จับได้อีก 1 ราย คดีแก๊งคอลฯ ลวง "ชาล็อต" สูญ 4 ล้าน

(23 ธ.ค.) ความคืบหน้าคดี "ชาล็อต" นางงามเวทีมิสแกรนด์โดนแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกเงินไป 4 ล้านบาท ล่าสุดตามจับคนที่ทำหน้าที่รวบรวมบัญชีม้าได้อีก 1 คน ตรวจเส้นเงินเจอเหยื่อโดนหลอกอีก 125 ราย

ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว สำหรับคดีของนางสาวชาล็อต ออสติน นางงามในสังกัด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ที่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจไซเบอร์-ดีเอสไอ ข่มขู่เอี่ยวคดีฟอกเงินหุ้นสตาร์ค และให้โอนเงินไปตรวจสอบจำนวน 4 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจับบัญชีม้าแถวแรกได้ 1 คน คือ น.ส.ปาริฉัตต์ อายุ 40 ปี และคนที่เป็นคนจัดหาบัญชีม้าได้อีก 1 คน คือ นาย อาทิตญา

ล่าสุดจับนายหน้ามาได้อีก 1 คน คือนาง จันทร์ทา อายุ 51 ปี มีหน้าที่รวบรวมบัญชีม้าแล้วเดินทางข้ามไปสแกนหน้าที่ฝั่งประเทศกัมพูชา เหมือนกับนาย อาทิตญา โดยจับได้ที่บ้านพักใน ต.บางศรีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พร้อมอายัดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องและซิมโทรศัพท์อีก 2 ซิม

เบื้องต้น นาง จันทร์ทา รับสารภาพว่า เคยถูกว่าจ้างให้ไปเปิดบัญชีและสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชามาก่อน เมื่อบัญชีถูกยึดอายัดก็เดินทางกลับมาประเทศไทย ก่อนจะผันตัวเป็นคนกลางผู้รวบรวมบัญชีม้าแล้วส่งต่อไปยังประเทศกัมพูชาแทน โดยทำตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนใหญ่จะรวบรวมคนที่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ที่รู้อยู่แล้วว่าไปเป็นบัญชีม้า ซึ่งนางจันทร์ทาคือหนึ่งในคนที่พา น.ส.ปาริฉัตต์ และบัญชีม้าอีกหลายรายในคดีของนางงามชาล็อตกับคดีเยาวชนอายุ 17 ปี พาไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจนถึงขณะนี้มีคนที่ข้ามไปเป็นบัญชีม้าถึง 22 ราย

พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บอกว่า หลังจากนี้จะไม่เรียกว่าเป็นคดีของนางงามชาล็อตอีกแล้ว เพราะมีเหยื่อที่โดนหลอกโอนเงินเข้า 22 บัญชีม้านี้มากถึง 125 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 42 ล้านบาท ถือว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ที่มีพฤติการณ์การหลอกลวงแบบเดียวกัน 

เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจด้วยการขู่เข็ญ ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นธุระจัดหา เพื่อให้มีการขายบัญชีเงินฝาก อันนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