อาชญากรรม
ทยอยเคลื่อน 23 ร่างกลับ จ.อุทัยธานี ด้านผู้ปกครอง รอรับจัดพิธีทางศาสนาพร้อมกัน
โดย olan_l
2 ต.ค. 2567
150 views
หลังเกิดโศกนาฏกรรมจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย วันนี้ช่วงบ่าย ได้ทยอยนำร่างผู้เสียชีวิตกลับบ้านเกิดในจังหวัดอุทัยธานีแล้ว
เมื่อเวลา 15.48 น. ขบวนรถที่นำส่งร่างผู้เสียชีวิตขบวนแรกจำนวน 4 ร่าง ได้เคลื่อนออกจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับบ้านแล้ว โดยมีนักศึกษาจากวิทยาลัยพยาบาลตำรวจ จำนวน 67 คน ยืนไว้อาลัยและร่วมส่งร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
โดยเส้นทางที่ใช้ คือ ขึ้นทางด่วนพระราม 4 ลงถนนดินแดง วิ่งต่อไปบนถนนวิภาวดีตรงไปยังจุดเกิดเหตุ โดยมีรถตำรวจทางหลวงนำขบวนและปิดท้าย
นายปิยะลักษณ์ ถิ่นแก้ว หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า จัดเตรียมรถไว้ 2 ส่วน คือ รถลำเรียงร่างผู้เสียชีวิตจะมีโลงที่บรรจุร่างของทุกคนไว้ 1 คัน ต่อ 1 ร่าง ซึ่งโลงที่ใช้บรรจุร่างผู้เสียชีวิต จะเป็นโลงแบบเดียวกัน และเพื่อความสะดวกในการรับร่างผู้เสียชีวิตเมื่อไปถึงที่จังหวัดอุทัยธานี เจ้าหน้าที่จะเขียนลำดับผู้เสียชีวิตติดฝาโลงไว้ พร้อมทั้งจัดรถตู้พาผู้ปกครองของผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลับไปจังหวัดอุทัยธานี
ส่วนลำดับในการเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่วางแผนลำเลียงศพเป็น 5 รอบ รอบแรก 4 ศพ รอบที่ 2-4 ขบวนละ 5 ศพ และขบวนสุดท้าย 4 ศพ ซึ่งแต่ละขบวนจะมีญาติร่วมนั่งในรถมูลนิธิฯ ซึ่งใน 1 ขบวน จะมี 12 คัน แบ่งเป็น รถร่วมกตัญญู 5 คัน รถพยาบาลที่ญาตินั่ง 5 คัน และ รถตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ปิดหัวและท้ายขบวนรวมทั้งหมด 12 คัน ต่อ 1 ขบวน ยกเว้นขบวนแรกและขบวนสุดท้ายจะมี 11 คัน ซึ่งระหว่างทางไปจุดเกิดเหตุ จะมีตำรวจ คอยอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนาย ภราดร ปริศนานัทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นายไชยชนก ชิดชอบ และนายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.พรรคภูมิใจไทย เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต
โดยนายอนุทิน ได้ชื่นชมสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ที่ชันสูตรศพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้ส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตกับครอบครัวได้หลังเกิดเหตุเพียง 24 ชั่วโมง ส่วนญาติจะมีรถพยาบาลพาไปส่ง โดยมีทีมจิตแพทย์ช่วยผ่อนคลายความเครียดจนถึงปลายทาง ส่วนปลายทางมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี องค์กรที่เกี่ยวข้อง และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.พรรคภูมิใจไทย เตรียมสถานที่และความพร้อมรอรับแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี มีพระมหากรุณาธิคุณที่จะรับร่างทุกร่าง เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ดังนั้นจะมีการพระราชทานเพลิงศพให้กับทุกคน ได้ประสานให้โรงเรียนได้ตั้งทำพิธีสวดศพด้วยกัน เพราะ"เขามาด้วยกัน ก็อยากให้ไปด้วยกัน" และ ทราบเบื้องต้นว่า จะสวดทั้งหมด 5 คืน หลังจากนั้นก็จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันถัดไป
ส่วนการช่วยเหลือต่างๆ นายอนุทิน บอกว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเนื่องจากเป็นเหตุที่ความรุนแรง มีความสูญเสียมาก ก็ขอให้ใช้หลักเกณฑ์เยียวยาสูงสุด ซึ่งฝ่ายปฏิบัติก็จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และพรุ่งนี้ (3ต.ค.67) นายอนุทินจะเดินทางไปร่วมงานศพผู้เสียชีวิตด้วย
ทั้งนี้ตั้งแต่เช้า ผู้ปกครองของนักเรียนและครู โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้เสียชีวิต 23 คน เดินทางมาที่ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนน
โดยมีการประชุมหารือกับ น.ส.ซาบีดา รมช.มหาดไทย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางจังหวัดได้เตรียมจัดรถมินิบัส รถตู้ รวม 7 คัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมเดินทางไปกับผู้ปกครองนักเรียน และครูผู้เสียชีวิต เพื่อไปรับศพลูกหลานที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ กลับมาที่ จ.อุทัยธานี ด้วยตัวเอง ซึ่งคาดว่าจะมาถึงช่วงค่ำวันนี้
นายธีรพัฒน์ เผยว่า ได้ตกลงจะนำร่างผู้เสียชีวิต ทั้ง 23 คน มาประกอบพิธีทางศาสนาภายในหอประชุมที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ซึ่งขณะนี้ได้ทำความสะอาดจัดสถานที่ และนำโลงเย็นมารอเพื่อบรรจุศพในพื้นที่แล้ว โดยร่างผู้เสียชีวิตได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และหลังจากได้ข้อสรุปเรื่องสถานที่แล้ว ตอนนี้มีข้อสรุปเพิ่มเติมว่าจะประกอบพิธี 7 วัน สวดพระอภิธรรม 6 วัน และประกอบพิธีพระราชเพลิงในวันที่ 7 ตุลาคมนี้
บรรยากาศที่โรงเรียนตลอดทั้งวัน เป็นไปด้วยความเศร้าโศก ผู้ปกครองยังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มีทีมแพทย์จากกรมสุขภาพจิต จ.นครสวรรค์ คอยให้คำแนะนำ และดูแลผู้ปกครอง และญาติของผู้เสียชีวิตอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความเศร้า และความเครียดว่าอยู่ในระดับใด ก่อนคัดแยกกลุ่มเสี่ยงไปดูแลอย่างใกล้ชิด
https://youtu.be/Wf63hqgYON8