อาชญากรรม

เร่งคลี่คดี 3 พ่อแม่ลูกหายตัวนานนับเดือน พบเป็นศพถูกฆ่าหมกรถ ทิ้งบ้านร้างริมถนน ตร.ตั้ง 3 ปมสังหาร

โดย petchpawee_k

14 ก.พ. 2568

407 views

พบศพ 3 พ่อแม่ลูกถูกฆ่าอำพรางยัดศพใส่รถกระบะ ทิ้งไว้ที่บ้านร้างริมถนน ชาวบ้านได้ยินเสียงทะเลาะก่อนเสียงปืนดัง เรียกน้องชายผู้ตายสอบ เร่งคลี่คดี

เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.68)  เวลา 11.00 น. ตำรวจ สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร  ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถกระบะถูกคลุมผ้าขาว และมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา จอดอยู่ภายในบ้านร้างริมถนนพหลโยธิน พื้นที่หมู่ 10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร

จุดที่พบรถ เป็นบ้านร้างห่างจากถนนประมาณ 25 เมตร  มีบ้าน 2 หลัง เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงและบ้านปูนชั้นเดียว  บริเวณหน้าบ้านชั้นเดียว พบรถกระบะ อีซูซุดีแมกซ์ 4 ประตู  สีขาว ทะเบียนกำแพงเพชร จอดอยู่ มีผ้าใบสีขาวคลุมรถทั้งคัน มีแมลงวันตอมหึ่งและมีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง        

เจ้าหน้าที่นำผ้าคลุมออก และตรวจสอบภายในรถ พบว่า ที่นั่งข้างคนขับ มีศพผู้หญิงนั่งกอดศพเด็กชาย  ที่เบาะหลัง พบศพชายนอนเหยียดยาว คาดว่าเป็นพ่อแม่ลูกกัน ทั้ง 3 ศพ มีสภาพเน่าเปื่อยและเริ่มแห้ง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จึงเคลื่อนย้ายทั้ง 3 ศพ ออกมา โดยนำศพลูกชายออกมาก่อน ตามมาด้วยศพแม่ และศพพ่อ เพื่อเก็บหลักฐานและตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต  ซึ่งเจ้าหน้าที่ พบว่า บริเวณกระจกหน้าฝั่งซ้าย มีกระสุนปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่ 1 นัด จึงเก็บไว้ตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ตายทั้ง 3 ราย คือ นายวงศกร  อายุ 37 ปี , น.ส.นันทกานต์ อายุ 35 ปี  และ ด.ช.นัทกร อายุ 7 ปี ทั้ง 3 คนได้หายตัวไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา  ญาติไม่สามารถติดต่อได้ จึงประกาศตามหาทางโซเชียลมาตลอด  พร้อมแจ้งคนสูญหายไว้ที่ สภ.คลองขลุง

โดย เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ สุพัฒน์ สุบิน  โพสต์ภาพรถกระบะ อีซูซุดีแมกซ์ 4 ประตู  สีขาว  พร้อมกับภาพครอบครัวพ่อแม่ลูก โดยผู้โพสต์ ระบุข้อความว่า  “ใครติดต่อไอ้ใหม่และครอบครัวมันได้มั่งคับ ออกจากบ้านไปวันเสาร์  ขับรถดีแม็ก 4 ประตูสีขาว รูปนี้วันที่ไปวันเสาร์ ไม่รู้จะกลับบ้านเมียที่พบพระรึเปล่า ใครรู้ติดต่อผมหน่อยครับ ผมเป็นพี่มัน 082-xxxxxxx พัฒน์”

โดยภาพพ่อแม่ลูก ที่ญาตินำมาโพสต์นั้น แคปมาจากเฟซบุ๊กของนายวงศกร ผู้เป็นพ่อ  ซึ่งมีชาวเน็ตที่อยู่ในพื้นที่และรู้จักกับนายวงศกร  เข้ามาคอมเมนต์ให้ข้อมูล ว่าไม่มีใครพบเห็นนายใหม่กับครอบครัวเลย  

