อาชญากรรม

ค้านประกัน ‘แซน’ ตร.แจ้ง 4 ข้อหาหนัก – เปิดผลชันสูตร ‘แจน’ เหยื่อฆ่าหั่นมือ ตายจากของมีคมปาดคอ

โดย weerawit_c

8 มิ.ย. 2567

167 views

ฝากขังแซน หนุ่มฆ่าสาวนักศึกษาก่อนทิ้งศพใต้ทางด่วน ตร.แจ้ง 4 ข้อหาหนัก เจ้าตัวยังอ่อนแรง-หลับตาตลอดเวลา  ด้านพ่อ-แม่ ร่ำไห้ ยกมือไหว้ ฝากคำขอโทษถึงครอบครัวคนตาย พร้อมเผยลูกชายดีขึ้น แต่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูดเพียง “ขอโทษ” ระบุ ลูกบอกพลั้งมือบีบคอแจนจนตาย ก่อนตัดมือแล้วปาดคอเพื่ออำพรางศพเพราะตกใจ

ภายหลังตำรวจควบคุมตัวนายแซน อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพนางสาวแจน อายุ 18 ปี แฟนสาว ก่อนตัดมือโยนทิ้งริมคลองเชียงราก และนำศพไปโยนทิ้งใต้ทางด่วน มาที่ สภ.ปากคลองรังสิต ซึ่ง พนักงานสอบสวนให้ข้อมูลว่า นายแซน รับสารภาพแล้วว่าก่อเหตุจริง แต่ยังไม่บอกว่าวิธีการก่อเหตุเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าการให้การของนายแซนนั้นเป็นประโยชน์

ล่าสุดช่วงเช้าวานนี้ (7 มิ.ย.67) พนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต คุมตัวนายแซนไปส่งฝากขังผัดแรกที่ศาลจังหวัดปทุมธานี หลังนายแซนถูกดำเนินคดีใน 4 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ซ่อนเร้นอำพรางศพ , เคลื่อนย้ายศพ และเคลื่อนย้ายศพก่อนเจ้าหน้าที่จะไปถึง  โดยทางพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวท้ายคำร้องก่อนขอฝากขัง เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง และเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เกรงว่าหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวอาจจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรืออาจจะกระทำอัตวินิบาตกรรม (ฆ่าตัวตาย)  จึงสมควรที่จะได้รับการฝากขังเพื่ออยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด

ต่อมาเวลา 09.25 น. ตำรวจคุมตัวนายแซน ออกจากห้องคุมขังของโรงพักเพื่อนำไปฝากขังต่อศาลฯ โดยพบว่าตำรวจและกู้ภัยยังคงหิ้วปีกนายแซน ที่ยังคงอยู่ในอาการสะลึมสะลือและหลับตาตลอดเวลา  นักข่าวยังคงพยามสอบถามย้ำอย่างต่อเนื่อง ว่าป่วยจริงหรือไม่   มีอะไรอยากชี้แจงหรือไม่  รู้สึกผิดหรือไม่ ปรากฏว่านายแซนยังคงนิ่ง ไม่ตอบคำถามใดๆ  ก่อนจะขึ้นรถคุมขังไปทันที โดยมีตำรวจนั่งประกบไปด้วย

ช่วงนำตัวฝากขังนี้ พบว่าครอบครัวของผู้ต้องหา ทั้ง พ่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ ก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่  โดยมีช่วงจังหวะหนึ่งที่หน้าห้องขัง ก่อนที่น้องชายจะขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา สังเกตเห็นว่าพี่ชายได้เข้ามาอุ้มผู้ช่วยช่างภาพช่องหนึ่ง ไม่ให้เข้าไปเบียดกับน้องชาย ซึ่งบอกว่า ”น้องเดินไม่ได้“ ก่อนทั้งคู่จะมีปากเสียงกัน ทำให้ผู้เป็นพ่อเห็นต้องเข้ามายกมือไหว้ขอโทษ

ย้อนกลับไปก่อนการฝากขัง พบว่าครอบครัวของนายแซน ได้แก่ พ่อ , แม่ , พี่ชาย  และพี่สะใภ้ ได้เดินทางนำของมาเยี่ยม  ประกอบไปด้วย เสื้อยืดสีเทา , กางเกงขาสั้นสีดำ , กางเกงใน , น้ำยาบ้วนปาก , ทิชชู่เปียก และผ้าชุบน้ำสำหรับเช็ดตัว

