อาชญากรรม

รวบ! อดีตแก๊งหลอกลงทุนคริปโต พบเชื่อมโยง 2 เว็บพนัน ยอดเงินหมุนกว่า 1.3 หมื่นล้าน

โดย kanyapak_w

16 ก.ค. 2567

550 views

(16 ก.ค.) สืบเนื่องจากเมื่อ 23 เม.ย.67 ที่ผ่านมา ตำรวจไซเบอร์ได้แถลงปฏิบัติการ BLACK HAT ล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโท ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 125 ล้าน เพื่อเตรียมเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหาย โดยเป็นกรณีที่มีผู้เสียหาย จำนวน 5 ราย โดนมิจฉาชีพสร้างโปรไฟล์ปลอมแล้วหลอกลวงให้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี สร้างความเสียหายรวมกันมูลค่ากว่า 530 ล้านบาท อีกทั้ง เส้นทางการเงินของคดีดังกล่าวยังเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินในคดีเว็บพนันออนไลน์จำนวน 2 เครือข่าย มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 13,000 ล้านบาท จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 23 ราย พร้อมยึดเงินสดกว่า 117 ล้านบาท พร้อมทั้งรถยนต์ Porsche จำนวน 1 คัน มูลค่า 8 ล้านบาท รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น มูลค่ากว่า 125 ล้านบาท เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหาย


โดยล่าสุด พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ, พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ และ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ได้นำกำลังชุดสืบสวนเข้าจับกุม น.ส.กฐิน ได้ที่บริเวณชั้น 1 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน”



ผู้ต้องหายอมเปิดเผยว่า ตนเคยค้นหาประกาศรับสมัครงานบนแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก และโพสต์หางานในกลุ่มคนไทยที่อยากหางานทำในปอยเปต จากนั้นได้มีบัญชีเฟซบุ๊กอวตารติดต่อมาอ้างว่ากำลังรับสมัครงานหน้าที่แอดมิน โดยทำงานเกี่ยวกับงานธุรการทั่วไปและงานธุรการในการแลกเงินสกุลดอลลาร์ ตนจึงสนใจแล้วได้แลกไลน์กันและสมัครไป จากนั้นคนรับสมัครงานดังกล่าวได้แจ้งให้ตนเปิดบัญชีธนาคารที่ฝั่งไทย โดยอ้างว่าไว้ใช้สำหรับเป็นบัญชีรับโอนเงินเดือน ก่อนจะนัดเจอกันบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา




จากนั้น เมื่อตนมาตามนัด ปรากฏว่าได้มีรถกระบะมารับตนจากจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ไปส่งยังบริเวณริมชายแดนในพื้นที่ ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ต่อมาได้มีคนมานำทางพาเดินข้ามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติเพื่อข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งระหว่างเดินทางจะมีคนมารับแล้วเปลี่ยนคนนำทางต่อเป็นช่วงๆ ประมาณ 4 ช่วง ซึ่งระหว่างเดินทาง คนนำทางได้พาลัดเลาะเลี้ยวไปเลี้ยวมาจนตนก็สับสนและจำทางกลับไม่ได้รวมเป็นระยะทางกว่า 1 กม.



เมื่อข้ามแดนไปแล้ว คนนำทางก็ได้มาส่งตนที่บ้านร้างเพื่อพักคอย จากนั้นจึงมีรถแท็กซี่มารับตนไปส่งที่ตึกกาสิโนแห่งหนึ่งใน ต.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา เมื่อไปถึงปรากฏว่าตนถูกบังคับให้อยู่แค่ในห้องของตึกกาสิโนดังกล่าว โดยพบว่าในห้องนั้น ยังมีคนไทยที่โดนหลอกมาทำงานเหมือนตนอีกประมาณ 50-60 คน รวมทั้งมีเด็กอายุต่ำสุดเพียง 15-16 ปี หลายรายอยู่ในจำนวนนี้ด้วย



โดยผู้ต้องหามีหน้าที่เพียงแค่คอยสแกนใบหน้าเพื่อโอนเงินของเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ไปยังบัญชีอื่นๆ โดยผู้ควบคุมอนุญาตให้กินอาหารเพียงแค่ 2 มื้อต่อวัน ในเวลาประมาณ 14.00 น. และ 23.00 น. ซึ่งขณะอยู่ในห้องจะมีชายฉกรรจ์คอยถือเครื่องช็อตไฟฟ้า กระบอง และอาวุธปืนคอยคุมเข้มตลอดเวลา อีกทั้งตนเองก็เคยเห็นคู่ผัวเมียคนไทยแอบใช้มือถือต่อไวไฟได้แล้วพยายามแจ้งความ แต่โดนจับได้เสียก่อน จึงถูกผู้ควบคุมซ้อมและใช้เครื่องไฟฟ้าช็อตต่อหน้าต่อตา ส่วนตนเองก็เคยแอบถ่ายรูปส่งให้ญาติที่ฝั่งไทยจนเกือบถูกจับได้เหมือนกัน



ต่อมาเมื่อบัญชีธนาคารของตนโดนอายัดหมดทุกบัญชี ผู้ควบคุมจึงถามว่าต้องการทำงานต่อไหม ตนจึงอ้างว่าต้องกลับบ้านไปดูแลยายที่ชราและพยายามอ้อนวอน สุดท้ายตนจึงได้ถูกปล่อยกลับออกมาโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนแม้แต่บาทเดียว และยังโดนยึดโทรศัพท์มือถือ สิ่งของและเอกสารติดตัวทุกอย่าง โดยมีคนมาส่งบริเวณชายแดนฝั่งกัมพูชา แล้วปล่อยให้ตนเดินลุยน้ำลึกระดับเอวเพื่อข้ามคลองกลับมาฝั่งไทยเอง จนสุดท้ายมาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด



ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนที่ต้องการหางานทำในประเทศเพื่อนบ้าน ขอให้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ หากไม่แน่ใจควรตรวจสอบกับกระทรวงแรงงานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสมอ เพราะหากพลาดถูกหลอกไปทำงานยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว อาจเป็นการยากในการติดต่อหรือขอความช่วยเหลือกลับมายังประเทศไทย

คุณอาจสนใจ

Related News