เช่น ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Gan Kanyarat ที่บอกว่า “บ้านที่พบพระไม่ได้กลับค่ะ..ไปดูบ้านพี่เขามา”  หรือผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ออน ออน ที่บอกว่า “ไม่ได้กลับมาที่พบพระนะคะพอดีอยู่ใกล้บ้านไม่เห็นเลย”

และยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ใบ' มิ้นท์  ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของลูกชายนายวงศกร โพสต์ให้ข้อมูลว่า “หนูเป็นครูประจำชั้นเองค่ะ ปกติแม่น้องถ้าไปไหนจะไลน์มาลาทุกครั้งค่ะ วันจันทร์ครูไลน์ไปจนถึงวันพุธ ก็ไม่มีการอ่านการตอบ โทรก็ปิดเครื่องค่ะ บ้านอยู่ใกล้กับน้องด้วยค่ะ เพิ่งจะรู้ข่าวว่าหายก็วันพุธละค่ะ เพราะปกติแล้วถ้าน้องไม่มา รร.แม่แจนจะไลน์หาครู”

คุณครูยังโพสต์ข้อความแชตไลน์ที่คุยกับ “แม่แจน” ภรรยาของนายวงศกร และเป็นแม่ของน้องซันเดย์  โดยพบว่า ครูส่งข้อความไปหาคุณแม่ในวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. และอีกครั้ง คือ วันพุธที่ 15 ม.ค. เพื่อสอบถามว่า น้องซันเดย์ไม่มาโรงเรียนหลายวันแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า แต่ไม่มีการเปิดอ่านข้อความจากฝั่งแม่แจน

นายสุพัฒน์  อายุ 42 ปี ลูกพี่ลูกน้องของนายวงศกร ที่เดินทางมาดูจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า  สองสามีภรรยา ประกอบธุรกิจส่วนตัวขายเสื้อผ้า ให้เช่าเครื่องเสียง-เครื่องไฟตามงาน ปล่อยเงินกู้นอกระบบ  และตั้งวงแชร์กับผู้อื่นด้วย   หลังจากน้องชายหายตัวไปพร้อมภรรยาและลูกชาย ตนก็ประกาศตามหาในช่องทางต่างๆ และแจ้งความกับตำรวจ รวมทั้งเปิดกล้องวงจรปิดไล่หาเบาะแส พบว่า ครอบครัวของน้องชาย หายไปตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.

โดยกล้องวงจรปิดหน้าบ้านผู้ตาย ใน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร บันทึกภาพวันที่ 12 ม.ค. เวลา 18.36 น.  3 คนพ่อแม่ลูกกำลังเตรียมตัวจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง พ่อเป็นคนขับ แม่นั่งเบาะข้างคนขับ ส่วนลูกชายสวมชุดไดโนเสาร์ ปีนขึ้นไปนั่งท้ายกระบะ ท่าทางน้องดีใจคล้ายกับจะได้ออกไปเที่ยว น้องกระโดดโลดเต้น และตอนที่รถกระบะถอยออกจากบ้าน น้องซันเดย์หันมาโบกมือให้กับกล้องวงจรปิดด้วย

นายสุบิน ยังบอกด้วยว่า มีเพื่อนบางคนของนายวงศกร เห็นว่า เฟซบุ๊กของนายวงศกร มีการออนไลน์หลังจากหายตัวไป บางคนลองโทรผ่านเฟซบุ๊กเข้าไป พบว่าโทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย ส่วนตนลองโทรหาน้องชายหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้  จนกระทั่งมีชาวบ้านมาพบรถจอดไว้และโทรแจ้ง ตนจึงรีบมาดู