ทั้งนี้ จากการสังเกตเห็นว่ามีบางจังหวะที่ครอบครัวของนายแซนเข้าเยี่ยมในห้องผู้ต้องขัง แม่ของนายแซนถึงขั้นเข่าทรุดนั่งร้องไห้  จนพ่อนายแซนต้องช่วยกอดปลอบระหว่างการเยี่ยมพูดคุยกับนายแซนในห้องผู้ต้องขัง ทั้งนี้จากการสังเกตภายในห้องผู้ต้องขัง พบว่า นายแซนมีสติ ตื่นจากการนอนและรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่กินได้แบบเลอะเทอะ

ส่วนการคุมขัง  พบว่าบริเวณหน้าห้องผู้ต้องขัง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังเฝ้าเวรยามผลัดเวรกันตลอดทั้งคืน เพื่อเฝ้าจับตาพฤติกรรมของนายแซน และเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้นายแซนทำร้ายตัวเอง  โดยพบว่านายแซนยังสามารถนอนหลับได้ตามปกติ ไม่แสดงอาการท่าทีเครียดหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด

หลังจากครอบครัวเข้าเยี่ยมนายแซนประมาณ 30 นาทีแล้ว พ่อของนายแซน  เดินออกมาจากห้องขังเพื่อไปเข้าห้องน้ำ โดยทีมข่าวซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งคุณพ่อยกมือไหว้ตลอดเวลา พร้อมกับพูดว่า "ผมขอโทษๆ ขอโทษแทนทุกคน ผมไม่ได้อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ผมขอโทษ รู้สึกผิด และได้มีโอกาสพูดคุยกับฝั่งคู่กรณีแล้ว ส่วนเรื่องลัทธิซาตานนั้น ไม่เป็นเรื่องจริง“ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องควบคุมผู้ต้องขัง

จากนั้นพ่อและแม่นายแซน  เดินออกมาพร้อมกับยกมือไหว้สื่อมวลชนอีกครั้ง ก่อนเปิดใจ ว่า  อยากจะขอโทษทุกคนแทนลูก  โดยเฉพาะอยากจะขอโทษพ่อแม่ของน้องแจน เพราะเรารับรู้ว่าเขาเสียใจมาก ซึ่งเราเองก็เสียใจเช่นกัน “แม่ผิดเองที่แม่เลี้ยงลูกไม่ดี แม่ขอโทษ” และแม่อยากจะไปร่วมงานศพของน้องแจนที่ จ.อุตรดิตถ์ด้วย เบื้องต้นอยากจะไปขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยตัวเอง

โดยตอนที่เข้าไปเยี่ยมลูกตอนเช้า ลูกชายก็ยังไม่ได้มีสติมากนัก ยังไม่สามารถยกมือขึ้นกินข้าวเองได้ และพูดแต่คำว่า “ขอโทษ” อย่างเดียว  พร้อมกับเล่าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ ทั้งสองคนนอนด้วยกัน และพลั้งมือบีบคอน้องแจน โดยที่ไม่ได้มีการทะเลาะกันก่อนหน้านี้ พอหลังจากที่ทราบว่าน้องแจนเสียชีวิตแล้ว ก็ตั้งใจตัดมือและปาดคอเพื่อจะอำพรางศพเพราะตกใจ

ส่วนประเด็นเรื่องลัทธิซาตานที่ต้องฆ่าคนฆ่าสัตว์ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ครอบครัวจะไม่ยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัว จะให้ลูกชายรับโทษตามกฎหมายต่อไป

-------------------------------------
ตร.เล่านาทีแซน เปิดปากรับสารภาพฆ่าแฟนสาว - ส่วนสาเหตุ-แรงจูงใจ ยังไม่ยอมพูด ระบุ ช่วงสอบเจ้าตัวลืมตาตื่น ตอบสนองได้ แต่แกล้งไม่มีสติ เชื่อลึกๆ รู้สึกผิด ชี้ บางเรื่องแม้ไม่ให้ความร่วมมือ แต่มั่นใจหลักฐานมัดแน่น  ขณะที่แม่ผู้ตายสะอื้นไห้ หลัง ตร.เล่าวิธีการสืบสวนคดี

พ.ต.อ. ณรงค์ เอี่ยมระหงษ์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต กล่าวถึงกรณีที่นายแซนรับสารภาพ ว่า ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาไม่ให้การใดๆ ส่วนในชั้นสอบสวนนายแซนยอมรับสารภาพ

ด้าน พ.ต.ท. เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ปากคลองรังสิต กล่าวว่า ในชั้นสอบสวน นายแซนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ยืนยันว่า นายแซน สามารถให้การได้ ส่วนพฤติการณ์ในการก่อเหตุเล่าได้เพียงเล็กน้อยเพราะมีแม่อยู่ด้วย

