สุดทนต้องหนีทั้งครอบครัว ลูกเลี้ยงเสพยา จอบจามหัวพ่อเลี้ยง บุกรวบอ้างทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมชาติ

ลูกเลี้ยงทรพีเสพยาบ้าทำร้ายพ่อพิการขา ใช้จอบจามหัวเย็บ 18 เข็ม เคยถูกมีดฟันและสากกะเบือทุบหัวเย็บไปหลายเข็ม ขโมยข้าวของในบ้านไปขายเอาเงินไปซื้อยามาเสพแถมขู่จะฆ่าพ่อให้ตาย สุดทนต้องพากันหนีออกจากบ้านทั้งครอบครัว ตัดสินใจขายบ้านเพราะกลับไปอยู่ไม่ได้ ตร.บุกรวบลูกเลี้ยง เจ้าตัว ระบุ พ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงทะเลาะกันมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ยอมรับทำร้ายจริง เคยเสพยาแต่เลิกแล้ว

วานนี้ (22 ธ.ค.) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ ‘กัน จอมพลัง’ พานายประชา ชัยโส อายุ 56 ปี พิการขาขวาต้องใส่ขาเทียม เดินทางไปที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีและให้ตำรวจเร่งจับกุมนายศรายุทธ หรือหนึ่ง กงแก้ว อายุ 31 ปี ลูกเลี้ยงของนายประชา (เป็นลูกติดของภรรยาใหม่) ก่อเหตุเสพยาเสพติดและมักทำร้ายร่างกายพ่อเลี้ยงเป็นประจำ ล่าสุดใช้จอบจามหัวเย็บ 18 เข็ม นอน รพ.4-5 วัน  ก่อนหน้าเคยถูกมีดฟันและสากกะเบือทุบหัวเย็บไปหลายเข็ม ซ้ำยังขโมยข้าวของในบ้านไปขายเอาเงินไปซื้อยามาเสพ ขู่ถ้าจะฆ่าพ่อเลี้ยงและภรรยาของเขาให้ตาย จนพ่อเลี้ยงต้องพากันหนีออกจากบ้านทั้งครอบครัวไปอยู่ที่อื่น 3 เดือนแล้ว ไม่สามารถอาศัยอยู่บ้านตัวเอง กลัวลูกเลี้ยงจะทำร้ายอีก

นายประชา พ่อเลี้ยง เผยว่า ลูกเลี้ยงเริ่มเสพยาเสพติดตั้งแต่อายุ 20 ปี และนิสัยก้าวร้าว และเริ่มทำร้ายร่างกายตนเป็นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ขนาดแม่แท้ ๆ ของเขายังโดนตบ เวลาลูกเลี้ยงได้สติก็จะมายกมือไว้ขอโทษตน ซึ่งตนก็ไม่ว่าอะไรและได้เข้าแจ้งความแต่อย่างใด ล่าสุดลูกเลี้ยงเมายาและเมาเหล้าโวยวายเตะภรรยาตัวเอง พอลูกเลี้ยงเห็นตนก็เดินมาเตะ หนักสุดโดนสากกะเบือฟาดหัวแตกและโดนจอบจามหัวได้รับบาดเจ็บ จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.แก่งคอย 2 ครั้ง  ผ่านไปหลายเดือนเรื่องก็เงียบ ตำรวจแค่ไปดูที่เกิดเหตุเท่านั้น

หลังจากที่ถูกลูกเลี้ยงทำร้าย ได้พาคนในครอบครัวทั้งหมด 6 คน รวมตนเองหนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ที่อื่นและปิดบ้านไว้ แต่ลูกเลี้ยงก็ยังงัดบ้านเข้าไปขโมยของในบ้านออกมาขาย ซึ่งตนก็ได้ตัดน้ำตัดไฟ รอให้ตำรวจจับกุมลูกเลี้ยงแต่ก็เงียบ เกรงว่าคนในครอบครัวจะได้รับอันตราย ส่วนแม่ภรรยาของลูกเลี้ยงและแม่แท้ ๆ  ขอเขาซึ่งหนีออกจากบ้านมาด้วยก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน บอกจะทำอะไรก็ทำเลย  ตนจึงขอความช่วยเหลือมายัง ‘กัน จอมพลัง’ทั้งนี้ตนทำงานหาเงินให้ลูกเลี้ยงได้เรียนแต่ก็เรียนไม่จบ เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนโต บวชให้ แต่งงานให้เงินให้ทอง รักเหมือนลูกแท้ ๆ  กลับทรพียังมาทำร้ายจนบาดเจ็บ  ยืนยันไม่ให้อภัย หากลูกเลี้ยงถูกจับก็จะไม่ประกันตัว ทุกวันนี้ค่าเช้าบ้านก็ยังไม่มีเลย