ผู้ที่พบศพเป็นคนแรก คือ นายโอภาส   อายุ 29 ปี บอกว่ามาหาหนูบริเวณนี้ แล้วได้กลิ่นเหม็นเน่า เมื่อเดินตามกลิ่นมา พบรถกระบะถูกจอดทิ้งไว้ และมีผ้าคลุม ตนจึงลองแง้มดูป้ายทะเบียนรถ และจำได้ว่า เป็นรถคันเดียวกับที่มีคนประกาศตามหาคนหายไว้ ตนจึงกลับบ้านและรีบโทรบอกญาติผู้สูญหาย ให้มาดูรถคันดังกล่าว ซึ่งญาติมาดูและยืนยันว่าเป็นคนและรถที่หายไปจริง จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

ส่วนบ้านร้างหลังนี้ เป็นของนางสำเนา  อายุ 59 ปี บอกว่า เป็นบ้านของลูกชายที่ไม่มีคนอยู่มาเป็นสิบปีแล้ว เพราะน้ำท่วมเป็นประจำ ลูกชายจึงย้ายไปอยู่ที่อื่น ช่วงหลังปีใหม่ ตนยังเข้ามาดูความเรียบร้อยที่บ้านหลังนี้ แต่ไม่พบรถกระบะคันดังกล่าว แต่หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้เข้ามาที่บ้านอีกเลย จนกระทั่งตำรวจโทรไปแจ้งว่า พบศพในรถกระบะมาจอดอยู่หน้าบ้าน

ต่อมา เวลา 17.00 น. พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีที่ สภ.คลองขลุง  หลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง  เจ้าหน้าที่ก็นำกำลังไปที่ทุ่งนา ในพื้นที่หมู่ 8  บ้านร้อยไร่  ต.คลองขลุง  อ.คลองขลุง  จ.กำแพงเพชร  ซึ่งห่างจากจุดที่พบรถกระบะ ประมาณ 11 กิโลเมตร  เป็นจุดที่ชาวบ้าน บอกว่า ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดัง จากนั้นได้ยินเสียงปืน ในช่วงเวลาประมาณ  2-3 ทุ่มของวันที่ 12 ม.ค. วันเดียวกันกับที่ทั้ง 3 คนหายไป แต่ชาวบ้านไม่กล้าออกมาดู  เพราะกลัวอันตราย พอรุ่งเช้าจึงออกมาดู พบว่ามีรอยเลือดและมีกระสุนปืนตกอยู่ในจุดดังกล่าว จึงแจ้งผู้นำท้องถิ่นและแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามเส้นทางดินลูกรังและถนนราดยางในหมู่บ้าน ซึ่งพบว่าสามารถออกไปยังถนนใหญ่ได้ และยังสามารถเชื่อมไปถึงจุดที่พบศพในรถกระบะได้ด้วย คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะใช้เส้นทางนี้ นำศพไปทิ้งอำพรางไว้ที่หน้าบ้านร้าง

ขณะที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้เคลื่อนย้ายรถกระบะไปไว้ที่ สภ.คลองขลุง เพื่อตรวจสอบภายในรถ พบกระเป๋าของ น.ส.นันทกานต์ ผู้ตาย แต่ภายในกระเป๋าไม่พบทรัพย์สินใดๆ ทั้งที่ครอบครัวนี้ จะใส่สร้อยทองหนักหลายบาทติดตัว

พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า  จากการตรวจสอบสภาพศพของเด็กชายวัย 7 ขวบที่แม่กอดอยู่  พบว่า ถูกตีด้วยของแข็งที่ท้ายทอยด้านหลังจนกะโหลกยุบ ไม่พบรอยกระสุน ศพผู้เป็นแม่ ถูกยิงเข้าที่หลังหูซ้ายทะลุขมับขวา ส่วนศพผู้เป็นพ่อ กะโหลกศีรษะแตกที่ด้านขวา แต่ยังไม่พบรอยกระสุน อีกทั้งสภาพศพเน่าเปื่อยมาก จึงต้องส่งชันสูตรอย่างละเอียด   ส่วนการตรวจสอบรถกระบะ พบว่า กระจกประตูหน้าฝั่งซ้าย มีรอยกระสุนถูกยิงมาจากด้านนอก เข้าไปในตัวรถ ในลักษณะเฉียงกดต่ำ และพบกระสุนปืน 1 นัดในรถ