เมื่อถามว่าระหว่างสอบปากคำนายแซนร้องไห้สำนึกผิดหรือไม่ พ.ต.ท.เนติ บอกว่า “เขาทำเป็นไม่รู้ตัวซะมากกว่า”  โดยระหว่างสอบสวนมีแม่มานั่งอยู่ด้วยตลอดเวลา ผู้ต้องหาซบแม่ ทำเป็นหลับไม่รับรู้ แต่ถ้าสะกิดก็ตื่น  ตำรวจต้องใช้วิธีการให้ชี้ภาพ แล้วผู้ต้องหาก็พยักหน้ารับสารภาพ แต่ไม่ได้พูดบรรยายพฤติการณ์เหมือนคนทั่วไป

ส่วนสาเหตุของการลงมือและวิธีการลงมือฆาตกรรม ผู้ต้องหาได้บอกกับตำรวจว่าทำอย่างไร ตอนที่ชี้รูปอาวุธมีดปังตอ แต่ตนไม่ขอลงรายละเอียด  เมื่อถามอีกว่านายแซนได้บอกหรือไม่ว่าตั้งใจหรือพลั้งมือ เพราะแม่นายแซนบอกว่าลูกชายพลั้งมือ พ.ต.ท.เนติ บอกว่า ไม่สามารถบอกได้ เพราะจะส่งผลกับรูปคดี


พ.ต.ท.เนติ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย  ด้านหลักฐานทุกอย่างเกิดขึ้น ก็เกิดจากการที่ตำรวจหาเอง และใช้วิธีการต่างๆ ในการพยายามสอบถาม  แต่ขอยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาจะให้การหรือไม่อย่างไร ก็ไม่มีผลต่อรูปคดี เพราะหลักฐานทุกอย่างมัดตัวทั้งหมด


ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.เนติ เชื่อว่าลึกๆ ผู้ต้องหาสำนึก เพราะอายุยังน้อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เกิดแล้ว แล้วพยายามจะแก้ไข แต่เป็นเด็กที่แก้ปัญหาเองแบบไม่ถูกต้อง

พ.ต.ท. เนติ รอง ผกก. กล่าวต่อว่า หากถามถึงกรณีที่ตำรวจอุ้มนายแซนมา ทำเกินไปหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ตำรวจเราใช้ความเห็นแพทย์เป็นหลักที่วินิจฉัยว่าสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งตำรวจได้ถ่ายวิดีโอไว้ทุกขั้นตอน ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้น มีรายงานว่าครอบครัวไม่กล้ายื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน

-------------------------------

เวลา 10.30 น. ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พาแม่และพี่สาวของ น.ส.แจน ผู้เสียชีวิตเดินทางมายัง สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อติดตามคดี และขอตรวจสอบมือถือของผู้ตาย หลังญาติฝั่งคนก่อเหตุ ได้ให้ร้ายกับผู้ตายว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี เคยทำร้ายร่างกายนายแซนมาก่อน จึงอยากนำหลักฐานแชท ในมือถือ ออกมายืนยัน ว่าผู้ตายเป็นผู้หญิงที่แสนดีและรักแฟนมาก รวมถึงยังช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟ โอนเงินให้นายแซนใช้ด้วย

ขณะที่ผู้สื่อจะสอบถามรายละเอียดกับแม่ของผู้ตาย แต่แม่ร้องไห้ และบอกว่า ไม่สามารถพูดอะไรได้ เนื่องจากมันจุกที่อก  ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เห็นอาการของนายแซนที่ยังคงสะลืมสะลือ เดินไม่ได้ ต้องให้ตำรวจช่วยกันหาเพื่อไปฝากขังนั้น แล้วรู้สึกอย่างไร ทางพี่สาวของผู้ตาย บอกว่า ตนเห็นแล้วแต่ไม่มีอะไรจะพูด


ส่วนที่พ่อแม่ของนายแซนพยายามขอโทษครอบครัวของตนนั้น ตนยืนยัน ว่าไม่ยอมรับคำขอโทษ และไม่อโหสิกรรมให้ เนื่องจากครั้งแรกที่พบกัน แทนที่เขาจะเข้ามาขอโทษด้วยความจริงใจ แต่เขากลับพูดว่า เขาไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น ขนาดน้องน้องสาวของตนยังไม่พูดอะไรเลย ซึ่งเมื่อตนฟังแล้วก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่สำนึก ซึ่งน้องสาวของตนพูดไม่ได้จริงๆเพราะน้องตายแล้ว

