อาชญากรรม

ผลตรวจ DNA 'อดีต ผกก.โจ้' ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย 'อธิบดีราชทัณฑ์' แจงสอบปมโวยวาย หลังคุยกับญาติ

14 มี.ค. 2568

523 views

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุ อยู่ระหว่างตรวจสอบปมอดีตผู้กำกับโจ้โวยวาย หลังพูดคุยกับญาติ เผยมีข้อมูลแฟนสาวร้องไห้ แต่ต้องตรวจสอบว่าจริงหรือเท็จ ยืนยัน ผลการสอบข้อเท็จจริงภายใน ไม่พบการทำร้ายร่างกาย แต่ไม่อยากพูดกล่าวร้าย ขอให้รอผลการสอบทั้งหมด

กรณีการเสียชีวิตของ พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ล่าสุดมีรายงานผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว หลักฐานสำคัญ คือ ผ้าขนหนู ที่อดีตผู้กำกับโจ้ใช้ผูกคอตนเอง และมีร่องรอยการตัด จากการตรวจดีเอ็นเอ ไม่พบความผิดปกติ และไม่พบดีเอ็นเอของบุคคลอื่นที่ผิวสัมผัสกับผ้าขนหนู โดยผ้าขนหนูผืนนี้ เป็นของใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่ใช้ตั้งแต่อยู่แดน 7 และเชื่อว่านำมาใช้ต่อเนื่อง หลังถูกย้ายมาอยู่แดน 5

ส่วนร่องรอยหยดเลือดที่ปรากฎบนพื้นของห้องขัง เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เกิดขึ้นในระหว่างการชันสูตรพลิกศพ หลังจากร่างของอดีตผู้กำกับโจ้มีการเปลี่ยนสภาพแล้ว จนเกิดบาดแผลคล้ายรอยสัตว์กัด และมีเลือด แต่ยืนยันได้ว่า เลือดดังกล่าว เป็นเลือดของอดีตผู้กำกับโจ้

สำหรับผลการตรวจพิสูจน์นี้ กองพิสูจน์หลักฐาน จะส่งไปให้พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อนำไปประกอบสำนวนการชันสูตรคดีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีทำร้ายร่างกาย

นอกจากนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เตรียมนำหุ่นจำลอง ที่มีขนาด ความสูง และน้ำหนักเท่ากับอดีตผู้กำกับโจ้ เข้าไปจำลองสถานการณ์ในห้องขังที่เกิดเหตุว่า การเสียชีวิตด้วยการผูกคอตนเองกับประตูเรือนจำ มีลักษณะอย่างไร เป็นไปได้มากน้อยเพียงใดด้วย

ขณะที่ วานนี้ (13 มี.ค.68) นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ และการร้องเรียนเรื่องถูกทำร้ายร่างกายจากผู้คุมว่า ได้เริ่มกระบวนการสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มีนาคมแล้ว หลังตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีกรรมการ 2 ชุด ตรวจสอบเรื่องที่ครอบครัวร้องเรียน ที่กรมได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 3 มีนาคม และการตรวจสอบการเสียชีวิต ซึ่งมีหน่วยงานภายนอก 3 หน่วย คือ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจสอบด้วย

ส่วนไทม์ไลน์ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดว่าอดีตผู้กำกับโจ้ทำอะไรบ้าง แต่เท่าที่ทราบมา พบว่า อดีตผู้กำกับโจ้อยู่แดน 5 ในห้องควบคุมคนเดียว เช้ามาก็ทำกิจกรรมปกติ และช่วงบ่ายมีการพบญาติเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร แล้วกลับเข้าเรือนนอน

ส่วนกรณีที่มีประเด็นว่า การพูดคุยกับญาติ อดีตผู้กำกับโจ้มีท่าทีโวยวายหรือไม่นั้น นายสหการณ์ ระบุว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะได้รับข้อมูลว่ามีสถานการณ์บางอย่าง เช่น แฟนของอดีตผู้กำกับโจ้ มีลักษณะร้องไห้ แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าจริงเท็จอย่างไร เพราะทางราชทัณฑ์มีไฟล์บันทึกเสียงสนทนาที่เป็นความลับ ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ ให้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวนต่อไป

ส่วนการสอบผู้คุมคู่กรณีของอดีตผู้กำกับโจ้ ขณะนี้ อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ แต่ตนยังไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะจะเหมือนเป็นการกล่าวร้ายอดีตผู้กำกับโจ้ แต่ยืนยันได้ว่า ทุกอย่างมีข้อมูลหมด

