สภาพัฒน์ เผย หนี้เสียสูงกว่ายุคก่อนโควิด จับตากู้ผ่านโซเชียล ห่วงเด็กรุ่นใหม่ เป็นหนี้นอกระบบเพิ่ม

วันที่ 26 ส.ค.67 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาสใน 2 โดยในประเด็นหนี้สินครัวเรือนในไตรมาสที่ 1 มีมูลค่ารวม 16.37 ล้านล้านบาท ขยายตัว 2.5% ชะลอลงจาก 3% ในไตรมาสก่อนหน้า และคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพี ที่ 90.8% ลดลงจาก 91.4% ในไตรมาสก่อนหน้า จากสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อแก่ครัวเรือน

อย่างไรก็ตาม เมื่อดู "คุณภาพสินเชื่อ" ของครัวเรือน พบว่า ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยหนี้ NPL อุปโภคบริโภคของธนาคารพาณิชย์ มีมูลค่ารวม 1.63 แสนล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 2.99% ต่อสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก 2.88% ในไตรมาสที่ผ่านมา ปรับขึ้นเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน ส่งผลสัดส่วนหนี้ NPL ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาสที่ 2 ขึ้นไปอยู่ที่ 8.5% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 และสูงกว่าก่อนช่วงโควิด ที่เคยอยู่ที่ 8% สะท้อนตอนนี้มีปัญหาเรื่องรายได้กระจายไม่ทั่วถึง

ส่วนเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้บัตรเครดิต ที่เริ่มมีปัญหาการชำระหนี้คืน หลังการปรับอัตราการจ่ายขั้นต่ำจาก 5% เป็น 8% ส่งผลให้ลูกหนี้บางส่วนมีปัญหาในการชำระคืน เห็นได้จากสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมของกลุ่มบัตรเครดิต ไตรมาส 1 ปีนี้ อยู่ที่ 4.13% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ซึ่งอยู่ที่ 3.57% พร้อมจับตาการให้กู้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ทั้ง Line, X, Instagram และ Tiktok" ห่วงเด็กรุ่นใหม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราว่างงานคนไทยไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นครั้งแรก หลังจากฟื้นตัวจากโควิด-19 ขยับมาสู่ 1.07% -/-