กสทช. ยันไม่เพิกเฉยผู้บริโภค ย้ำทรู-ดีแทค ควบรวม ค่าบริการต้องลดลง 12%

พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประจำประธาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กล่าวถึงประเด็นปัญหาคุณภาพสัญญาณและราคาค่าบริการ หลังการควบรวมระหว่างทรู และดีแทค โดยทางสำนักงาน กสทช. ได้ตรวจสอบตามมาตรการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ครบถ้วน ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ 11 ข้อใหญ่ รวมกับข้อย่อยเป็นทั้งหมด 19 ข้อ ส่วนใหญ่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด มีเพียงเรื่องการตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาที่จะเข้ามาประเมินราคา คุณสมบัติ และคุณภาพ ที่มีการส่งเรื่องกลับมาแล้วรอคณะอนุฯ พิจารณา

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. กล่าวเสริมในประเด็นเรื่องค่าบริการ ตามเงื่อนไขที่จะต้องลดลง 12% โดยใช้วิธีการเฉลี่ยราคาด้วยการถ่วงน้ำหนักตามจำนวนผู้ใช้บริการ ที่มีการปฏิบัติตามแล้ว ขณะที่ในเรื่องของคุณภาพสัญญาณ บางส่วนเกิดขึ้นจากการยุบเสา แต่ไม่ได้หมายความว่ายุบสถานีฐาน (Cell Site) เพราะเป็นการย้ายจากเสาที่ยุบ ไปยังเสาที่มีพื้นที่ครอบคลุมมากกว่า

ในเรื่องนี้ทางกสทช. ได้ขอให้ผู้ให้บริการแจ้งผู้บริโภคก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้าย Cell Site เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานได้รับผลกระทบ พร้อมกับทำแผนแจ้งทางสำนักงานกสทช. ล่วงหน้า โดยเมื่อมีการเคลื่อนย้ายแล้วเสร็จจะส่งทีมงานตรวจสอบคุณภาพไปทดสอบ

หลังการควบรวมสำนักงานไม่ได้เพิกเฉย มีการติดตามเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค สิ่งที่สำนักงานกล้ายืนยันว่าอะไรที่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน เราไม่เคยทำ เราเป็นหน่วยงานกำกับดูแลมีหน้าที่ต้องดูแลการแข่งขันให้เกิดความเป็นธรรม ดูแลทั้งผู้บริโภค ดูแลผู้ประกอบการ และดูแลตลาด เพราะฉะนั้นจะไม่มีการเพิกเฉยแน่นอน

ทั้งนี้ ในส่วนของเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคจากสำนักงานกสทช. ที่พบว่ามีการร้องเรียนเพิ่มขึ้นจาก 500 เรื่อง เป็น 600 เรื่อง หลังการควบรวม พบว่าส่วนใหญ่เป็นข้อร้องเรียนเกี่ยวกับข้อความโฆษณา การให้บริการ และการคิดค่าบริการผิดพลาด มีเพียง 17 เรื่องเท่านั้น ที่ร้องเรียนเรื่องคุณภาพสัญญาณ สอดคล้องกับการตรวจสอบคุณภาพสัญญาณของกสทช. จากทีมงานที่สุ่มทดสอบทั่วประเทศ ยังไม่พบการให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐานของผู้ให้บริการทุกเครือข่าย