เงินหมื่นวุ่น! น้องสะใภ้ไล่ยาย วัย 71 ออกจากบ้าน ฉุนขอแบ่งเงิน 5 พันไม่ได้

วันที่ 28 กันยายน 2567 นายสังยุติ นามบุรี กำนันตำบลบึงสามพัน ได้รับแจ้งจาก นางจันดา อายุ 72 ปี ลูกบ้าน หมู่ 9 ตำบลบึงสามพัน อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ว่า ที่บ้านของตนได้มี นางสีดาอายุ 71 ปี เข้ามาขอพักอาศัยอยู่ด้วย ทั้งที่ไม่ใช่ญาติ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้รังเกียจ ยอมให้พักอาศัยด้วยเป็นการชั่วคราว แต่จะอยู่ตลอดไปไม่ได้

โดย นางจันดา เปิดเผย ยายได้ถูกน้องสะใภ้ขับไล่ให้เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน เหตุเพราะเงินดิจิทัล 10,000 บาทเป็นเหตุ โดยฝ่ายน้องสะใภ้จะขอแบ่งเงิน จำนวน 5,000 บาท แต่ยายไม่ยอม สุดท้ายถูกไล่ออกจากบ้าน ต้องมาขอพักอาศัยอยู่กับตน

ผู้สื่อข่าว จึงเดินทางไปกับ นายสังยุติ กำนันตำบลบึงสามพัน เพื่อตรวจสอบ ที่บ้านตำบลบึงสามพัน อำเภอบึงสามพัน เมื่อไปถึงก็พบกับ นางสีดา อายุ 71 ปี โดยนางสีดา กล่าวว่า ตนเองมี พี่น้อง แม่เดียวกัน อยู่ 4 คน แต่ได้เสียไปหมดแล้ว ปัจจุบันไม่มีที่อยู่ชัดเจน ญาติห่าง ๆ ที่เหลืออยู่ก็ไม่ยอมรับ เดิมทีตนเองอาศัยอยู่ที่ตำบลพญาวัง อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นบ้านคนสนิทที่รับคุณยายไปอยู่ด้วย จากนั้นยายเกิดเจ็บป่วย จนต้องไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบึงสามพัน ซึ่งยายได้บอกให้น้องสะใภ้ไปรับตัวยายออกมาจากโรงพยาบาล เพื่อขอมาอาศัยอยู่ด้วย

โดยได้พักอาศัยอยู่กับน้องสะใภ้ราว 4 เดือน ระหว่างนั้น ฝ่ายน้องสะใภ้ก็ได้ทำเรื่องย้ายทะเบียนราษฎร์เพื่อให้ชื่อของยายเข้ามาอยู่ที่ทะเบียนบ้านของน้องสะใภ้ ซึ่งต่อมาเกิดขัดใจกัน เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ทางรัฐบาล แจกให้กับกลุ่มเปราะบาง ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งนางสีดา ก็ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว โดยทางรัฐบาลได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร แต่ฝ่ายน้องสะใภ้ได้ขอแบ่งเงิน จำนวน 5,000 บาท โดยอ้างว่าจะเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการพายายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ฝ่ายยายสีดาไม่ยอมให้เงิน จึงขัดใจกัน ฝ่ายน้องสะใภ้ก็ถึงกับไล่ยายสีดา ให้เก็บเสื้อผ้าออกไปจากบ้าน โดยอ้างว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ไป

นางสีดา ยังกล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่เงิน 1 หมื่น ถูกโอนเข้าบัญชี ตนเองได้ฝากให้เขาถอนเงินมาไว้ใช้ติดตัวจำนวน 3,000 บาท ยังคงเหลือในบัญชีอีก 7,000 บาท แต่วันนี้ทุกข์ใจมาก เนื่องจากญาติไม่ยอมรับ และขับไล่ออกจากบ้าน จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เข้ามาช่วยดำเนินการช่วยเหลือ หรือช่วยส่งตนเอง ไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา ตนเองก็คงจะมีความสุขมากกว่านี้

จากการสอบถาม นางสีดา อายุ 71 ปี เล่าว่า ถ้าสำนักงานที่เกี่ยวข้องส่งไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา ตนเองนั้นรับได้ เพราะวันนี้อยู่กับญาติ เขาก็ไล่ บ้านที่ตนเองอยู่กับน้องสะใภ้ เขาใส่กุญแจหน้าบ้านอยู่ ตนเองออกมาไม่ได้ แต่บ้านหลังนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติ แต่ก็มาอาศัยเขานอน ตนเองนั้นไม่มีบ้าน เพราะตนเอง บวช ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ส่วนที่เขาไล่ตนออกจากบ้าน เพราะว่า ตนเองไม่ให้เงินเขา 5,000 ซึ่งตอนนั้น ตนเองบอกว่า ยังไม่ได้เงินเลย คือเขาจะแบ่ง เพื่อจะเอาเงินเข้าบัญชีเขาไว้ แต่ตนบอกว่า อยากจะเก็บเงินไว้ เพื่อไว้ใช้จ่าย และเหลือไว้เป็นค่าทำศพบ้าง แต่เขาก็บอกให้ยายเก็บเสื้อผ้าออกไปจากบ้าน ไล่อย่างกับหมูอย่างกับหมา ยายก็จะอยู่ได้อย่างไร

ด้าน นางคิม อายุ 67 ปี น้องสะใภ้ เล่าว่า ตนเองไล่ยายออกจากบ้าน เพราะเสียใจ เสื้อผ้าตนเองก็เลยไม่ซักให้ โดยยายได้ทั้งเงินคนแก่ ได้ทั้งเงินที่เค้าแจก ส่วนเงิน 5,000 ที่ตนเองขอยายนั้น จะเอาไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลของยาย แต่ตนก็บอกให้ยายเก็บเงินเอาไว้ เพราะเรื่องเงิน ตนเองนั้นไม่เคยยุ่ง ที่ผ่านมาลูกสาวตนก็เป็นคนจ่ายให้ ส่วนเงิน 5,000 บาทที่ขอยายนั้น ยืนยันว่าเพื่อจะเอาไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลของยายเอง ตนเองยืนยันว่าไม่ได้ไล่ยายออกจากบ้าน คือมาผิดใจกันเรื่องเงิน 10,000 นี่แหละ เพราะยายบอกว่า ถ้าได้เงิน 10,000 แล้วจะไม่อยู่ด้วย ตนเองก็เลยบอกว่า ก็แล้วแต่ยาย ส่วนลูกสาว และลูกชายของตนนั้นก็ไม่เอายาย เพราะที่ผ่านมายายไม่เคยมาดูแล ไม่เคยเลี้ยงดู ซึ่งตนยืนยันว่าถ้ายายอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ย้ายออกไป