เศรษฐกิจ
SCB EIC ชี้การนำเข้าขยายตัวรุนแรง พึ่งพิงจีนสูง เสี่ยงเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ
โดย chutikan_o
21 ก.ค. 2568
72 views
SCB EIC เผยการนำเข้าของไทยขยายตัวรุนแรง พึ่งพิงจีนสูง กระทบการผลิตในประเทศ เสี่ยงเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจาก “ฐานการผลิต” ไปสู่ “ประเทศผู้นำเข้าและทางผ่าน”
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ได้เปิดเผยบทวิเคราะห์หัวข้อกับดักเศรษฐกิจไทยในยุคพึ่งพานำเข้าสูง โดยชี้ให้เห็นถึงความท้าทายเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย พร้อมระบุว่าปรากฏการณ์การขยายตัวของการนำเข้าในอัตราเร่ง และการพึ่งพาจีนในระดับสูง กำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคการผลิตในประเทศ และสร้างความเสี่ยงในการเปลี่ยนผ่านบทบาทของประเทศจาก ‘ฐานการผลิต’ ไปสู่ ‘ประเทศผู้นำเข้าและทางผ่าน’ ในห่วงโซ่อุปทานโลก
ตามรายงานระบุว่า ในช่วงปี 2563-2567 มูลค่าการนำเข้าสินค้าของไทยมีการขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 10% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้สัดส่วนการนำเข้าต่อ GDP ณ ปี 2567 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี สถานการณ์ดังกล่าวยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประเทศไทยเผชิญภาวะขาดดุลการค้าต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
การเปลี่ยนแปลงนี้ปรากฏชัดเจนขึ้นจากการที่จีนก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งด้านการนำเข้า โดยครองส่วนแบ่งสูงกว่า 25% ของมูลค่าการนำเข้ารวม สะท้อนถึงการที่อุตสาหกรรมหลักของไทย อาทิ เหล็ก, พลาสติก และยานยนต์ ได้ผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ปัจจัยขับเคลื่อนโครงสร้างการนำเข้าที่เปลี่ยนแปลงไป
บทวิเคราะห์ของ SCB EIC ได้ระบุ 3 ปัจจัยหลักที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของการนำเข้า ได้แก่ การเร่งส่งออกสินค้าส่วนเกินจากจีน จากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศจีนที่ชะลอตัว ทำให้เกิดการระบายสินค้าส่วนเกินมายังตลาดโลก โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญ เห็นได้จากมูลค่าการส่งออกจากจีนมายังไทยที่ขยายตัวในอัตราสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึงเกือบ 4 เท่า การขยายตัวของธุรกิจแพลตฟอร์มการค้าข้ามพรมแดน โดยความนิยมในแพลตฟอร์มออนไลน์ได้กระตุ้นการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรงจากต่างประเทศในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้ มักไม่ได้หมุนเวียนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของไทยอย่างเต็มศักยภาพ
การเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่มีสัดส่วนการนำเข้าในกระบวนการผลิตสูง นอกจากนี้ธุรกิจหลายภาคส่วน ทั้งในภาคการผลิต (อิเล็กทรอนิกส์, เหล็ก), ก่อสร้าง, ร้านอาหาร และบริการ มีแนวโน้มพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าเป็นหลัก ซึ่งนอกจากจะสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้แก่เศรษฐกิจไทยในระดับต่ำแล้ว ยังมีข้อบ่งชี้ว่าการลงทุนบางส่วนอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อ หลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้าโดยเน้นการนำเข้าเพื่อประกอบขั้นต้น ก่อนส่งออกไปยังประเทศที่สาม ผลกระทบเชิงลึกต่อภาคอุตสาหกรรมและสัญญาณความเสี่ยงเกี่ยวกับการสวมสิทธิ
ผลการวิเคราะห์พบว่า สินค้านำเข้ากำลังเข้ามามีบทบาททดแทนสินค้าที่ผลิตในประเทศมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมไทย
ที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ สัญญาณที่อาจบ่งชี้ได้ว่าธุรกิจภาคการผลิตในไทย เกือบ 3,000 แห่ง อาจกำลังดำเนินกิจการในลักษณะ ซื้อมา-ขายไป ซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มต่ำ และมีความเป็นไปได้ว่าบางส่วนอาจเข้าข่ายกิจกรรม การสวมสิทธิแหล่งกำเนิดสินค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแผงวงจร, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนยานยนต์ และพลาสติก พฤติกรรมดังกล่าวจะสร้างความเสี่ยงให้ผู้ส่งออกไทยต้องเผชิญกับมาตรการทางการค้าที่เข้มงวดขึ้นจากประเทศคู่ค้าในอนาคต
SCB EIC ย้ำว่า แม้การเปิดรับการลงทุนและสินค้านำเข้าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่รูปแบบการเติบโตที่อิงกับโมเดลซึ่งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างแท้จริง อาจกลายเป็นจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่บั่นทอนศักยภาพของประเทศในระยะยาว ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องกำหนด กรอบนโยบายเชิงรุก ที่ครอบคลุมทั้ง 3 มิติ เช่น การปกป้องบังคับใช้มาตรการปกป้องผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ การกำกับดูแลการลงทุนจากต่างชาติให้เป็นไปเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มที่แท้จริง พร้อมทั้งคัดกรองขอบเขตและคุณภาพของสินค้านำเข้าอย่างเข้มงวด การส่งเสริมการยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยกลไกเชิงนโยบายที่ครอบคลุมและเข้มแข็ง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางพลวัตการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
แท็กที่เกี่ยวข้อง SCB EIC ,เศรษฐกิจไทย ,นำเข้าขยายตัว