เปิดใจ “เจ๊สาว” ร่ำไห้ขอความเป็นธรรม ยันไม่เกี่ยวข้องแก๊งลอบขนแรงงานเถื่อนข้ามแดน

เปิดใจ “เจ๊สาว” ร่ำไห้ขอความเป็นธรรม ลั่นถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาเป็นแก๊งลอบขนแรงงานเถื่อน ไม่รู้ไม่เห็นมีคนข้ามแดน ชี้รถในคลิปเป็นกลุ่มคนมาเยี่ยมทำกับข้าวไปใส่บาตร เตรียมฟ้องกลับให้หมดคนที่ใส่ร้าย

วันนี้ (9 ต.ค.) กองกำลังบูรพา โดยชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัยบริเวณบ้านของ “เจ๊สาว” ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังมีหลักฐานเป็นภาพโดรนมุมสูง ที่บันทึกภาพลักษณะคล้ายการนำคนลักลอบข้ามแดน

ภาพมุมสูงที่กองกำลังบูรพาบันทึก ภาพของการลักลอบข้ามแดนจากฝั่งกัมพูชาข้ามคลองลึก ซึ่งมีคนขึ้นมาจนเต็มลำ พร้อมกับสัมภาระขึ้นเรือท้องแบน พายข้ามแนวคลองมายังฝั่งไทย

ก่อนที่จะมาขึ้นท่า บริเวณบ้านที่มีหลังคาสีชมพู ก่อนจะเดินลงจากเรือมาขึ้นที่ท่าเรือ และเดินผ่านบ้านที่มีหลังคาสีชมพู ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับบ้านของเจ๊สาว

จากนั้นก็ไปที่รถกระบะสีดำ ลักษณะคล้ายกับนำสัมภาระขึ้นไปไว้ที่ท้ายรถกระบะ ส่วนตัวคนก็ได้เดินเข้าไปภายในบ้านหลังคาสังกะสี บางส่วนก็เดินลงจากรถสีดำ

นอกจากนี้ยังมีภาพมุมสูงจากโดรน บันทึกภาพของรถเก๋งคันหนึ่งที่ขับเข้ามาที่บริเวณหลังคาสีชมพู ก่อนที่จะมีคนที่หอบหิ้วสัมภาระเดินลงจากรถ แล้วเข้าไปในตัวบ้านที่เป็นหลังคาสังกะสี

นอกจากนี้ยังมีรถกระบะสีขาวและรถเก๋งอีกหนึ่งคันที่ขับเข้าไปจอดใต้หลังคาสีชมพูที่อยู่ติดกับริมคลอง

ล่าสุดช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นไปค้นบ้านเจ๊สาว อายุ 68 ปี และสามี อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ตอนแรกทั้งคู่ยังไม่ถึงบ้าน จากนั้นอีกประมาณ 30 นาที ทั้งคู่ก็ขับรถกระบะเข้ามาถึงบ้าน ก่อนที่ตำรวจ สภ.คลองลึก จะอ่านหมายค้นศาลจังหวัดสระแก้ว เพื่อขอเข้าเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งตำรวจได้ให้สามีของเจ๊สาว เป็นผู้พาเข้าค้นโดยรอบบ้าน เพราะเจ๊สาวป่วย ต้องใช้ไม้เท้า เนื่องจากเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ

โดยลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว ข้างๆ กำลังต่อเติมทำรั้วมีหลังคาสีชมพู ซึ่งติดกับริมคลองลึก และมีโรงเก็บของอยู่ข้างบ้าน

สามีเจ๊สาวนำตรวจค้น ตั้งแต่บริเวณห้องนอน โรงเก็บของ รวมถึงบริเวณรอบรอบๆ บ้าน และตรวจค้นโทรศัพท์มือถือของสามีเจ๊สาว

เบื้องต้นในโทรศัพท์ ไม่พบข้อมูลใดๆ มีเพียงประวัติโทรศัพท์หาภรรยาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมเท่านั้น ซึ่งสามีเจ๊สาว อ้างว่า เพราะเพิ่งซื้อมาใหม่ได้เพียง 1 ปี และก่อนหน้านี้ตำรวจเคยยึดโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบข้อมูลนานแล้ว แต่ยังไม่ได้คืน

และระหว่างตรวจค้น ก็พบเรือจำนวน 2 ลำ ซึ่งสามีเจ๊สาว ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการพาคนข้ามแดน อ้างว่า 1 ลำเป็นของตัวเองที่เก็บไว้ใช้ช่วงน้ำท่วม ส่วนอีกลำเป็นของน้องสาวที่มาฝากไว้

ขณะที่ “เจ๊สาว” ยืนยันทั้งน้ำตาว่า ไม่เกี่ยวข้อง ไม่เคยเห็นคนลักลอบข้ามแดนบริเวณบ้านของตัวเอง เพราะตัวเองก็ป่วย ไปไหนไม่ได้ จึงไม่เห็น อยู่แต่ในบ้าน แม้จะมีภาพออกมายืนยัน แต่ก็ไม่รู้เรื่องจริงๆ และแถวนี้ก็มีทหารตรวจอยู่ตลอด

ส่วนตัวเชื่อว่ามีคนกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ย้ำว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด วันนี้ตำรวจและนักข่าวมากันเยอะจนตกใจ ถ้าทำผิดจริง ก็จะยอมรับ และคนมันจะลักลอบข้าม มันข้ามได้ทุกที่ ไม่ใช่แค่บ้านตน ตนก็พิการอยู่ จะไปไหนได้ เลี้ยงแต่หมูอยู่ในคอก

ต่อมาทีมข่าวได้เอาภาพหลักฐานที่ตำรวจถ่ายส่งให้นักข่าว ที่เป็นภาพมุมสูงมาให้ดู ปรากฎว่า เจ๊สาว ชี้แจงว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เห็น เพราะอยู่ในบ้าน

ส่วนรถที่เห็นเข้ามา มีคนจากด้านนอกมาเยี่ยม ทีมข่าวเลยถามว่ามาเยี่ยมใคร เพราะที่เห็นในคลิปเหมือนเขามาขนคน เจ๊สาว ก็ยังย้ำว่าเขามาเยี่ยมตนเอง พอถามว่า เป็นรถใคร ก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน ทีมข่าวเลยจี้ถามต่อไปอีผว่า ไหนบอกว่ามาเยี่ยม ก่อนที่เจ๊สาว จะตอบว่า รถด้านนอกเขามาเยี่ยม แต่ไม่รู้จักชื่อ แต่ทุกคนมาทำกับข้าวไปใส่บาตรกัน

จากนั้นทีมข่าวก็ให้ดูภาพนั่งเรือ เจ้าตัวก็ตอบคำถามเลิ่กลั่ก ย้ำว่าไม่เห็น แม้จะมีคนเยอะมากก็ตาม พร้อมขอความเป็นธรรม อย่ามาใส่ร้าย ถ้าไม่ถูกต้อง จะฟ้องกลับแน่

ส่วนการดำเนินคดีตามกฎหมาย ตำรวจบอกว่าเนื่องจากไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า และไม่สามารถระบุตัวคนที่ลักลอบข้ามแดนได้ว่าเป็นคนไทย หรือต่างชาติ ก็จะยังไม่สามารถดำเนินคดีได้ แต่หากพบว่ามีการนำพาคนลักลอบข้ามแดน จะถือเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งจะมีโทษปรับ 800 บาท เท่านั้น