เศรษฐกิจ

สุพัฒนพงษ์ เชื่อ ‘ธ.ซิลิคอนฯ’ ล้มไม่ซ้ำรอย ‘เลห์แมน บราเธอร์ส’ - แบงก์ชาติ ยันไม่กระทบไทย ชี้มั่นคงมาก

โดย petchpawee_k

14 มี.ค. 2566

10 views

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่าถึงกรณี ธนาคารซิลลิกอนวัลเลย์ (SVB Bank) และธนาคารอีก 2 แห่งถูกสั่งปิดกิจการในสหรัฐฯว่าจากข้อมูลที่มีอยู่และการติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมั่นใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะไม่ลามเป็นวิกฤติการเงินทั่วโลกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับกรณี เลห์แมน บราเธอร์ส ในปี 2008 อย่างไรก็ตามขณะนี้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธ.ป.ท.) ได้ติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดเชื่อว่าผลกระทบจะไม่มาถึงประเทศไทย


ทั้งนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ SVB ถือว่าเป็นปัญหาเฉพาะของการดำเนินกิจการธนาคารที่มีการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าที่เป็นสตาร์ทอัพ ซึ่งเชื่อว่าผลกระทบจะอยู่ในวงจำกัด และธนาคาร SVB ก็ถือว่ามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ ซึ่งในกรณีนี้ก็ต้องดูต่อไปอีกนิดว่าจะไปเกี่ยวกับธุรกิจอื่นๆหรือไม่ ถ้ามีการเข้าไปแก้ไขได้ก็ไม่น่าวิตก


เมื่อถามว่าวิกฤติครั้งนี้จะเกิดขึ้นซ้ำรอยกับกรณีที่เกิดกับ เลห์แมน บราเธอร์ส ในปี 2008 หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ผลกระทบคงไม่มากขนาดนั้นเพราะในปี 2008 สิ่งที่เกิดคือเกิดจากหนี้เสียในการปล่อยกู้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ทำให้เกิดวิกฤติลามไปสู่ภาคส่วนอื่นๆซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้มีสัญญาณว่าจะลุกลามไปมากขนาดนั้น


ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า มีการติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยคงต้องรอฟังข้อมูลจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งทำหน้าที่ในการมอนิเตอร์เรื่องนี้ด้วย โดยที่ผ่านมา ธปท. ยืนยันมาตลอดว่าเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบสถาบันการเงินไทยยังไม่มีปัญหาอะไร ยังได้รับความน่าเชื่อถืออยู่


มอนิเตอร์เรื่องนี้ด้วย โดยที่ผ่านมา ธปท. ยืนยันมาตลอดว่าเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบสถาบันการเงินไทยยังไม่มีปัญหาอะไร ยังได้รับความน่าเชื่อถืออยู่



ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ในเบื้องต้น มองว่าประเด็นดังกล่าวน่าจะมีผลกระทบกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยเฉพาะเรื่องบรรยากาศในการลงทุน โดยเฉพาะประเด็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากกว่า ส่วนรายละเอียดต่างๆ คงต้องรอทาง ธปท. อีกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องว่าจะมีผลกระทบอะไรกับสถาบันการเงินของไทยหรือไม่


ด้าน น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ในไทย ผลกระทบจากกรณีเอสวีบี ต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยมีจำกัด เนื่องจากไม่มีธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีธุรกรรมโดยตรงกับเอสวีบีและปริมาณธุรกรรมโดยรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยในฟินเทค และสตาร์ตอัพทั่วโลกมีน้อยกว่า 1 % ของเงินกองทุนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์  ที่สำคัญพบว่าธนาคารพาณิชย์ไทยไม่มีการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่กลุ่มธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับต่ำที่ประมาณ 200 ล้านบาท


ซึ่ง ธปท.ขอย้ำว่ามีการกำกับดูแลธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและ venture capital ที่เข้มงวด เช่น การให้หักเงินลงทุนในเหรียญออกจากเงินกองทุนชั้นที่ 1 (CET1) ในทุกกรณี รวมทั้งกำหนดเพดานการลงทุนและการกำกับความเสี่ยงในด้านต่างๆ เพื่อป้องกันผลกระทบจากความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มธนาคารพาณิชย์ต่อเงินฝากของประชาชน


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/5WwVeq1F2Xg

คุณอาจสนใจ

Related News