เศรษฐกิจ
คลังประเมิน จีดีพีไทยปีนี้ โต 3% เหตุมีกองทุนวายุภักษ์-ดิจิทัลวอลเล็ต ช่วยดันครึ่งปีหลัง
โดย nattachat_c
6 ก.ย. 2567
34 views
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 นี้ จะขยายตัวได้ประมาณ 2.7-3.0% โดยครึ่งปีหลังจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจากหลากหลายส่วน
ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากเม็ดเงินการลงทุนจากกองทุนรวมวายุภักษ์ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 67 เป็นต้นไป โดยจะช่วยสนับสนุนตลาดทุนให้กลับมาฟื้นตัว และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ยังมีการปรับเกณฑ์เงื่อนไขการลงทุนกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG ด้วย โดยสามารถเข้าไปลงทุนได้แล้ว ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้ามาลงทุน รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการรัฐ ที่คาดว่าจะดำเนินการแจกเงินดิจิทัล ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้พิการภายในเดือน ก.ย. 67 นี้ รวมจำนวน 14.5 ล้านคน คาดใช้เม็ดเงินประมาณ 1.45 แสนล้านบาท โดยงบประมาณที่ใช้ส่วนหนึ่งมาจากการออกงบประมาณปี 67 เพิ่มเติม วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท
ด้าน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สำหรับประมาณการเศรษฐกิจ ปี 67 กระทรวงการคลัง คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7-3% ซึ่งมากกว่าที่กระทรวงการคลังเคยประมาณการไว้ เมื่อเดือน ก.ค. 67 ที่ 2.7% โดยมีช่วงการขยายตัว 2.2- 3.2% โดยการประมาณการใหม่นั้น ขยายจาก 2.7% ที่เป็นค่ากลาง มาเป็นฐานที่ต่ำที่สุดแทน
ทั้งนี้ สำหรับ เม็ดเงินส่วน พ.ร.บ.งบประมาณ เพิ่มเติม ปีงบประมาณ 67 จำนวน 122,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะนำออกมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจทัลวอลเล็ตนั้น จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 67 ให้ขยายตัวเพิ่มได้ 0.2 - 0.3% ต่อปี
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง กล่าวถึงกำหนดการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา จะกระทบกับไทม์ไลน์โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทหรือไม่ ว่า ถือว่าเป็นข้อดีที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่มาค่อนข้างเร็ว และจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนรับหน้าที่ในวันพรุ่งนี้ ( 6 ก.ย.) ซึ่งตามกฎหมายจะต้องแถลงนโยบาย 15 วันหลังจากวันถวายสัตย์ฯ แต่รัฐบาลได้มีการเตรียมการถึงนโยบายของรัฐเสร็จแล้ว จึงมีกำหนดการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมร่วม ของสส.และสว.ชุดใหม่ โดยมีนางสาวแพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอญัตติต่อที่ประชุม และทางคณะรัฐมนตรีพร้อมที่จะตอบทุกข้อซักถามและข้อสงสัย และหลังจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาครมก็จะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศต่อไป
เมื่อถามย้ำว่าจะสามารถ จ่ายเงินก้อนแรกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท ในเดือนกันยายนนี้ได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ ย้ำว่า เนื่องจากกระบวนการแถลงนโยบายเสร็จค่อนข้างเร็ว เพราะตอนแรก กังวลว่ากระบวนการนี้จะไปแล้วเสร็จเอากลางเดือนกันยายน ก็จะทำให้ไทม์ไลน์การแจกเงินนั้นล่าช้าออกไป แต่ตอนนี้ยังมีเหลืออีกครึ่งเดือน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดก็ยังเดินหน้าต่อ
โดยนายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ยังคงยึดไทม์ไลน์เดิม คือจะปิดรับลงทะเบียนกลุ่มสมาร์ทโฟน ในวันนี้ 15 กันยายนนี้ และในวันที่ 16 กันยายน - 16 ตุลาคม จะเปิดลงทะเบียนในกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน แต่ติดว่ายังไม่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดต่อประชาชน แต่จะมีการนับแถลงรายละเอียด ในช่วงวันที่ 12 - 13 กันยายนนี้
ส่วนที่มีการแสดงความคิดเห็นว่าหากโครงการนี้ถูกเปลี่ยนเป็นการแจกเงินสดจากไม่เรียกว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นเพียงคำพูดของคนในสภาฯ ขออย่าไปฟังเพราะเขายังไม่รู้รายละเอียดของโครงการด้วยซ้ำ เป็นเรื่องของความคาดหวังคาดหมาย แต่ยืนยันว่าน่าจะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการบางส่วนอาจเป็นเงินสด และบางส่วนจะเดินหน้าเป็นวอลเล็ต พร้อมย้ำว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องรีบ และต้องทำให้เกิดความสมดุลระหว่างเงินสดและวอลเล็ต เพื่อเร่งให้ตัวเงินถึงประชาชนและเศรษฐกิจฟื้นฟูโดยเร็ว ในขณะที่วัตถุประสงค์สำคัญ ของโครงการนี้คือการวางรากฐานทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล อยากทำให้เกิดความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้นเม็ดเงิน บางส่วนจะต้องมาในรูปแบบวอลเล็ตต่อไป
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/l-wvFw5-iPI