อาชญากรรม
สภาผู้บริโภค นำผู้เสียหายร้องเอาผิด "OPPO-realme" ติดตั้งแอปฯเงินกู้เถื่อน
โดย nutda_t
21 ม.ค. 2568
108 views
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ม.ค. ที่สนามหญ้าหน้าศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค, นายพรวุฒิ พิพัฒนเดชศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาผู้บริโภค และ นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความ พร้อมผู้เสียหายกว่า 10 คน เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับ 2 ค่ายมือถือดัง OPPO และ realme กรณีพบแอปฯกู้เงินเถื่อนฝังในโทรศัพท์ โดยมี พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เป็นผู้รับหนังสือ
นายภัทรกร เปิดเผยว่า วันนี้นำผู้เสียหายจากกรณีของค่ายมือถือ OPPO และ realme มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ในส่วนของกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่ติดตั้งแอปฯ ปลอมสินเชื่อที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนที่สภาผู้บริโภคประมาณ 192 ราย แบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือความผิดต่อข้อมูลส่วนบุคคล และเรื่องของการทวงถามหนี้ที่ผิดกฎหมายที่มีการกู้ยืมเงิน โดยมีผู้เสียหายที่ทำการกู้ยืมเงินไปแล้วความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท
และจากการที่ผู้เสียหายกู้ยืมเงินไปแล้ว มีการเปิดเผยว่ามีการชำระเงินผ่านบัญชีม้า และมีบัญชีม้าที่เป็นลักษณะนิติบุคคล และบริษัททวงถามหนี้ที่เป็นลักษณะนิติบุคคลไทย โดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงไปต่างประเทศ ซึ่งเราได้ข้อเท็จจริงว่าชื่อบริษัทที่รับชำระหนี้ให้เงินกู้ต่างๆนั้น ชื่อบริษัทแสนเปย์เป็นของคนไทย
นายจิณณะ กล่าวว่า ในส่วนของการที่มาแจ้งความนั้น ต้องการให้ดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางแพ่ง ซึ่งสภาผู้บริโภคมีเจตนาที่จะคุ้มครองสิทธิ และหาหนทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายรายบุคคล โดยทางเรามีการวางแผนที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งตอนนี้อาจจะยังไม่เปิดเผยชื่อ แต่มีปรากฏในสื่อบ้างแล้วว่ามีใครบ้าง และหากไปดูจริงๆ เจ้าของเครื่องหมายการค้าของแอป จะทราบว่าเป็นบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ แต่ก็มีการใช้ตัวแทนที่เป็นคนไทยในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และก็มีการจดทะเบียนเป็นเจ้าของแอป ซึ่งบุคคลดังกล่าวก็ต้องฟ้องดำเนินการด้วยเช่นกัน เนื่องจากแอปนี้มาจากการดำเนินการที่ทางค่ายมือถือกล่าวอ้างว่าติดตั้งมาจากโรงงาน แต่อีกนัยยะหนึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเมื่อมีการอัปเดตซอฟต์แวร์ ก็จะมีการเด้งแอปที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ขึ้นมาด้วย โดยในส่วนนี้ทางค่ายมือถือยังไม่ชี้แจง โดยผู้เสียหายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินคดีแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายให้กับทุกคน โดยจะมีการดำเนินคดีแบบกลุ่มเพื่อที่จะดำเนินคดีครั้งเดียว ซึ่งสิ่งที่ค่ายมือถือแถลงมายังไม่เห็นภาพชัดเจนว่าจะเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร และไม่แน่ใจว่าข้อมูลต่างๆนั้นหลุดไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วหรือยัง
