อาชญากรรม
จับ 6 ตำรวจไซเบอร์-1 พลเรือน อุ้มรีดชาวจีน 300 ล้าน ยังหลบหนีอีก 2 ราย
โดย kanyapak_w
1 พ.ย. 2567
476 views
น.1 สั่งการเด็ดขาดดำเนินคดี 9 ตำรวจ 3 พลเรือน อุ้มรีดชาวจีน 300 ล้าน ไม่มีละเว้น
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมาทนายความผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายชาวจีนได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.หัวหน้าชุดตรวจค้นกับพวกรวม 10 คน ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ , เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฯ” ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 2175 / 2567 ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว และสั่งการให้ทาง บก.น.2 มีคำสั่งที่ 244 / 2567 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2567 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน
จากการสืบสวนและสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ต้องหา ได้นัดรวมตัวกันที่ร้านวัสดุแห่งหนึ่ง ใกล้ห้างสรรพสินค้าย่านบางนา จากนั้นได้พากันเดินทางไปยังบ้านบ้านพักผู้เสียหาย อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน และที่ติดตั้งอยู่ที่สถานที่ทำงานของชุดตรวจค้น ยืนยันการเดินทางเข้าไปตรวจค้นที่บ้านและนำตัวผู้เสียหายและบุคคลภายในบ้านที่เกิดเหตุ มาที่สถานที่ทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการข่มขู่เรียกให้ผู้เสียหายโอนเงิน และหลังจากที่ผู้เสียหาย โอนเงิน แล้วยังตรวจพบภาพจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่เดินทางมาที่สถานที่ทำงานมได้บันทึกภาพเอาไว้มีบุคคลไม่ทราบชื่อนำเงินสดใส่ในถุงสีแดง มาส่งให้กับกลุ่มผู้ต้องหา
อีกทั้งยังพบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาที่เชื่อมโยงว่าหลังจากผู้ต้องหาได้รับโอนเงินจากผู้เสียหายแล้วได้มีการโอนให้แก่ผู้ต้องหารายอื่นบางคนด้วย โดยผู้เสียหายได้มีการโอนเงินให้กลุ่มผู้ต้องหา 3 ครั้งเป็นเงินสกุลดิจิทัล USDT คิดเป็นเงินไทยรวมประมาณ 5,600,000 กว่าบาท
แต่ปรากฏว่าในวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทางผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จำนวน 3 ราย พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนทราบ โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การภายหลังเป็นหนังสือเป็นเวลา 15 วัน
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ร่วมกันไปยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 9 คน ต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 6 นาย และศาลได้อนุมัติให้ออกหมายจับผู้ต้องหา ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต,ร่วมกันกรรโชก”
และประชาชน จำนวน 3 คน ในข้อหา“ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่,ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต,ร่วมกันกรรโชก”
ทั้งวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จำนวน 7 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 6 ราย และประชาชน 1 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินคดีตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ดังกล่าว ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การภายหลังเป็นหนังสือเป็นเวลา 15 วัน โดยผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงินสดและที่ดินเป็นหลักประกัน และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ในชั้นสอบสวน
ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งสำนวนการสอบสวน ให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่รับคำร้องทุกข์ สำหรับ ผู้ต้องหาอีก 2 ราย ได้ให้ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 และ บก.สส.บช.น. ติดตามตัวจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป
โดยจับ 7 คน
1. พ.ต.ท.ชนะชัย อายุ 41 ปี อยู่ สภ.ขามสะแกแสง จ. นครราชสีมา
2. ร.ต.อ.อำนวย อายุ 42 ปี อยู่ สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ
3. ด.ต.ชยพล อายุ 43 ปี อยู่ กก.1 บก.ทท.1
4. ด.ต.พรเทพ อายุ 46 ปี อยู่ กก.2 บก.ปคบ.
5. ด.ต.มนัสวี อายุ 41 ปี อยู่ กก.1 บก.ทท.1
6. ด.ต.สยาม อายุ 49 ปี อยู่ กก.สส. ภจว.สระบุรี
7. นายธวุท อายุ 43 ปี
ซึ่งมอบตัวก่อนหน้านี้ 3 คน ( ไซเบอร์ทั้งหมด )
8. ร.ต.อ.ธนกฤต กก.1บก.สอท.1 บช.สอท.
9. ด.ต.สุพรรณ , กก.1บก.สอท.1 บช.สอท.
10. จ.ส.ต.กิตติภูมิ กก.1บก.สอท.1 บช.สอท.
ทำให้ตอนนี้รวมแล้ว รวบทั้งหมด 9 ราย โดยยังหลบหนีอีก 2 คน ได้แก่
11. น.ส.อภัสรา ล่าม แปลภาษา
12. นายหยุน ล่าม แปลภาษา
แท็กที่เกี่ยวข้อง อาชญากรรม ,ตำรวจไซเบอร์ ,อุ้มรีดชาวจีน ,300ล้าน