อาชญากรรม

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ไม่ถือสา “บิ๊กโจ๊ก” ปมพาดพิงตำรวจ ลั่นพร้อมสอบหากหน่วยไซเบอร์รับผลประโยชน์

5 ชั่วโมงที่แล้ว

65 views

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยันไม่ถือสา “บิ๊กโจ๊ก” ปมพาดพิงตำรวจ ลั่นพร้อมสอบหากมีตำรวจไซเบอร์รับผลประโยชน์ - แจง 3 ความสัมพันธ์อดีตรอง ผบ.ตร. ยันตำรวจมีหลักฐานเส้นเงินเอาผิดนักการเมือง

วันนี้ (5 พ.ย.68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พาดพิงถึงบทสัมภาษณ์ของตนในรายการหนึ่ง ว่าอดีตรอง ผบ.ตร.ได้ด้อยค่าตำรวจกว่า 2 แสนนาย ด้วยการระบุว่าแก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดคือตำรวจนี่เอง

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ส่วนตัวไม่มีความเห็นกับการพาดพิงของอดีตรอง ผบ.ตร. เนื่องจากจะเข้าใจอย่างไรเป็นเรื่องการรับฟังของแต่ละคน และไม่เคยได้รับข้อมูลพยานหลักฐานเกี่ยวกับกรณีที่อดีตรอง ผบ.ตร. ที่กล่าวหาว่าตนเคยรับผลประโยชน์ ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่า หากมีผู้ใต้บังคับบัญชารับผลประโยชน์ก็จะมีการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

รองจเรตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่าเป็นความจริงที่ตนเคยเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการตำรวจ PCT 4 และมีการจับกุมเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ ซึ่งนำไปสู่การขยายผลจับกุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่

เมื่อถามว่าการถูกพุ่งเป้ากล่าวหาโดยตรงเชื่อว่าเป็นความแค้นส่วนตัวหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องความแค้นส่วนตัว และระบุถึงความสัมพันธ์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่ามีเพียง 3 ข้อ ดังนี้

1. เป็นพี่น้องร่วมสถาบันโรงเรียนนายร้อยตำรวจ

2. ร่วมทำงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

3. เป็นคณะตำรวจที่ดำเนินการคดีและมีการขยายผลไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการและถูกไล่ออกจากราชการ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เชื่อว่าผู้ที่กล่าวหาได้ยื่นข้อมูลตรวจสอบในหลายหน่วยงานและมีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้มีปัญหาใด แต่ผู้ยื่นข้อมูลอาจได้รับผลที่ไม่ถูกใจ จึงไม่ยอมรับข้อมูล โดยยืนยันว่าทุกหน่วยงานทำงานอย่างมืออาชีพ

“ตำรวจมีทั้งดีและไม่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นมาเสมอ จะมีตำรวจไปจับตำรวจไม่ดีเมื่อมีการร้องเรียน” พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าว พร้อมย้ำว่าการดำเนินคดีใดๆ ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ไม่ได้มี 2 มาตรฐาน เป็นเพียงความคิดเห็นที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล

สำหรับกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่าพนักงานสอบสวนชุดทำคดีของนักการเมืองคนหนึ่งในพื้นที่ จ.สงขลา พัวพันกับการพนันออนไลน์ และไม่นำหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเงินเข้าสู่สำนวนจนทำให้นักการเมืองรอดคดี

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่า ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมไม่ได้มีการกลับคำให้การ และสำนักงานจเรตำรวจได้ตั้งคณะกรรมการและเรียกสอบถามข้อเท็จจริงจนสิ้นสุดแล้ว ไม่มีกรณีที่ตำรวจช่วยให้ผู้ต้องหาพ้นจากการกระทำความผิดแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่หลักฐานของนายอัจฉริยะไม่ถูกนำไปประกอบสำนวนส่งให้กับอัยการจนเป็นเหตุให้สั่งไม่ฟ้องนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้ง หากพบพนักงานสอบสวนหรือตำรวจบกพร่อง หรือไม่นำหลักฐานเข้าสู่สำนวน ก็จะต้องถูกเอาผิดทั้งอาญาและวินัย

ปัจจุบันคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองคนดังกล่าว โดยศูนย์ PCT 4 ได้ดำเนินคดีไปแล้ว 3 คดี ในพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรง(สภ.)เมืองสงขลา 2 คดี (จัดให้มีการเล่นการพนันและร่วมกันฟอกเงิน) และ สภ.หาดใหญ่ 1 คดี (ร่วมกันเล่นการพนัน) ซึ่งคดีร่วมกันเล่นการพนันถือว่าสิ้นสุดแล้ว จึงเหลืออีก 2 คดีที่อัยการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังมีคดีเว็บการพนันออนไลน์ที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับนักการเมืองคนดังกล่าวในพื้นที่ สน.เพชรเกษม อีก 1 คดี อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน


คุณอาจสนใจ

Related News