อาชญากรรม

ครอบครัวเหยื่อ เล่านาทีบีบหัวใจ สิบล้อคลั่งชนดะกลางกรุง ดับ 1 สาหัส 2

โดย nattachat_c

5 ก.ย. 2567

248 views

ภรรยาวิน จยย. เหยื่อสิบล้อชนดะกลางกรุง เล่านาที สามีไม่ไปรับลูกที่โรงเรียน ก่อนพบถูกชนดับ ขณะที่คุณย่าคนซ้อน ระบุ หลานสาวมีสติแล้ว อยู่ระหว่างเอกซเรย์ละเอียดและรักษาตัว ด้านน้องสาวลุงแอ๊ด เผย อาการยังน่าห่วง กำลังผ่าตัด หมอเสนอทางเลือกมีทั้งฟื้นและตื่นมาเป็นเจ้าชายนิทรา

จากกรณี วันที่ 4 ก.ย. 2567 เวลา 13.00 น. มีโชเฟอร์สิบล้อ เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ขับรถชนชาวบ้านเดินข้ามถนน บริเวณแฟลตการท่าเรือ แล้วขับรถหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ยิงสกัดยางรถ แต่สามารถขับหนีไปไกลถึงบางพลี จากนั้น โชเฟอร์มุดท่อระบายน้ำโรงงานซ่อนตัว ก่อนใช้เชือกห้อยพระรัดคอจนหมดสติ เจ้าหน้าที่ต้องหามตัวออกจากท่อ

ทีมข่าวได้คุยกับคนดูแลลานจอดรถบรรทุกที่นายวัลลภขับรถอยู่ บอกว่า ลานจอดรถอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ และโดยปกติแล้ว นายวัลลภเป็นคนขยันทำงาน โดยทำงานมาแล้ว 4 เดือน ดื่มเหล้าบ้างในวันหยุด  

ทางบริษัทที่นายวัลลภทำงานอยู่ ก็มีการสุ่มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดเป็นประจำ เนื่องจากบริษัทไม่ให้คนขับเสพยา หากตรวจเจอ จะให้ออกทันที

ทีมข่าวได้คุยกับ น.ส.เสาวลักษณ์ ภรรยาของ นายประวิทย์ อายุ 39 ปี วิน จยย.รับจ้าง ที่ถูกรถ 10 ล้อขับเบียด และทับ พร้อมกับผู้โดยสารหญิง ซึ่งนายประวิทย์ เสียชีวิตที่ รพ.กล้วยน้ำไท

น.ส.เสาวลักษณ์ เล่าว่า ปกติแล้วสามีขับวิน จยย.อยู่โซนลุมพินี เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.67) วันเกิดเหตุ มีครูที่โรงเรียนของลูกชายวัย 4 ขวบ โทรมาบอกว่า คุณพ่อยังไม่มารับลูก ทั้งที่ปกติแล้ว จะไปรับในช่วง 14.00 น. แต่ตอนนั้น 16.00 น. แล้ว ยังไม่มีใครไปรับลูกเลย

ตนพยายามโทรศัพท์หาสามี แต่ไม่รับสาย จึงขอลางานไปรับลูกก่อน จากนั้น ไปถามคนแถวบ้านว่ามีใครเจอสามีหรือไม่ เพื่อนบ้านบอกว่าเจอเมื่อช่วงเที่ยง ๆ แต่จากนั้น ไม่มีใครเจอเลย ตนเริ่มเอะใจ เพราะปกติโทรไปจะรับสายตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รับเลย

ตนพยายามโทรศัพท์หาสามี แต่ไม่รับสาย  จึงขอลางานไปรับลูกก่อน  จากนั้นไปถามคนแถวบ้านว่า  มีใครเจอสามีหรือไม่  เพื่อนบ้านบอกว่าเจอเมื่อช่วงเที่ยงๆ แต่จากนั้นไม่มีใครเจอเลย  ตนเริ่มเอะใจ เพราะปกติโทรไปจะรับสายตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รับเลย

จนมีเพื่อนแคปภาพข่าวมาให้ดูว่า มีเหตุการณ์รถสิบล้อชนดะที่ถนนพระราม 4 ตอนนั้น เริ่มสังหรณ์ใจ เพราะเป็นช่วงเวลาที่สามีหายไปพอดี

ปรากฏว่า เวลาประมาณ 17.00 น. มีตำรวจโทรไปแจ้งครอบครัวสามี จากนั้นครอบครัวสามีก็มาบอกตนว่า “ทำใจดี ๆ นะ พี่จ็อบเสียแล้วนะ” ตนตกใจมาก มันเร็วเกินไป และสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว คอยดูแลทุกคน

ส่วนคนก่อเหตุ ไม่รู้จะฝากอะไรถึงเขา อยากบอกเพียงว่า ไม่ควรขับรถประมาทแบบนี้ ให้เวรกรรมตามเขาไป แต่ส่วนตัวก็อยากให้สามีอโหสิกรรมให้ คนก่อเหตุทำอะไรไว้ก็ได้แบบนั้น สามีจะได้ไม่ต้องห่วงอะไร

ส่วนคนก่อเหตุ ไม่รู้จะฝากอะไรถึงเขา อยากบอกเพียงว่า ไม่ควรขับรถประมาทแบบนี้  ให้เวรกรรมตามเขาไป  แต่ส่วนตัวก็อยากให้สามีอโหสิกรรมให้  คนก่อเหตุทำอะไรไว้ก็ได้แบบนั้น  สามีจะได้ไม่ต้องห่วงอะไร

