อาชญากรรม

พ่อน้องจีจี้คาใจเจ้าของปืนที่ฝ่ายชายใช้ก่อเหตุ มีความผิดด้วยหรือไม่ วอนตำรวจชี้แจงด่วน

โดย onjira_n

20 เม.ย. 2566

369 views

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 เม.ย. พ่อของน้องจีจี้น.ส.สุพิชชา อายุ 20 ปี เน็ตไอดอลชื่อดังเสียชีวิต ยังคงคาใจกับประเด็นเรื่องอาวุธปืนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ว่า นตท.ภูมิพัฒน์ อายุเพียง 19 ปี มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองได้อย่างไร ซึ่งได้ถามประเด็นนี้ กับพนักงานสอบสวนเมื่อคืนที่ผ่านมา แจ้งว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุ ทราบว่าเป็นปืนที่ลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่บอกว่า ใครเป็นเจ้าของอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว พ่อจึงอยากได้รับคำตอบนี้จากตำรวจ และไม่รู้ว่าจะไปสอบถามใคร จึงขอให้สื่อมวลชน สอบถามตำรวจที่เกี่ยวข้องว่าเจ้าของปืนนี้ มีความผิดหรือร่วมรับผิดชอบกับการก่อเหตุครั้งนี้ด้วยหรือไม่ เพราะพ่อเป็นเพียงประชาชนตัวเล็กๆ คนนึงที่ต้องสูญเสียลูกสาวไป อยากได้รับคำตอบเพื่อความยุติธรรมแก่ลูกสาวของตัวเอง


พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.ในฐานะ โฆษก ตร. เปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า ตามหลักแล้วจะต้องมีการสอบปากคำอย่างละเอียดก่อนว่า เจ้าของปืน รู้เห็นหรือทราบว่า นตท.ภูมิพัฒน์ เอาปืนมาใช้หรือไม่หากสอบสวนแล้วทราบว่าปืนที่ นตท.ภูมิพัฒน์ เอามาใช้ ถูกขโมยมาก็จะไม่มีความผิดแต่ถ้าหากพบว่า เจ้าของปืนยินยอมให้นำปืนไปใช้ ก็มีความผิด ในการสนับสนุนให้ก่อเหตุดังกล่าว



ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งตรวจสองเรื่องนี้แล้ว ขณะนี้รอการสอบสวนอย่างชัดเจน แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง



อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางด้านของครอบครัวของน้องจีจี้ ได้ไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่ห้องเกิดเหตุด้วย



ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย.66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุถึงความคืบหน้าคดีพบร่างเน็ตไอดอลชื่อดัง “จีจี้” หรือ นางสาวสุพิชชา ปรีดาเจริญ และ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักของคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านอโศก-เพชรบุรี ว่า คดีนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวนใหม่ เนื่องจากทั้งคู่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลชันสูตร แล้วต้องเอามารวมกับหลักฐานต่างๆที่พบในที่เกิดเหตุ วิถีกระสุน-ทิศทางกระสุน รวมถึงแวดล้อมต่างๆ


เบื้องต้นจากการที่ พฐ. ได้ตรวจดูทิศทางกระสุน คาดว่า ฝ่ายชายน่าจะเป็น “คนก่อเหตุ” แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอทาง พฐ. สรุปวิถีกระสุนก่อน  ส่วนภาพกล้องวงจรปิด อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่าละเอียด แต่เท่าที่ย้อนเวลากลับไปดูไทม์ไลน์ เบื้องต้นมีข้อมูลจากเพื่อนของฝ่ายหญิงว่า ทั้งคู่ได้ไปเที่ยวพัทยากันในช่วงวันสงกรานต์ ก่อนจะกลับเข้ามายังที่พัก แต่ในส่วนวันที่ 18-19 เมษายนที่ผ่านมานั้น ยังไล่ภาพกล้องวงจรปิดกันอยู่ โดยห้องพักแห่งนี่เป็นของฝ่ายหญิง ซึ่งในช่วงขากลับเข้าห้องพักแล้ว ส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงจะไม่ค่อยสื่อสารกับเพื่อน เพราะเพื่อนจะไม่สนิทและไม่ค่อยลงรอยกับฝ่ายชาย จึงไม่แน่ชัดว่า ช่วงวันที่กลับเข้ามาที่ห้องพัก ทั้งคู่หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เข้า-ออกไปไหนกันอีกหรือไม่




