อาชญากรรม

จ่อแจ้งข้อหา 13 ตร. ร่วมงานเลี้ยงบ้านกำนันนก ผิด ม.157 - โอนคดีให้กองปราบแล้ว

โดย passamon_a

18 ก.ย. 2566

972 views

เตรียมแจ้งข้อหา ละเว้นปฏิบัติหน้าที่-ให้การเท็จ ตำรวจในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก อีก 13 นาย พบมีตำรวจรอด 9 นาย พลเรือนถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีไปแล้ว 10 ราย


เมื่อวันที่ 17 ก.ย.66 ความคืบหน้าทางคดียิงสารวัตรทางหลวงเสียชีวิต ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ชุดคลี่คลายคดียิงสารวัตรทางหลวงเสียชีวิต ทยอยเข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมกับนำเอกสารสำนวนคดีแฟ้มใหญ่ หลายแฟ้มเข้ามาด้วย


เพราะพนักงานสอบสวนเตรียมจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา บุคคลที่มีความผิดเพิ่มเติม โดยเฉพาะตำรวจที่อยู่ในงาน หลังจากที่ชุดคลี่คลายคดีได้ประชุมจากพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดและสอบปากคำเพิ่มเติมเสร็จแล้ว


ส่วนผู้ที่ถูกดำเนินคดีจะถูกดำเนินคดีในข้อหา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ม.157 และให้การเท็จโดยไม่ละอายใจต่อเกียรติภูมิความเป็นตำรวจ จึงต้องดำเนินคดีกับตำรวจทุกนายที่มีพฤติกรรมกระทำผิด


ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีตำรวจที่เข้าข่ายกระทำความผิดรวม 13 นาย เป็นกลุ่มตำรวจที่ไม่ให้การช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ และ พ.ต.ท.วศิน เช่น พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท จะถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ส่วนข้อหาให้การเท็จ อยู่ระหว่างการพิจารณา


ส่วน พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ก็มีข้อมูลอีกว่า จะถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากเสียชีวิตไปแล้ว พนักงานสอบสวนจะระบุท้ายสำนวนว่าเสียชีวิตแล้ว ซึ่งก็จะไม่รวมใน 13 นาย ที่จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม


โดยทั้ง 13 นาย จะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหา ตอนนี้จะเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่ง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เป็นหัวหน้าชุดในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้


สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะถูกดำเนินคดี ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 จำนวน 13 นาย ประกอบด้วย

1. พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือผู้กำกับเบิ้ม ผกก.2 บก.ทล. (ยิงตัวตาย)

2. พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม

3. พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท

4. จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.

5. ร.ต.อ.ประสมมาศ แสงสุขมี รอง สว.จร.สภ.กำแพงแสน จว.นครปฐม

6. ร.ต.อ.นุชิต บรรณชัย รอง สว.กก.5 บก.ปทส.

7. จ.ส.ต.อภิรักษ์ โรจน์พวง ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม.

8. ร.ต.ท.มนัต จันทร์มีทรัพย์ รอง สว.จร.สภ.นครชัยศรี

9. ร.ต.ท.สมโชค หรือโชค บัวไชย รอง สว.สส.กก.สส.ภ.7

10. ด.ต.ถนอมศักดิ์ มีศรี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.สามความเผือก

11. พ.ต.ท.ภทร หรือ สว.ไอซ์ วรญาวิศุทธิ์ สว.(สอบสวน) สภ.สระยายโสม

12. ร.ต.อ.จตุรวิทย์ หรือปอง ชวาลเกียรติธนา รอง สว(ป.) สภ.เมืองนครปฐม

13. ร.ต.อ.ศิริชัย รูปสวย รอง สว.(ป) กก.5 บก.ป.


ส่วนตำรวจที่ไม่ถูกดำเนินคดี 9 นาย ประกอบด้วย

1. ด.ต.ชนาณัฐ วุฒิยากร ผบ.หมู่ บก.ทล.

2. ด.ต.สราวุฒิ เชียงทอง สทล.1 กก.2

3. จ.ส.ต.เมทิศกร พันศ์สีจันทร์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.

4. พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.ฝอ.กก. 2 บก.ทล.

5. จ.ส.ต.ทศพร แซ่อึ้ง ผบ.หมู่ บก.ทล.

6. ส.ต.ท.สุทธิกานต์ แซ่ล้อ ผบ.หมู่คฝ.ภ.จว.นครปฐม

7. ส.ต.ต.ธนทัต ท่าน้ำตื้น ผบ.หมู่ คฝ.ภ.จว.นครปฐม

8. ส.ต.ต.สรรเสริญ ศรีอุบล ผบ.หมู่ คฝ.ภ.จว.นครปฐม

9. พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล (คนเจ็บ)


เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับดำเนินคดีผู้ต้องหา จำนวน 6 นาย ก่อนหน้านี้

1. พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ หรือสมสุข สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร

2. ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ รอง สว.สทล.1 กก.2 บก.ทล.

3. ร.ต.ท.ประสาร รอดผล รอง สว.(ป.) สทล.1 กก.2 บก.ทล.

4. ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร รอง สว.(ป.) สทล.1 กก.2 บก.ทล.

5. ร.ต.ท.นิมิต สลิดกุล รอง สว.(จร.) สภ.เมืองนครปฐม

6. ร.ต.ต.สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ รอง สว.(ป.) สทล.1 กก.2 บก.ทล.


