียบเทียบสิ่งที่เราทำแล้วโดนตำหนิ อยากจะฟังแล้วท่านมีทางเลือกอะไรครับถ้าดีกว่านี้ผมจะได้รีบไป ผมถามเศรษฐกิจมันก็ขับเคลื่อนด้วยคนทุกกลุ่ม ตอนนี้เขายังไม่มีกำลังใจจะทำงานเลยหลบๆซ่อนๆ การขับเคลื่อนมันจะเต็มที่มั้ย เหมือนไก่กับไข่ ปกติการแก้บริษัทไหนมีปัญหาเราก็ต้องแก้เรื่องหนี้ก่อนพอหนี้ได้นิ่งไม่มีคนมาทวงผมก็ตั้งนาทำโรงงานซ่อมโรงงานผลิตของขายของมันก็ฟื้นถูกมั้ย
สิ่งนี้ข้อมูลเหล่านี้ คนต่างประเทศก็เห็นอย่างนี้ครับคุณมีหนี้อยู่ คุณยังแก้ไม่ได้เลยสงสัยประเทศคุณ GDP น่าจะไม่ขึ้นเท่าไหร่ ถ้าไม่ขึ้นเท่าไหร่ ลงทุนประเทศคุณดีมั้ย กำลังซื้อมีมั้ย มันลามไปถึงภาพหนี้เสียหนี้ครัวเรือน กระทบถึงความเชื่อมั่นประเทศด้วย
นอกจากนี้ขึ้นไปก็คือกลุ่มที่มากกว่าแสน เดี๋ยวเราจะไปดูเพราะว่าวันนี้เราจะค่อยๆเข้าไปดูในราย ละเอียด เราจะพบว่ามากกว่าแสนขึ้นไป ยิ่งขึ้นไปมากกว่าแสนมากๆ เราก็จะพบว่าส่วนใหญ่พวกนี้คงกู้ ไม่ได้ถ้าไม่มีหลักประกัน งั้นพวกเนี้ยเป็นเรื่องที่เราจะไป ว่าธนาคารจะ มีนโยบายอย่างไรที่จะปรับโครงสร้างนี้ ด้วยตัวคุณเองเรียกลูกค้ามานั่งคุย ให้กลไกมันทำงานด้วยตัวมันเอง
พิธีกรถามว่าคุณทักษิณบอกไม่ใช้เงินรัฐสักบาท คุณพิชัยบอกว่าจริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องท่านนายกทักษิณ นักการเงินเก่งๆอดีตรัฐมนตรี ที่โพสต์ผมก็ฟัง คุณกร ก็เข้าใจผมอ่านแล้วของ คุณกรเนี่ยน่าจะคล้ายๆผมมาก คือการจัดการปัญหาเราต้องจัดการปัญหาเป็นกลุ่มๆเพราะว่าจัดการลูกหนี้เสีย แต่ละกลุ่มมี ลักษณะไม่เหมือนกัน ท่านจะใช้มาตรการเดียวกันไม่ได้
วันนี้ต้องแก้หนี้ครัวเรือนเพราะ หนี้อันหนี้ครัวเรือนคือหนี้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ณ วันนี้ซึ่งมีประมาณถึง 89% ของ GDP วันนี้ถึงแม้เราจะทำบ้างไปเล็กน้อย คุณสู้เราช่วย อีกสักเดือนนึงก็น่าจะเหลือ 88% ถ้าทำไอ้ต่ำกว่า 100,000 มันก็ลดอีกเยอะ ถ้าลดลงทุกๆ 10% หนี้การกู้ยืมลดลง ขณะเดียวกันถ้าเศรษฐกิจเราโตขึ้นแล้วควรจะเพิ่มด้วยใช่แล้วแต่ต้องควบ คู่ไปกับเศรษฐกิจที่ดีขึ้น GDP ต้องโต
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/u2Bf4hhs4QQ
แท็กที่เกี่ยวข้อง พิชัย ชุณหวชิร ,ซื้อหนี้ปชช.