โดยหลังจากเก็บหลักฐานกล้องวงจรปิด และผลสรุปของแพทย์แล้ว จะนำไปประกอบกับข้อมูลของทางนิติคอนโด  การติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่น ข้อมูลแวดล้อม โดยเฉพาะครูของฝ่ายชาย เพื่อที่จะเอามาเชื่อมโยงข้อมูลการก่อเหตุ พร้อมยืนยันว่า คดีนี้ไม่ซับซ้อน และขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง รวมถึงยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนว่ามีตัวละครเพิ่มหรือไม่ ส่วนเบื้องต้นจากการชันสูตรศพของแพทย์ พบว่า ทั้งคู่เสียชีวิตมาประมาณ 8-24 ชั่วโมง



ส่วนประเด็นเรื่องปืนที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่า เป็นของฝ่ายชาย โดยจากเท่าที่ตรวจสอบน่าจะเป็นของคนในครอบครัวของฝ่ายชาย และเป็นปืนที่ใช้ในอาชีพข้าราชการ  เบื้องต้นฝ่ายชายเองก็ไม่สามารถครอบครองอาวุธปืนได้อยู่แล้ว เพราะในทางกฎหมายผู้ที่ครอบครองปืนได้ในวัยเท่านี้จะต้องได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน ส่วนเจ้าของปืนจะมีความผิดหรือไม่ ต้องดูว่าเกี่ยวข้องไปในเรื่อง ของความประมาทหรือไม่ แต่กฎหมายยังไม่ได้ระบุ พร้อมยืนยันว่า คดีนี้ทำทุกอย่างในกรอบกฎกติกาของกฎหมาย




ด้านพล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ทั้งผลชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตจากแพทย์นิติเวช และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จาก พฐ. โดยเฉพาะเรื่องคราบเขม่าดินปืน ซึ่งได้เน้นย้ำไปแล้วว่าขอให้เร่งรัดในการดำเนินการ เพราะเป็นคดีที่สังคมสนใจ เพื่อให้ได้ความกระจ่างชัด



โดยเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ พบหัวกระสุนตกอยู่เพียง 1 นัด ซึ่งคาดว่าเป็นกระสุนที่ยิงทะลุศีรษะของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิง ส่วนหัวกระสุนที่ยิงผู้เสียชีวิตฝ่ายชาย คาดว่าถูกฝังอยู่ในศีรษะ แต่ต้องรอความชัดเจนจากผลแพทย์อีกครั้ง





เมื่อสอบถามว่า อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ สรุปแล้วเป็นของใคร รวมถึงจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่ามีบุคคลที่ 3 เข้าออกห้องช่วงเกิดเหตุหรือไม่ พล.ต.ต.อัฏธพร ระบุว่า ข้อมูลส่วนนี้ อยู่ในสำนวนคดี ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่บอกได้เพียงว่า คอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ เป็นคอนโดมิเนียมหรูราคาแพงที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างดี



ส่วนเมื่อวานนี้ที่ทางญาติของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิงได้เดินทางมาที่ สน.มักกะสัน นั้น ก็ได้เซ็นเอกสารไม่ติดใจสาเหตุการตาย แต่ในกรณีนี้หมายถึงไม่ติดใจสาเหตุทางการตรวจพิสูจน์ว่าเสียชีวิตจากการถูกกระสุนปืนยิง เพื่อที่จะสามารถรับร่างจากโรงพยาบาลไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ แต่จะติดใจสาเหตุของการถูกยิงหรือไม่นั้น เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งเมื่อวานทางญาติก็ได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ถ้าญาติเชื่อว่ามีบุคคลที่ทำให้จีจี้เสียชีวิต จะสามารถฟ้องร่วมกับอัยการได้หรือไม่”



พล.ต.ต.อัฏธพร เน้นย้ำว่า คดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ลงมาสั่งการด้วยตนเอง ยืนยันได้ว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเรื่องของอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง โดยตำรวจจะทำตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่พบในที่เกิดเหตุเป็นหลัก ทั้งหัวกระสุน  คราบเขม่าดินปืน และกล้องวงจรปิด


ส่วนพยานบุคคลนั้น จากการสอบถามเบื้องต้นยังไม่พบผู้ที่ทราบเหตุการณ์ เนื่องจากห้องที่เกิดเหตุ อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และเมื่อเปิดห้องเข้าไปก็จะมีห้องโถงก่อน แล้วมีห้องนอนอยู่ชั้นในเข้าไปอีก ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ภายในห้องนอน อีกทั้งปืนที่ใช้ก่อเหตุ คือปืน SIG SAUER (ซิก ซาวเออร์) ซึ่งเป็นปืนที่มีเสียงเบากว่าปกติ เบากว่าประทัด ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงปืนขณะยิง โดยจากการสอบถามนิติบุคคลคอนโดมิเนียม ก็บอกว่าไม่ได้รู้จักลูกบ้าน สามารถให้ข้อมูลได้แค่ไฟล์กล้องวงจรปิด













คุณอาจสนใจ

Related News