สำหรับรายชื่อพลเรือนที่ถูกดำเนินคดี จำนวน 10 ราย

1. นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือนก

2. นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง (เสียชีวิต)

3. นายชาตรี เขียวทับ หรือโอ๊ต

4. นายนิวัฒน์ชัย ปั้นดา หรือบี

5. นายกฤษดา เหล่งดอนไพร หรือช่า

6. นายสนธยา สุดแน่น หรือเก่ง

7. นายฐิตินันท์ อินทร์ต้นวงศ์  หรือโบ้ท

8. นายประสงค์ ไทรไกรกระ

9. นายชัชวาล ไทรไกรกระ หรือ เด้ง

10. นายชัชวาลย์ ก้องภักดีสุข หรือ ต๋อง


ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เดินทางเข้ามาประชุมที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ทีมของกองปราบฯ เข้ามาทำการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เนื่องตอนนี้ส่วนของทางคดีในเรื่องของสำนวนทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ลงนามโอนสำนวนทั้ง 2 เรื่อง คือ เรื่องคดีกำนันนกสั่งการให้ยิงสารวัตรแบงค์ และเรื่องคดีทุจริตตำรวจทั้ง 6 นาย ไปที่กองปราบฯ แล้ว


โดยหลังจากรับโอนสำนวนมา ขั้นตอนหลังจากนี้ ก็จะต้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในสำนวนว่า สำนวนเดิมดำเนินการครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ถ้าครบถ้วนถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติม แต่หากยังไม่ครบถ้วนถูกต้อง เราก็จะต้องทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์


ในส่วนของประเด็นตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา ประกอบกับต้องดูพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และดูพฤติการณ์ต่าง ๆ ว่า แต่ละคนได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องนำข้อเท็จจริงมาพิจารณากัน


ส่วนเรื่องตำรวจให้การไม่ตรงกันนั้น ส่วนนี้จะจริงหรือให้การเท็จ ต้องดูว่าในการสอบสวนครั้งแรกที่ทางตำรวจแต่ละนายให้การไว้นั้น ได้ให้การไว้ครบถ้วนหรือไม่ เพราะบางกรณีอาจจะให้การไว้ในมุมที่เขารับรู้ แต่ว่าภายหลังที่ได้สอบกันเพิ่มเติม เขาอาจให้การเพิ่มเติมขึ้นมา อย่างนี้เรียกว่า "ไม่ได้ให้ข้อมูลเท็จ" แต่ในบางรายก็มีให้การว่า "ไม่รู้ ไม่เห็นเลย" แต่ภายหลังบอกว่า "รู้เห็น" ขึ้นมา ซึ่งก็ต้องดูไปในแต่ละเรื่องและอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเข้าข่ายให้การเท็จหรือไม่


นอกจากนี้ในกรณีของผู้กำกับเบิ้ม ที่เสียชีวิตไปแล้ว เข้าข่ายถูกดำเนินคดีข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ เรื่องนี้ทางผู้กำกับเบิ้มได้ให้การกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองนครปฐม ไปแล้ว ซึ่งประเด็นการแจ้งข้อกล่าวหา ยังไม่มีข้อยุติว่าใครละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ เพราะขณะนี้ยังต้องดูข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด และพฤติการณ์ของพยานที่เกี่ยวข้องรู้เห็น ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาว่าใครเข้าข่ายข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ( ม.157)


โดยทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และจะต้องแบ่งตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทั้งตำรวจที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ 2 นายนี้ ถือเป็นผู้เสียหายในทางคดี กับอีกส่วนหนึ่ง คือ ตำรวจที่ช่วยเหลือผู้ต้องหา ซึ่งได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว 6 นาย และอีกส่วนที่เหลือ ก็ต้องดูว่าพฤติการณ์เป็นอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามกล้องวงจรปิดหรือจากคำให้การพยานอื่นที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย


ส่วน ผู้กำกับพญาไท ก็ต้องดูข้อมูลอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ยืนยันว่าทีมพนักงานสอบสวน ทำงานอย่างละเอียด และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์


ขณะเดียวกันมีข้อมูลคำให้การของผู้กำกับพญาไท อ้างว่าในช่วงเกิดเหตุ เป็นคนสั่งให้ลูกน้องให้การช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ และรองผู้กำกับวศิน นั้น เรื่องนี้ก็ต้องดูว่าคนที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลยืนยันในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะในสิ่งที่แต่ละคนให้การไม่ว่าจะจริงหรือเท็จต้องอยู่ในเรื่องของพยานวัตถุกล้องวงจรปิดด้วยเช่นกัน ว่าให้การไปแล้ว สามารถรับฟังได้หรือไม่ แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเรื่องนี้นั้น ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เพราะอยู่ในสำนวน จึงขอสงวนไว้


เมื่อถามว่า ผู้กำกับพญาไทเรียกว่าแถซ้ำซากหรือไม่ พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า ยังเรียกอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถือว่าเขาให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาตั้งแต่วันแรก ตั้งแต่ที่ สภ.เมืองนครปฐม และในขั้นตอนที่กองปราบฯ ได้ทำการสอบสวน ซึ่งไม่ได้บิดพริ้วหรือให้การว่าไม่รู้ไม่เห็น


อย่างไรก็ตามในส่วนคดียิงสารวัตรแบงค์ พ.ต.อ.เอนก ยืนยันว่า มีพยานหลายปากเห็นในวินาทียิง ทั้ง 2 ส่วน ทั้งในส่วนโต๊ะของกำนันนกที่นั่งอยู่ หรือโต๊ะวีไอพีก็ตาม ซึ่งมีความชัดเจนในส่วนของคดียิงแล้ว


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/0NENUsAP0PA

คุณอาจสนใจ

Related News