เศรษฐกิจ

ดีเดย์ 25 ก.ย.แจกเงินหมื่นผู้พิการ-กลุ่มเปราะบาง เข้าบัญชีผูกพร้อมเพย์ คาดดันจีดีพีเพิ่ม 0.35%

โดย petchpawee_k

18 ก.ย. 2567

74 views

ครม.ไฟเขียว 14.5 ล้านคน กลุ่มเปราะบาง รอรับเงิน 10,000 โอนเข้าบัญชีที่ผูกพร้อมเพย์ 25-30 ก.ย.นี้ คาดดันจีดีพีเพิ่มอีก 0.35%

วานนี้ (17 ก.ย.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ เงินช่วยเหลือประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.41 ล้านรายและคนพิการ จำนวนไม่เกิน 2.15 ล้านราย เป็นจำนวน 10,000 บาทต่อคน โดยจะเริ่มทยอยจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เห็นชอบในหลักการและเป็นไปตามกฏหมายทุกประการ

เมื่อถามถึงระยะที่สอง ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเรื่องรายละเอียดเชิงลึกของดิจิทัลวอลเล็ต กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ชี้แจงและตอบทุกคำถาม แต่ในเฟสแรกจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน ส่วนเฟสที่สองและเฟสต่อๆ ไปขอให้กระทรวงการคลังชี้แจงรายละเอียด

เมื่อถามว่าในเฟสแรกที่มีการลดขนาดลงจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในภาพรวมของตัวเลขของกลุ่มเปราะบาง กลุ่มแรกที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท จะมีการใช้จ่ายในเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างสูง เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่นอนในเฟสแรก พร้อมย้ำว่าการจ่ายเงินในเฟสแรกจะเป็นเงินสดเข้าบัญชี

---------------------------------

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลังและผู้อำนวยการสำนักงานการคลัง ร่วมแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ เพื่อบรรเทาภาระค่าของชีพและเพิ่มศักยภาพ ของประชาชนกลุ่มเปราะบาง หรือรัฐบาลจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ลงทะเบียนเอาไว้ประกอบด้วย กลุ่มแรก ทั้งสิ้น 14.5 ล้านคน ประกอบด้วย ประชาชนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน และผู้พิการอีก 2.15 ล้านคน โดยจะทยอยจ่ายเงินให้กับประชาชนตั้งแต่วันที่ 25-30 กันยายน นี้ซึ่งจะเป็นการแบ่งจ่ายวันละ 4,000,000 ราย


เริ่มจากวันที่ 25 กันยายน จะจ่ายให้กับผู้พิการทั้งหมด 2.1 ล้านคนและประชาชนที่มีเลขบัตรประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 0  วันที่ 26 กันยายนจะจ่ายให้ กับผู้ที่มีเลขบัตรประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเลข 1-3 วันที่ 27 กันยายนจะจ่ายให้กับประชาชนที่มีเลขประจำตัวหลักสุดท้ายเลข 4-7  และวันที่ 30 กันยายนจะจ่ายให้กับประชาชนที่มีเลขบัตรประจำตัวหลักสุดท้าย 8-9

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังย้ำว่า ผู้พิการไม่ต้องทำอะไร รอรับเงินได้เลย ส่วนกลุ่มผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับบัญชีด้วยเลขบัตรประชาชน ให้รีบไปดำเนินการที่สถาบันการเงินที่เปิดบัญชีไว้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นธนาคารของรัฐ หากผู้มีสิทธิ์ในกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน รายใดได้รับเงินโอนเข้าบัญชีในช่วงวันที่ 25-30 กันยายน รัฐบาลจะโอนซ้ำให้อีก 3 ครั้ง คือในวันที่ 22 ตุลาคม , 22 พฤศจิกายน  และ 22 ธันวาคม

ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่าผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน ผูกบัญชีพร้อมเพย์ไปแล้ว 11 ล้าน คน ยังเหลืออีกราว 1 ล้านคนเศษ


ในส่วนของ ประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐและลงทะเบียนผ่านสาขาธนาคาร เพื่อเข้าร่วม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนใน โครงการดิจิทัลวอลเลตเดิม นั้น ล่าสุดมียอดลงทะเบียนอยู่ที่ 36 ล้านคน โดยประชาชนในกลุ่มแรกคือ 14.5 ล้านคนนั้น จะเริ่มได้รับเงินสด 10,000 บาทในวันที่ 25 กันยายนนี้เป็นต้นไป ขณะประชาชนในกลุ่มที่เหลือรัฐบาล จะจัดตั้งคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานมาเพื่อพิจารณาเงื่อนไข และข้อกำหนดต่างๆ อีกครั้ง


นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแจกเงิน 10,000 บาทในโครงการนี้ให้กับประชาชน 14.5 ล้านคน จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.35% ต่อจีดีพี ซึ่งจะทำให้ประมาณการเศรษฐกิจของไทยเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2.7% ในปีนี้ การใส่เม็ดเงินลงไปเป็นการรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีแรงส่งต่อเนื่อง พร้อมแย้มว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดเตรียมชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มการบริโภคของประชาชน ที่ไม่ได้เข้าร่วมในโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เอาไว้เพื่อที่เสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้อีกด้วยในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย


ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังประเมินว่า การใช้จ่ายของกลุ่มเปราะบางจะทำให้เม็ดเงินหมุนในระบบ 2.5-3 เท่า และหลังจากเงินเข้าบัญชีไปแล้ว 1 เดือน ก็น่าจะเห็นการหมุนได้ชัดเจน ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเตรียมลงสำรวจ และประเมินผลทางเศรษฐกิจต่อไป


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/jPU18drXbIs

คุณอาจสนใจ

Related News