---------------------

เปิดผลชันสูตรศพ  นักศึกษาสาวถูกแฟนหนุ่มวัยฆ่าอำพรางศพ พบหลอดลมฉีกขาดจากของมีคม  สำลักเลือดในปอด

วานนี้ ( 7 มิ.ย.)  ผลชันสูตรพลิกศพออกแล้ว พบว่าสาเหตุที่ทำให้ น.ส.แจน เสียชีวิต คือ “หลอดลมฉีกขาดจากบาดแผลถูกของมีคม”

ขณะเดียวกันที่สมองพบว่าบาดแผลมีรอยฟกช้ำ ส่วนใต้ศีรษะสมองอยู่ในสภาพปกติไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต  ส่วนที่คิ้วมีร่องรอยฟกช้ำแต่ไม่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต ทั้งนี้ ยังพบบาดแผลถูกแทงที่ลำคอ แต่บาดแผลนี้ก็ไม่เป็นเหตุที่ทำให้เสียชีวิต

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต คือ ถูกปาดบริเวณลำคอจนหลอดลมฉีกขาด นอกจากนี้ยังพบว่ามีอาการสำลักเลือด  เนื่องจากแพทย์พบเลือดภายในปอด 

ส่วนการตรวจเรื่องสารต่างๆในร่างกาย ผลคือไม่พบ / จึงสันนิษฐานได้ว่าก่อนตายผู้เสียชีวิตมีการทรมาน ทางทนายความบอกเบื้องต้นว่า ผลออกมาแบบนี้เข้าข่ายความผิด มาตรา 289 (5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
------------------------------

เวลา 12.30 น. ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ ครอบครัวของ น.ส.แจน ติดต่อขอรับร่างเพื่อไปบำเพ็ญกุศลที่วัดวงษ์สวรรค์สุทธาวาส หมู่ที่ 2 ตำบลท่าสัก อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิด แต่ยังไม่สามารถทำเรื่องรับศพได้ เนื่องจากชื่อในเอกสารการเสียชีวิตไม่ตรงกัน เพราะเจ้าหน้าที่ระบุในเอกสารตอนมาส่งร่างไว้ว่าเป็นศพหญิงนิรนาม  ทำให้ทางครอบครัวต้องเดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรม ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เพื่อให้ผู้เป็นแม่ไปยืนยันตัวบุคคล จึงจะสามารถเดินทางมาติดต่อรับศพได้


แต่ระหว่างที่แม่ของผู้ตายกำลังดำเนินการ พ่อของนายแซน เดินทางมาที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิต  รวมทั้งเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นรวมถึงแมวเพศผู้ ชื่อโคบี้ ซึ่งเป็นแมวที่นายแซนและ น.ส.แจน เลี้ยงด้วยกัน   มาให้ญาติของผู้เสียชีวิต และปรากฏว่ามีช่วงหนึ่งที่คุณกานต์ น้าสาวของผู้ตาย ได้ถือรูปภาพ น.ส.แจน ขึ้นไปคุยกับพ่อผู้เสียชีวิตบนรถประมาณ 3 นาที


จากนั้นคุณกานต์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้คุยอะไรมาก เพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการแล้ว  ที่ขึ้นไปบนรถ ยังไม่ได้มีการสอบถามอะไร นั่งฟังอย่างเดียว ซึ่งพ่อของนายแซนได้ขอโทษอย่างเป็นการกับตนแล้ว  บางช่วงร้องไห้ และมีสีหน้ารู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะทะเลาะกันเพราะวันสองวันก่อนเกิดเหตุ  ยังเห็นนั่งกินข้าวด้วยกัน และยังรักกันดีอยู่


น้าสาวของ น.ส.แจน ยืนยันว่า ส่วนตัวยังไม่ให้อภัย เพราะมันโหดร้ายเกินไป ขณะเดียวกันตอนนี้ทางครอบครัวยังคงติดใจเรื่องทางคดีความ ว่าจะคืบหน้าหรือไม่ จะได้รับความเป็นธรรมถึงที่สุดหรือไม่


ต่อมาเวลา 16.00 น.หลังจากครอบครัวทำเอกสารขอรับร่าง น.ส.แจน เสร็จ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำร่าง น.ส.แจน ใส่ในโลงไม้สีขาว ก่อนที่คุณจั๊ม พี่สาวของ น.ส.แจน ได้จุดธูป 1 ดอก บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเรียกวิญญาณน้องสาวกลับบ้าน โดยช่วงนี้คุณจั๊ม ร้องไห้ บอกว่า “กลับบ้านกันนะ กลับบ้านกับพี่”


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/gQ-e85gZTUQ

คุณอาจสนใจ

Related News