เบื้องต้น ตำรวจตั้งปมสังหารไว้ 3 ประเด็น คือ เรื่องของการปล่อยเงินกู้ , ยาเสพติดและชู้สาว โดยคาดว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง เพราะหลังจากญาติแจ้งความคนหาย เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ตำรวจได้ติดตามสืบสวนหาครอบครัวนี้มาตลอด และขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังประสานบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย เพื่อตรวจสอบข้อมูลการโทรเข้าออก

เวลา 18.00 น. ตำรวจเชิญตัวนายศิริชัย  หรือ บอล อายุ 22 ปี น้องชาย ของ น.ส.นันทกานต์  หนึ่งในผู้เสียชีวิต  มาสอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมในหลายประเด็น โดยก่อนให้ปากคำ นายบอล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนที่พี่สาวกับครอบครัวจะหายตัวไป มีข้อความส่งมาทางโทรศัพท์ 2 ข้อความสั้นๆ บอกในทำนองว่า “เดี๋ยวกลับมานะ เดี๋ยวกลับมาเอาโทรศัพท์”  อีกข้อความ ระบุว่า “มารอ” แต่เบอร์ที่ส่งข้อความมา ไม่ใช่เบอร์ของพี่สาว และที่บอกว่า มารอ ตนก็ไม่รู้ว่ารออะไร  ซึ่งตนจำข้อความทั้งหมดไม่ได้ เพราะข้อความถูกลบไปแล้ว  แต่ตนโทรกลับไปหาพี่สาว ก็โทรไม่ติด และลักษณะการพิมพ์ข้อความ ก็ไม่น่าใช่พี่สาว เพราะปกติ พี่สาวจะเรียกน้องซันเดย์ ว่า “น้อง” แต่ในข้อความที่พิมพ์มา กลับใช้คำว่า “ไอ้อ้วน” และเรียกพี่เขยว่า “มัน” ทั้งที่พี่สาวไม่เคยเรียกสามีว่า “มัน” มาก่อน  จึงคิดว่าอาจจะเป็นข้อความลวงจากคนร้าย ปลอมเป็นพี่สาวตน

ส่วนเรื่องพี่สาวปล่อยเงินกู้แล้วมีปัญหากับลูกหนี้หรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะพี่สาวไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่ทราบว่า ช่วงหนึ่ง พี่สาวโพสต์เกี่ยวกับปัญหากับคนๆ หนึ่ง แต่ตนก็ไม่ได้ถามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่สาว  ส่วนเรื่องประเด็นชู้สาวหรือยาเสพติด ตนก็ไม่แน่ใจ เพราะตนไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของครอบครัวพี่สาว แต่เบื้องต้น ตนไม่เห็นว่า พี่สาวหรือพี่เขยจะมีปัญหาชู้สาวกับใคร และหลังจากที่ครอบครัวพี่สาวหายตัวไป ก็ไม่มีคนแปลกหน้าเข้ามาหา มีแต่คนแถวบ้านที่รู้จักกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวงศกร ผู้ตาย นอกจากปล่อยเงินกู้นอกระบบแล้ว ยังมีการตั้งวงแชร์ และเคยมีหญิงคนหนึ่งโพสต์ทวงหนี้กว่า 150,000 บาท กับนายวงศกรด้วย ซึ่งเจ้าหนี้รายนี้ ไปแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งหาเบาะแสคลี่คลายคดีต่อไป

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Jrguxl9S3xs

คุณอาจสนใจ

Related News