ด้าน น.ส.เอ ลูกสาว ลูกนายประชา เล่าว่าตั้งแต่ตนเองจำความได้เห็นมีการทะเลาะตบตีกันมาตลอด นานหลายปีมาแล้ว พ่อของตนเองจะถูกทำร้ายมาโดยตลอด ส่วนใหญ่พ่อจะถูกทำร้ายตอนเมาและตอนเขาเสพยา ส่วนที่รู้ว่าเขาเสพยานั้นตนเองดูจากพฤติกรรมของเขา โดยส่วนตัวแล้วตนเองไม่เคยถูกทำร้าย มีเพียงพี่สาวที่ถูกทำร้ายโดยการเตะเข้าที่หลัง ตนเองรู้สึกสงสารพ่อมาก

‘กัน จอมพลัง’ กล่าวว่า นายประชา แจ้งความมาแล้ว 2 ครั้ง เรื่องผ่านมา 3 เดือนแล้ว ซึ่งจากการที่ตนได้คุยกับตำรวจบอกจะเร่งรัดคดีให้ ตนมองว่านอกจากมีการแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย น่าจะมีข้อหาทำร้ายร่างกายสาหัส หรือพยายามฆ่า เนื่องจากที่ศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์ อยากให้ตำรวจไปสอบหมอเพิ่ม ซึ่งทางครอบครัวก็กังวลใจเรื่องคดี ซึ่งลูกเลี้ยงลงมือทำร้ายร้ายพ่อเลี้ยงมักอ้างว่าพ่อไม่รัก แต่ทางพ่อเลี้ยงระบุว่าลูกเลี้ยงใช้สารเสพติดมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าหลอน มโนหรือคิดไปเอง

จากนั้นนายประชา พร้อมด้วย ‘กัน จอมพลัง’ และทีมข่าวลงพื้นที่ไปบ้านหลังเกิดเหตุ ใน ต.ท่าตูม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บ้านถูกปิดล็อกกุญแจไว้ โดยสภาพในบ้านถูกรื้อค้นข้าวของกระจุยกระจายไปทั่ว ประตูด้านหลังถูกงัด กระจกบานเกล็ดถูกทุบกระจกแตก ช่องลมด้านบนด้านข้างตัวบ้านถูกทำลายเป็นช่องโหว่เพื่อมุดเข้ามาภายในบ้าน และยังพบสากกะเบือไม้วางอยู่ในบ้าน ซึ่งพ่อเลี้ยงยืนยันว่าเป็นสากกะเบือที่ลูกเลี้ยงนำมาตีหัวตนเอง และแจ้งว่าเหล็กท่อน ที่ตนเตรียมไว้ต่อเติมบ้านถูกลูกเลี้ยงขโมยไปขายจนเกลี้ยง

พ.ต.ท.สุทธิชัย  ศรีอ่อน รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.แก่งคอย  เผยว่า หลังรับแจ้งก็พยายามเร่งรัดติดตามมาโดยตลอดซึ่งได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งระหว่างนั้นตำรวจรอผลการรักษาของแพทย์เพื่อจะออกหมายเรียกลูกเลี้ยงมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนที่ญาติและ ‘กัน จอมพลัง’ ระบุว่าจะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส หรือเข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะประสานสอบแพทย์และพยานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมในบางประเด็นที่อาจยังไม่ครบถ้วน หากพยานหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม สำหรับลูกเลี้ยงคนนี้เคยถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด ยังไม่พบว่าเคยถูกดำเนินคดีทำร้ายใคร