“สิ่งที่เราต้องการอีกอย่างหนึ่ง คืออยากให้ OPPO ต้องมาเปิดเผยว่าใครคือเจ้าของแอปเงินกู้ การที่ OPPO ช่วยเหลือในการปิดบัง หรือไม่ให้ข้อมูลใดๆเลยเกี่ยวกับเจ้าของแอปเงินกู้ จะเข้าข่ายตัวการร่วมหรือเป็นผู้สนับสนุน เพราะตนเชื่อว่าการที่แอปเงินกู้ หรือแอปที่ผิดกฎหมายเข้ามาอยู่ใน FinEasy จะต้องมีการตอบแทนกันแน่นอน เพราะคงไม่มีใครให้มาลงแอปฟรีๆ การได้ค่าตอบแทนเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือให้แอปนี้แสวงหารายได้โดยมิชอบ OPPO ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าใครคือเจ้าของแอป ต้องให้ข้อมูลนี้ ถ้าไม่ให้เราสันนิษฐานไว้ก่อนว่าคือตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการทำความผิด“ นายจิณณะ กล่าว
นายพรวุฒิ ระบุว่า ในส่วนนโยบาย มองว่าปัญหาเงินกู้ค่อนข้างที่จะเป็นปลายเหตุแล้ว เพราะมีการติดตั้งแอปเงินกู้และมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่ผิดกฎหมาย ซึ่งต้นเหตุคือแพลตฟอร์มที่ติดตั้งแอป อาทิ แอปสโตร์ และเพลย์สโตร์ โดยมีการติดตั้งแอปมาก่อนหน้านี้ ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลในเครื่อง นอกจากนี้การติดตั้งแอปพลิเคชันมาตั้งแต่ที่โรงงาน ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภคอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหักพื้นที่ความจุที่ติดตั้งแอปที่ไม่สามารถถอนการติดตั้งได้ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ปัญหาเหล่านี้อาจจะได้รับการแก้ไขโดยที่สภาผู้บริโภคหรือหน่วยงานรัฐอื่นๆที่จะต้องทำงานร่วมกัน
นอกจากนี้ตนมองว่าบริษัท OPPO เป็นบริษัทขนาดใหญ่ เวลาต้องการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ในแอปพลิเคชันที่ประกอบธุรกิจใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ในการส่งชุดคำสั่งในการติดตั้งอัปเดตแอปเข้าไปในมือของผู้ใช้งาน แต่สวนทางกันเมื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคหรือเยียวยาความเสียหายในการลบแอปที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ออกไป OPPO กลับใช้เวลาหลายวัน ตามคำสัญญาที่มีการหารือไว้กับหน่วยงานรัฐ ว่าจะแก้ไขปัญหาไม่เกินวันที่ 27 ม.ค. ซึ่งตนมองว่า OPPO มีทรัพยากรจำนวนมาก แต่กลับใช้เวลานานมากเกินไป
ขณะที่ นายปฏิพล อายุ 31 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนได้ซื้อโทรศัพท์ OPPO Reno 11F ตั้งแต่ได้เครื่องมา เมื่อเปิดเครื่องพบว่ามีแอป FinEasy และยืมอย่างมีความสุข และเมื่ออัปเดตซอฟแวร์ กลับพบว่ามีแอปอื่นๆ กว่า 10 แอป ที่เป็นเกมส์เหมือนลักษณะของการพนันออนไลน์ติดมากับตัวเครื่องด้วย ซึ่งมองว่าไม่สมควรบริโภค เพราะเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะต้องติดตั้งแอปเอง ทั้งนี้แอปอื่นๆ ที่เป็นเกมส์ต่างๆ สามารถถอนการติดตั้งได้ แต่ตนมองว่าก็ไม่สมควรติดตั้งมาตั้งแต่แรก
ด้าน พ.ต.อ.ปริญญา กล่าวว่าพนักงานสอบสวนจะสิบปากคำผู้ร้องให้ครบองค์ประกอบการร้องทุกข์กล่าวโทษ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละ บก.ในส่วนของ บช.ก.ต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง แอปฯเงินกู้ ,oppo ,realme ,สภาผู้บริโภค