อาชญากรรม

ปูพรมทลายเหมืองบิตคอยน์ ภาคตะวันตก ลักไฟหลวง 2 เดือน กว่า 5 ล้านบาท

โดย kanyapak_w

27 เม.ย. 2567

9.8K views

ตำรวจไซเบอร์ ปูพรมทลายเหมืองบิตคอยน์ ภาคตะวันตก ลักไฟหลวง 2 เดือน กว่า 5 ล้านบาท ยึดเครื่องขุด 652 เครื่อง มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท "


เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคใต้) จังหวัดเพชรบุรีได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพบว่า มีการหลอกลวงลงทุน ซื้อหรือเช่ากำลังขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แบบ Cloud Mining สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ดังนี้ Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัล คือ สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีการเข้ารหัส ใช้โค้ดคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่า ผ่านอินเทอร์เน็ต มีราคากลางในการซื้อขายแปรผันตามกลไกตลาด


ซึ่งในปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทเป็นกระแส และเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนหน้าใหม่ที่ต่างเข้ามาเก็งเพื่อกำไรในตลาด แต่ก็เป็นหนึ่งในแผนประทุษกรรมที่มิจฉาชีพฉวยโอกาสหาช่องว่างในการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงชักชวนให้เข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจการขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) หรือการเช่าหรือซื้อกำลังขุดสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Tether (USDT), Binance Coin (BNB), Dogecoin (DOGE) เป็นต้น



ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 สืบทราบว่า มีการชักชวนซื้อขายเครื่องขุดบิตคอยน์ในลักษณะที่ต่ำกว่าราคาท้องตลาด น่าสงสัย และมีการรับฝากวางเครื่องขุดดังกล่าว โดยเก็บค่าดูแลและค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริง และอาจจะมีการลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย



โดยมีการซื้อขายเครื่องขุดบิตคอยน์ และรับฝากวางทำเป็นเหมืองขุด ที่ โรงแจ ศาลเจ้าพ่อแห่งหนึ่งใน ต.หนองสองห้อง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว พบว่า ที่โรงเจดังกล่าว มีการใช้ไฟฟ้ามากในลักษณะผิดปกติจริง ซึ่งจากการสืบสวน พบว่า ผู้ที่ขายและรับฝากวางเครื่องขุดดังกล่าว ชื่อนาย สมหวัง  จึงได้ทำการสืบสวนต่อไปพบว่า



นอกจากที่โรงเจ ศาลเจ้าพ่อดังกล่าวแล้ว ยังมีการไปทำเหมือง ลักษณะเป็นโกดัง 2 อาคาร อยู่ที่บริเวณเขาแก่นจันทร์ อ.เมือง จ.ราชบุรี ด้วย จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้ไฟฟ้าอย่างผิดปกติเช่นกัน จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล ทั้งสองจุด คือ โรงเจ และ โกดังต้องสงสัยเขาแก่นจันทร์ ศาลอนุมัติหมายค้น



เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 จึงได้นำกำลังปูพรมเข้าตรวจค้นพร้อมกันทั้งสองจุด โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจค้นปรากฏว่า



1.    โรงเจ ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ต.หนองสองห้อง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พบเหมืองบิตคอยน์ ทำเป็นอาคารทึบ อยู่บริเวณโรงจอดรถศาลเจ้าดังกล่าว มีนายสมบัติ แสดงตัวเป็นผู้ควบคุมดูแลเหมืองดังกล่าว จากการตรวจค้นพบ เครื่องขุดบิตคอยน์ ประกอบการในลักษณะเป็นเหมืองขุด จำนวน 187 เครื่อง และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าพบว่า มีการดัดแปลงบริเวณมิเตอร์ไฟฟ้าทำให้กระแสไฟฟ้าผิดปกติจริง จึงได้ตรวจยึดเครื่องขุดดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป



2.    โกดัง บริเวณเขาแก่นจันทร์ อ.เมือง จ.ราชบุรี พบเหมืองบิตคอยน์ ทำเป็นอาคารทึบ มีนายสมหวัง ตั้งนาวาดี แสดงตัวเป็นผู้ควบคุมดูแลเหมืองดังกล่าว โดยมีนายนายเกียรติก้อง ตุ้มทอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแลเครื่องขุด ดูแลอาคารและเครื่องขุดดังกล่าว จากการตรวจค้นพบ เครื่องขุดบิตคอยน์ ประกอบกอบในลักษณะเป็นเหมืองขุด จำนวน 465 เครื่อง และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าพบว่า มีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ทำให้กระแสไฟฟ้าผิดปกติจริง จึงได้ตรวจยึดเครื่องขุดดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป




จากการสอบถามนายสมบัติฯ และนายสมหวังฯ ให้การว่า ได้ประกอบการขายเครื่องขุดบิตคอยน์ โดยได้นำเข้าเครื่องมาจากประเทศจีน ผ่านพิธีศุลกากรถูกต้อง และนำมาจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไป โดยหากลูกค้าที่ซื้อเครื่องขุดแล้ว ตนเองจะรับฝากเครื่อง โดยคิดค่ารับฝากรวมค่าไฟฟ้า เป็นเงิน 6,200 บาท เท่านั้น ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า ตามปกติแล้ว เครื่องขุดบิตคอย์ดังกล่าว หากมีการเปิดขุดตลอดทั้งเดือนจะเสียค่าไฟฟ้าประมาณ 9,000 บาท ต่อ 1 เครื่อง จะเห็นได้ว่า ในการรับฝากวางนั้น คิดราคาค่าไฟฟ้าและค่าดูแลเพียง 6,200 บาท นั้น เป็นการจูงใจให้นักขุดสนใจ และทั้งสองเหมืองดังกล่าว ได้เปิดมาแล้วประมาณ 2 เดือน จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเบื้องต้น แจ้งว่า เป็นการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าให้ไฟฟ้าผ่านมิเตอร์ไม่เต็มตามกระแสไฟฟ้าที่ใช้จริง มีบางส่วนเป็นการต่อกระแสไฟฟ้าไม่ผ่านมิเตอร์ ซึ่งได้คำนวณค่าไฟฟ้าที่เสียหายเบื้องต้น ทั้งสองจุดประมาณ 5 ล้านบาท



จากการตรวจยึด จะได้ทำการตรวจสอบการนำเข้าเครื่องดังกล่าว กับกรมศุลกากรต่อไปของกลางที่ทำการตรวจยึด



1.    เครื่องขุดบิตคอยน์ รุ่นต่างๆ ราคาประมาณ 3.5 แสนบาท จำนวน 652 เครื่อง มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท

2.    มิเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกดัดแปลง จำนวน 2 มิเตอร์



มูลค่าความเสียหายความเสียหายจากค่าไฟฟ้า ประมาณ 5 ล้านบาท



แท็กที่เกี่ยวข้อง  อาชญากรรม ,บิตคอนย์

คุณอาจสนใจ

Related News