และยืนยันว่า “ไม่มีการทำร้ายร่างกาย” เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้แน่นอน ซึ่งผลตรวจจากแพทย์นั้น ห้วงเวลาที่อดีตผู้กำกับโจ้ไปตรวจ เป็นคนละช่วงกับที่อยู่ในแดนที่ผู้คุมสิทธิพรอยู่ เชื่อว่า เดี๋ยวความจริงจะปรากฏ

ส่วนมีการใช้คำพูดอะไรที่ทำให้เกิดความกดดันหรือไม่นั้น นายสหการณ์ ระบุว่า ในแดน 7 เป็นการคุมขังนักโทษที่มีโทษจำคุก 50 ปีขึ้นไป และในเรือนจำกลางคลองเปรมก็เป็นนักโทษที่มีอัตราโทษสูง ดังนั้น กติกา ระเบียบต้องเข้มงวด ผู้ต้องขังไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ เพราะที่นี่ต้องสร้างคน ฝึกวินัย และเราก็ทราบว่า อดีตผู้กำกับโจ้เข้ามาจากเหตุอะไร จึงต้องมีกติกาที่เข้มงวด เพราะคนรอบๆ อาจจะหวั่นกลัว และยืนยันว่า กติกาดังกล่าว ไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิ “ถ้าพวกเราได้ไปอยู่สักพักจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร” และจากข้อมูลการสอบสวน ได้รับรายงานเรื่องความกระด้างกระเดื่องของอดีตผู้กำกับโจ้ด้วย

ส่วนเอกสารการย้ายอดีตผู้กำกับโจ้จากแดน 7 มาแดน 5 ยืนยันว่ามีการลงลายมือชื่ออดีตผู้กำกับโจ้ ชัดเจน มีหลักฐานทั้งหมด แต่นำมาเปิดเผยไม่ได้ ส่วนการสอบเรื่องการยุติที่อดีตผู้กำกับโจ้ ลงชื่อให้ยุติการสอบสวนตามหนังสือร้องเรียนนั้น ยืนยันว่า มีการตรวจสอบของราชทัณฑ์ทั้งหมดเช่นกัน และมีเอกสารทั้งหมด

กรณีการย้ายผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมนั้น ก็เพื่อให้เห็นว่าเป็นการทำงานด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และให้สังคมเห็นว่าไม่ได้มีการปกปิด แต่เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเกิดความเชื่อมั่น ไม่ได้ปกปิด ไม่ได้สร้างหลักฐานเท็จ

นายสหการณ์ ยังได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ให้ความเป็นส่วนตัวกับครอบครัวของผู้คุมคู่กรณีอดีตผู้กำกับโจ้ด้วย อย่าละเมิดสิทธิครอบครัว โดยการไปที่บ้านพัก เพราะเขาอยู่ไม่เป็นสุข ครอบครัวต้องย้ายที่อยู่และลูกเขาป่วยเป็นซึมเศร้า อยากจะให้แยกกันระหว่างครอบครัวกับที่ทำงาน

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันด้วยว่า ห้องขังที่พานักข่าวไปดูในแดน 5 ห้องหมายเลข 50 ที่อดีตผู้กำกับโจ้อยู่ ไม่ใช่ห้องขังวีไอพีตามที่เป็นประเด็นดราม่าที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่เป็นห้องปกติอยู่ได้สูงสุด 5 คน ซึ่งราชทัณฑ์ก็พยายามยืดหยุ่น ถ้าผิดวินัยก็มาแยกขัง แต่อดีตผู้กำกับโจ้ยังไม่ได้มีการสอบสวน แค่แยกแดนออกมาจากแดน 7 พอมาอยู่แดน 5 แต่เขามีความกังวลหลายเรื่องในเรือนจำ และอยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง เราก็อนุญาตให้เขาอยู่คนเดียว

สำหรับประเด็นที่มีการมองว่า เหตุใดกรมราชทัณฑ์จึงมีการเคลื่อนย้ายศพเองได้ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพจะเข้าไป ขอชี้แจงว่า ตามสัญชาตญาณ เมื่อเราเห็นผู้ต้องขังมีลักษณะคล้ายกับกำลังทำร้ายตัวเอง ไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือยัง ผู้คุมถูกฝึกมาว่าจะต้องให้ความช่วยเหลือทันทีจนถึงที่สุด



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/1mQhp8PtXb8

คุณอาจสนใจ

Related News