เศรษฐกิจ
คลังแย้ม 19 พ.ย. ประชุม คกก.กระตุ้นเศรษฐกิจ มีของขวัญปีใหม่ - เตรียม 1.4 ล้านล้าน ปรับโครงสร้างหนี้
โดย nattachat_c
18 พ.ย. 2567
708 views
วานนี้ (17 พ.ย. 67) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 จะมีประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ นัดแรก โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กระทรวงการคลังเตรียมเสนอแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรายปี เริ่มตั้งแต่ของขวัญปีใหม่ช่วงสิ้นปีนี้ต่อเนื่องถึงตลอดทั้งปีหน้า 2568
จะมีการกำหนดเป็นกรอบไทม์ไลน์ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อาจแบ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรายธุรกิจ รวมถึงการเสนอให้เดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ระยะถัดไป มาตรการแก้หนี้ภาคประชาชน ตลอดจนมาตรการของขวัญปีใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้
การหารือคงไม่ใช่แค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังเพียงกระทรวงเดียว แต่เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงต่างๆ ด้วย เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เป็นต้น เพื่อให้มองเห็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้าว่าจะเดินไปทางไหน
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเงินที่จะใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นแบบผสมผสาน ไม่ได้มาจากแหล่งเงินในงบประมาณแหล่งเดียว ส่วนหนึ่งมาจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปีงบ 2568 ที่กำหนดวงเงินไว้ 1.8 แสนล้านบาท
และบางโครงการไม่จำเป็นต้องใช้งบ รวมถึงบางส่วนเป็นโครงการของสถาบันการเงินของรัฐที่อยู่ในบัญชีกิจการของรัฐ (พีเอสเอ) ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น โดยไตรมาส 4 ปี 2567 จะขยายตัวดีกว่าเดิม แต่รัฐบาลจะไม่หยุดแค่นี้ เพราะยังมีอีกหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีปัญหา เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ (โดยเฉพาะรถกระบะ) ภาคอสังหาริมทรัพย์ (ที่ยังชะลอตัว) แม้ว่ามาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาท สำหรับคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และบัตรคนพิการ 14.5 ล้านคน จะใช้จ่ายไปแล้วจำนวนมากก็ตาม
ทั้งนี้ ในการประชุมจะพิจารณามาตรการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงิน ด้วยการพักดอกเบี้ย และลดค่างวด โดยที่กระทรวงการคลังจะยอมให้สถาบันการเงินลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเอฟไอดีเอฟ และอีกส่วนหนึ่งมาจากทรัพยากรของสถาบันการเงิน ซึ่งรัฐบาลต้องการให้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว กู้ยืมเงินใหม่ได้
สำหรับแหล่งเงินทุนในมาตรการจะมาจาก 2 ส่วนคือ การลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ทั้งระบบเหลือ 0.23% จากเดิม 0.46% ต่อปี และเงินสนับสนุนจากภาคธนาคาร ซึ่งขึ้นอยู่กับลูกหนี้ของแต่ละธนาคาร โดยเม็ดเงินความช่วยเหลือภาพรวมอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ ด้านสมาคมธนาคารไทย ออกสเตตเมนต์ยืนยันว่า อยู่ระหว่างเตรียมมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดภาระทางการเงินเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้ กลุ่มที่เป็น 'ลูกค้ารายย่อย' และ 'ธุรกิจขนาดเล็ก'
ซึ่งจะใช้แนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ ที่จะช่วยลดภาระการผ่อนชำระต่องวดอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่เข้าร่วมมาตรการ โดยผ่อนชำระเฉพาะเงินต้นเท่านั้น และพักชำระดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามหลักเกณฑ์ และระยะเวลาที่กำหนด จะได้รับยกเว้นสำหรับดอกเบี้ยที่พักแขวนไว้ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้รักษาวินัยในการผ่อนชำระ
โดยในช่วงเวลาของนโยบายนี้ ลูกหนี้จะไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มได้ช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดภาระหนี้ให้ได้อย่างแท้จริง และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์จงใจผิดนัดชำระหนี้ เพื่อใช้ประโยชน์จากมาตรการนี้
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Ofhg2-VUCHs