เศรษฐกิจ

GDP จีน ไตรมาสแรกโตเกินคาด 5.4% ด้าน "ทรัมป์" จ่อออกภาษีใหม่ สั่งสอบนำเข้าแร่สำคัญ

โดย panwilai_c

16 เม.ย. 2568

32 views

การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกโตเกินคาดที่ 5.4 % เนื่องจากผู้ส่งออกต่างรีบเร่งการผลิตนำสินค้าออกจากโรงงานก่อนที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้า



สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยวันนี้ว่า ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตรา 5.4% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 5.1 % อย่างไรก็ตามสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจจีนในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้รับผลกระทบแน่นอน



นายเซิง ไหลหยุน (Sheng Laiyun) รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า แม้มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะสร้างแรงกดดันต่อการค้าและเศรษฐกิจต่างประเทศของจีน แต่จีนก็จะออกนโยบายมหภาคใหม่รับมือกับปัจจัยภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเชื่้อว่า จีนจะสามารถรับมือกับความยากลำบากครั้งนี้ได้



สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีแนวโน้มว่า รัฐบาลจีนจะถูกกดดันให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นและต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ



มีรายงานว่า ภายในเดือนนี้ นายกรัฐมนตรีหลี่เฉียงจะเปิดตัวมาตรการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจะให้ความสำคัญกับนโยบายกระตุ้นการบริโภค เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ คาดว่า ช่วงปลายเดือนนี้คณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ โปลิตบูโร องค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจนโยบายต่างๆระดับสุงสุดของประเทศ จะจัดการประชุมเพื่อกำหนดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆออกมา



อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จีน ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกจะชะลอตัวลงอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ สูงถึง 145% มีผลบังคับใช้แล้ว



ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จ่อออกภาษีใหม่ หลังจากเมื่อวานนี้มีคำสั่งให้ตรวจสอบการนำเข้าแร่ธาตุสำคัญและโลหะหายาก นับเป็นการยกระดับข้อพิพาทล่าสุดกับพันธมิตรทางการค้าทั่วโลก โดยเฉพาะจีนที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้



ในคำสั่งตรวจสอบ ทรัมป์ระบุว่า ปัจจุบัน สหรัฐฯ กำลังพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเหล่านี้จากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการหยุดชะงักอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง การป้องกันประเทศ และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ



แร่ธาตุสำคัญที่เข้าข่ายถูกตรวจสอบมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น โคบอลต์ ลิเทียม และนิกเกิล ที่ใช้ในแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ รวมถึงแร่ธาตุหายาก หรือ แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ที่เป็นหัวใจของสมาร์ทโฟน ระบบนำวิถีของขีปนาวุธ เครื่องยนต์ไอพ่น และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ขั้นสูง หากมีการจัดเก็บภาษีจริง อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



คำสั่งยังระบุว่า กระทรวงพาณิชย์จะมีเวลาไม่เกิน 180 วันในการนำเสนอรายงานต่อทรัมป์และเสริมว่า ข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินการใด ๆ ควรพิจารณาถึงการบังคับใช้ภาษีศุลกากรด้วย



การสอบสวนนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ออกคำสั่งให้ตรวจสอบการเข้าเซมิคอนดักเตอร์และยา โดยอ้างเหตุผลความมั่นคงของชาติเหมือนกัน



ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งให้มีการตรวจสอบนี้โดยใช้อำนาจตามมาตรา 232 ของกฎหมายขยายการค้า ปี พ.ศ. 2505 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ไม่ค่อยถูกนำมาใช้ แต่ทรัมป์เคยอ้างถึงกฎหมายนี้ระหว่างดำรงตำแหน่งสมัยแรก เพื่อใช้เป็นเหตุผลในการกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม และทรัมป์ได้หันมาใช้กฎหมายนี้อีกครั้งเพื่อนำภาษีศุลกากร 25% กลับมาบังคับใช้ใหม่เมื่อกลางเดือนมีนาคมกับเหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์



แม้คำสั่งสอบสวนนี้จะไม่ได้ระบุชื่อประเทศใดโดยตรง แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า "จีน" คือผู้กุมห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุหายากและโลหะสำคัญของโลก



โดยจีนเป็นผู้ผลิตแร่ธาตุ 30 ชนิดจากทั้งหมด 50 ชนิดที่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ถือว่ามีความสำคัญอันดับต้น ๆ ของโลก และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ออกคำสั่งจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากเพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ทำให้ฝั่งสหรัฐฯ เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทาน


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/m0CA88pDpSg

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