และอยากบอกสามีว่า ขอบคุณที่อยู่ใช้ชีวิตด้วยกันมา 10 กว่าปี มีทั้งดีกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง มันเร็วเกินไปที่เขาจากไปแบบนี้ อยากบอกว่ารักมาก ส่วนตอนนี้ยังไม่ได้บอกลูกเลยว่าพ่อเสียแล้ว ตนเป็นห่วงความรู้สึกลูก เพราะว่าลูกติดพ่อมาก

ทีมข่าวได้คุยกับ คุณพ่อพรชัย อายุ 47 ปี และ คุณย่าสมทรง อายุ 74 ปี พ่อและย่าของ น.ส.พรพรรณ หรือน้องแบม อายุ 23 ปี ผู้บาดเจ็บที่นั่งซ้อนท้าย วิน จยย. ซึ่งตอนนี้ น้องแบมรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

คุณย่าสมทรง น้ำตารื้น เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อเช้า วานนี้ (4 ก.ย. 67) น้องแบมพาคุณย่าไปหาหมอที่ รพ.ตำรวจ

ตกบ่าย พอหาหมอเสร็จ น้องแบมบอกกับย่าว่า ไม่อยากขึ้นรถแท็กซี่กลับ เพราะรู้สึกเวียนหัวจะอาเจียน เลยเรียกวิน จยย.มา 2 คัน แต่คุณย่าบอกว่า เดี๋ยวย่านั่งแท็กซี่ไปก็ได้ แต่หลานไม่ยอม มองว่าเผื่ออันตราย เลยเรียกวิน จยย.มาด้วยกันคนละคัน

ระหว่างทาง แม้จะนั่งวินคนละคัน แต่ก็คอยมองกันตลอด เพราะตามกันมาติด ๆ พอมาถึงแถวสี่แยกกล้วยน้ำไท หลานจะแยกไปบ้านแฟน ส่วนย่าต้องเลี้ยวไปบ้านตัวเองที่อยู่หลังเขตคลองเตย จึงคลาดกันตรงนี้

พอย่าไปถึงบ้าน แต่หลานยังไม่โทรมาสักที เพราะปกติจะโทรมาบอกว่าถึงแล้วนะ ส่วนย่าก็มัวแต่จัดยา จึงยังไม่ได้โทรหา สักพักมีเจ้าหน้าที่ รพ.โทรมาแจ้งว่า หลานเกิดอุบัติเหตุ

คุณย่าสมทรง เล่าต่อว่า พอรู้ว่าเป็นเหตุรถบรรทุกไล่ชนรถหลายคัน มีเจ็บ มีตาย รู้สึกสะเทือนใจมาก ตกใจมาก กลัวว่าหลานจะเป็นอะไร เมื่อไปที่ รพ.ยังไม่ได้เห็นหน้าหลาน เพราะหมอกำลังเอกซเรย์อยู่ แต่เบื้องต้น หลานรู้สึกตัวดี พูดรู้เรื่อง

ขณะเดียวกัน ก็นึกถึงคนขับวิน จยย. ป่านนี้ลูกเมียจะรู้ไหมว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว เขามาส่งจาก รพ.ตำรวจ มาไกล เขาคิดเงินแค่ 150 บาท เท่า ๆ กับแท็กซี่ ขับมาตาม ๆ กัน ให้หลานกับย่าอยู่ในระยะที่มองเห็นกันได้  นอกจากนี้ ยังมีคุณลุงอีกคนด้วยที่บาดเจ็บ ตนอยากให้ทุกคนปลอดภัย ไม่อยากให้เป็นอะไร ส่วนคนขับรถบรรทุกก็อยากให้เขารับผิดตามกฎหมาย

ขณะที่ ป้าเอ (นามสมมุติ) น้องสาวของลุงแอ๊ด วัย 68 ปี เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุ พี่ชายน่าจะเดินข้ามไปหาของเก่ามาขาย จากนั้น ลูกเขยมาบอกว่าลุงแอ๊ดโดนรถชน ตนจึงให้ลูกสาวไปดูที่เกิดเหตุ ลูกสาวกลับมาบอกว่าลุงแอ๊ดแย่แล้ว จึงพากันไปโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

พอไปถึงหมอถามว่า จะให้ผ่าตัดหรือไม่ เบื้องต้น คุณหมอแจ้งว่าซี่โครงหักสามซี่ ได้รับผลกระทบทางสมอง ตามร่างกายเลือดออกเยอะมาก ถ้าผ่าอาจจะฟื้น หรือมี 3 แนวทาง คือ อาจจะฟื้นแล้วติดเตียง หรือ ฟื้นเป็นปกติ หรือ เป็นเจ้าชายนิทรา

ทุกคนลงความเห็นว่าให้ผ่า ให้ลองเสี่ยงดู ซึ่งช่วงที่ป้าเอให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เป็นช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. เวลานั้น ลุงแอ๊ดกำลังผ่าตัดอยู่ หมอบอกญาติ ๆ ให้กลับไปรอที่บ้านก่อน เพราะใช้เวลานาน

หลังทราบเรื่อง รู้สึกสงสารมาก ก็ได้แต่ร้องไห้ พี่น้องกัน พี่เจ็บก็เหมือนน้องเจ็บและพอมาเห็นข่าวว่าชนไปหลายคน ก็คิดว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้  มองว่าในตัวเขาต้องมีอะไรผิดกฎหมายสักอย่าง

ป้าเอ เล่าว่า ลุงแอ็ดไม่ได้มีครอบครัวที่ไหน อยู่ตัวคนเดียว ตนเองก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ แม้ว่าจะติดปัญหาเรื่องค่ารักษาที่หมอแจ้งว่า 60,000 กว่าบาท ก็ขอให้ผ่าตัดไปก่อน ส่วนจากนี้การดูแลจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน อยากให้ผู้ก่อเหตุมาเยียวยา ชดใช้ค่าเสียหาย



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/zkTsGlqpehY

คุณอาจสนใจ

Related News