ช่วงบ่ายวันเดียวกันตำรวจ สภ.แก่งคอย ได้นำหมายศาล จ.สระบุรี เข้าควบคุมตัว นายศรายุทธ หรือ หนึ่ง กงแก้ว ได้จากบ้านเช่าแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองแก่งคอยนำตัวมาสอบสวน ที่ สภ.แกงคอย  นายศรายุทธ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุพ่อเลี้ยงของตนได้ทะเลาะกับตนเองและเข้าไปหาตนโดยใช้มีดฟันตนเองจึงได้ใช้จอบขว้างใส่ ตนเองไม่มีเจตนาถ้ามีเจตนาตนเองฆ่าไปแล้ว ตนเองไม่ได้ตั้งใจทำ ส่วนที่ตนเองทำเนื่องจากว่าเห็นพ่อถือมีดเข้ามา ซึ่งตนเองก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน เรื่องพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งตนเองและพ่อเลี้ยงเคยมีเรื่องทะเลาะกันมาแล้วหลายรอบตนเองก็อดทนมาตลอด ส่วนสาเหตุที่ทะเลาะกันนั้นมีหลายเรื่องตั้งแต่ตนเองยังเป็นเด็กอยู่ เมื่อถามว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรนายหนึ่งตอบว่าบอกไม่ได้ พ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงมันเป็นเรื่องธรรมชาติ

ส่วนเรื่องเสพยา ตนเองยอมรับว่าเคยเสพแต่ตอนนี้เลิกแล้ว ก่อนก่อเหตุตนเองก็ไม่ได้เสพ มาเสพหลังจากที่ก่อเหตุตอนที่ตนเองมาติดคุกอยูที่โรงพัก และมาติดอีกครั้งในคดีเมา และออกไปไปเจอยาบ้า 1 เม็ดตนจึงเอามาเสพ ซึ่งตนเองก็เลิกมานานแล้ว ตนเองยอมรับว่าทำร้ายร่างกายพ่อเลี้ยง แต่ตอนนี้ตนเองจะขอสู้ว่าตนเองนั้นไม่ผิด เนื่องจากว่าพ่อเลี้ยงเข้ามาฟันตนเองก่อน มาถึงเขาก็จอดรถและเข้ามาฟันตนเองเลย ตนเองจึงได้ตีและก็วิ่งหนีทั้งที่ขาเขาไม่ดีด้วย

นายหนึ่งยังท้าต่อว่า ประชา ไชโส เรียกมาได้เลย และเมื่อถามว่าพ่อเลี้ยงอาการหนักไหม นายหนึ่ง ตอบว่า ตนเองก็ไม่รู้เพราะตนเองไม่ยุ่งกับมันอยู่แล้ว “ไอ้ควายเชือดผมไม่สนใจกับมันอยู่แล้ว” ส่วนของที่พ่อเลี้ยงอ้างว่าตนเองนำไปขาย นายหนึ่งบอกว่าของที่ตนเองเอาไปนั้นเป็นของ ๆ ตนเอง ทั้งราวผ้า ทั้งเหล็ก เป็นของตนเองทั้งหมด ส่วนตอนนี้ตนเองทำงานก่อสร้าง เมื่อถามว่าแม่ว่าอย่างไรบ้าง นายหนึ่งตอบว่า ตนเองไม่มีแม่ ไม่มีพ่อ ไม่มีญาติพี่น้องผมตัวคนเดียว เมื่อถามเรื่องครอบครัวนายหนึ่งตอบไม่รู้ตนเองไม่สนใจเลย และตนเองก็พร้อมที่จะสู้คดี ตนเองคิดว่าตนเองถูกต้อง

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายศรายุทธ หรือ หนึ่ง  มาสอบสวนเพิ่มเติมและแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นสาหัส จากนั้นได้ควบคุมตัวขังยังห้องขัง สภ.แก่งคอย เพื่อดำเนินคดีทางด้านกฎหมายต่อไป

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/UQbyuDrpyd8