เศรษฐกิจ

ครม.ส่งท้ายปีไฟเขียว Easy e-receipt / แจกเงินหมื่นผู้สูงวัย ปั๊มเงินเข้าระบบ 1.4-1.5 แสนล้าน

โดย thichaphat_d

25 ธ.ค. 2567

74 views

เมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.67) เวลา 12.45 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการ Easy e-receipt 2.0 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศปี 2568 ผ่านการส่งเสริมการบริโภคสินค้าและบริการ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการได้สูงสุดรวม 50,000 บาท

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุ ให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็น โดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป  ซึ่งจะจ่ายแก่กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 10,000 บาทต่อคน  โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกภายในเดือน ม.ค. ปี2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผยถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเงิน 1 หมื่นบาทสำหรับผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับแอปพลิเคชั่น "ทางรัฐ" โดยใช้กรอบวงเงินงบประมาณ 40,000 ล้านบาท รับสิทธิผ่านระบบพร้อมเพย์ คาดว่าจะเริ่มโอนเงินให้ทันก่อนตรุษจีน หรือภายในวันที่ 29 ม.ค.68

“ให้หน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงการคลัง ดีอี มหาดไทย เข้าไปดูรายละเอียดและดำเนินการ โดยต้องเป็นกลุ่มที่ลงทะเบียนแอปฯ ทางรัฐ มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ มีรายได้ เงินฝากตามกติกาที่เคยกำหนดไว้  ส่วนการลงทะเบียนของกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน คาดว่าจะเริ่มหลังปีใหม่ โดยระหว่างนี้กระทรวงการคลัง จะประชุมเพื่อกำหนดวันลงทะเบียนให้ชัดเจนต่อไป”

พร้อมกันนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบมาตรการ Easy e-receipt 2.0 ซึ่งเป็นการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ เพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษี โดยมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์เล็กน้อย แบ่งเป็น

1.วงเงิน 30,000 บาท ใช้จ่ายสำหรับซื้อสินค้าและบริการที่กำหนด และขยายสิทธิให้ซื้อแพคเกจทัวร์ โรงแรม ที่พัก รถเช่าได้ด้วย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

2.วงเงิน 20,000 บาท ใช้จ่ายสำหรับร้านวิสาหกิจชุมชน SMEs และร้านค้า OTOP ที่อยู่ในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์

โดยมีกำหนดระยะเวลาโครงการตั้งแต่ 16 ม.ค.-28 ก.พ.68

ส่วนสินค้าที่ไม่เข้าร่วมมาตรการ  Easy e-Receipt ได้แก่ สุรา เบียร์  ไวน์  ยาสูบ  รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเตอร์เน็ต ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย  ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พักโรงแรม-โฮมสเตย์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ ไม่รวมกลุ่มท่องเที่ยวไว้ด้วย โดยจะไปหารือรายละเอียดกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าจะออกเป็นมาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดการกระตุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้เกิดการกระจายตัวของเม็ดเงินทุกช่วงเวลา อีกทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเอง  ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาแพคเก็จในการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะดำเนินการในช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมมากกว่าด้วย  

“ของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลัง มี 3 เรื่อง คือ ส่วนลดการเสียภาษีในโครงการ Easy e-receipt, การเติมเม็ดเงินให้ชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท และ เงิน 1 หมื่นบาทให้ผู้สูงอายุ สิ่งที่ประชาชนทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งปลายไตรมาส 3 ปีนี้ ตั้งแต่ ก.ย.ได้เติมเงินให้กลุ่มเปราะบาง 145,000 ล้านบาท / ช่วง ธ.ค.- ม.ค. -ก.พ. จะมีเม็ดเงินจาก 3 โครงการ คือ ช่วยชาวนา 35,000 ล้านบาท, แจกเงินผู้สูงอายุอีก 40,000 ล้านบาท และ Easy e-receipt คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีกไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท รวมทั้งหมด 1.4-1.5 แสนล้านบาท ที่จะหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบสอง”

นายจุลพันธ์ยังระบุว่า รัฐบาลพยายามรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ โดยส่งผ่านเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ปลายปี 67 จนถึงต้นปี 68 จากนั้น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีหน้า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเฟส 2 ก็คาดว่าจะมีความพร้อม ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินอีกกว่าแสนล้านบาทเติมเข้าสู่ระบบในช่วงดังกล่าว

“เป็นการรักษาโมเมนตัมที่ดีให้กับระบบเศรษฐกิจไทยสำหรับปี 68 โดยเราเชื่อมั่นว่าจะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้สูงกว่าที่หลายคนคาด เราหวังตัวเลข 3% เป็นอย่างน้อย จะทำให้ประชาชนรับรู้ได้ถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เศรษฐกิจที่เดินหน้า เป็นความหวังให้ประชาชนในปี 68 ต่อไป”


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Dji_E91zY4M

คุณอาจสนใจ

Related News