อาชญากรรม

ปิดแล้ว! คลินิกดังย่านเมืองทอง ไร้ใบอนุญาต หลังสาวบินเสริมอึ๋มผ่าน 5 ชม.ดับ ญาติเรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน

โดย petchpawee_k

29 มี.ค. 2566

872 views

สาวเสริมอึ๋มผ่าน 5 ชั่วโมง เสียชีวิต! แพทย์ระบุ เลือดออกในช่องอก ญาติเรียกคลินิก 10 ล้านบาทรับผิดชอบ ขณะที่คลีนิก เห็นผลชันสูตรแล้วอึ้ง ขอกลับไปคุยและจะมาเจรจาใหม่ เบื้องต้นเยียวยาปลงศพ 1 แสนบาท ขณะที่ สบส.ร่วมตำรวจปากเกร็ด เข้าตรวจสถานพยาบาลผ่าตัดหน้าอกหญิงเสียชีวิตที่อยุธยา สั่งปิดคลินิกทำหน้าอกสาวเสียชีวิต

วานนี้ (วันที่ 28 มี.ค.) เพจเฟซบุ๊กของ อบต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โพสต์ภาพขณะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในบ้านพักหลังหนึ่ง หลังได้รับแจ้งว่ามีผู้หญิงอายุ 37 ปี มีอาการหมดสติ ปลุกไม่ตื่น ไม่มีชีพจร หลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ช่วยตรวจวัดสัญญาณชีพไม่สามารถให้การช่วยเหลือและทำ ซีพีอาร์ได้ เนื่องจากมีแผลผ่าตัด ก่อนจะตรวจสอบและยืนยันว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เวลา 05.00 น. วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา  หลังจากนั้นตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานและร้อยเวร สภ.วังน้อยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเก็บพยานแวดล้อมไว้เป็นหลักฐาน


โดยนางสาวจตุพร อายุ 30 ปี น้องสาวของนางสาวกนกวรรณ อายุ 37 ปี ผู้ตาย เปิดเผยว่า นางสาวกนกวรรณ บินกลับมาจากประเทศบาห์เรนเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีนัดคลินิกผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกวันที่ 23 มี.ค. ที่คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยผู้ตายติดต่อพูดคุยกับคลินิกผ่านทางเพจเฟซบุ๊กตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. ซึ่งซิลิโคนที่ผู้ตายเลือกใช้ รุ่น Motiva silk ราคา 71,500 บาทและมีค่าตรวจเลือดเพิ่มอีก 2,000 บาท ซึ่งทางผู้ตายได้จ่ายเงินมัดจำก่อน 5,000 บาท


โดยในวันที่ทำการผ่าตัดผู้ตายเดินทางไปถึงคลินิกดังกล่าวในอ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และเริ่มทำการผ่าตัดตอนประมาณ 21.00 น. กว่าจะผ่าตัดเสร็จใช้เวลา 2 ชั่วโมง จนถึง 23.00 น. จากนั้นน้องชายของผู้ตายเดินทางไปรับผู้ตายกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ซึ่งผู้ตายขอนอนที่โซฟาข้างล่าง เพราะยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือมึนงงด้วยฤทธิ์ยาสลบ กลัวว่าขึ้นลงบนบ้านจะล้มหรือจะเป็นอะไรไป


โดยผู้ตายจะบ่นอยู่ตลอดว่า มีอาการปวดตามร่างกายและรู้สึกเพลีย มีอาการไอร่วมด้วย จนกระทั่งตี 4 น้องสาวลงมาดู พบว่าผู้ตายนอนแน่นิ่งอยู่ที่โซฟาและมีธาตุไฟแตกฉี่ลดที่นอน ซึ่งพยายามปลุกยังไงก็ไม่ตื่น จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยปั๊มหัวใจแต่ไม่สำเร็จ


โดยศพของนางสาวกนกวรรณ ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในจ.นครราชสีมา และตัดสินใจว่าจะยังไม่เผาศพ เนื่องจากติดใจสาเหตุการตายเชื่อว่ามาจากการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก และในผลการชันสูตรศพเบื้องต้นที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แพทย์ระบุในหนังสือรับรองการตายว่า พบเลือดออกในช่องอกซ้าย ,ทำให้ย่าต้องการเรียกร้องความรับผิดชอบจากทางคลินิก


โดยทางคลินิกได้ให้ตัวแทนติดต่อมายังครอบครัวของผู้ตาย บอกว่าต้องการเจรจา ขอทราบโรงพักที่รับผิดชอบคดีนี้ เพื่อที่จะเข้าไปพูดคุยไกล่เกลี่ย และยินดีรับผิดชอบ หากผลการชันสูตรอย่างละเอียดระบุว่า มาจากเลือดออกในช่องอกจริง ซึ่งการชนะสูตรรอบสองอย่างละเอียดต้องรอผลอย่างน้อย 45 วัน


โดยก่อนหน้านี้ผู้ตายทำงานอยู่ที่ประเทศบาห์เรน ซึ่งญาติได้ส่งคลิปงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมาให้ผู้สื่อข่าวดู จะเห็นว่าผู้ตายดูร่าเริง สดใส เป็นคนแข็งแรงและญาติบอกว่าผู้ตายไม่เคยมีโรคประจำตัวมาก่อน


นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าคลินิกดังกล่าวพบว่าช่วงประมาณห้าทุ่ม 13 นาที หลังจากผ่าตัดเสร็จญาติของผู้ตายได้ขับรถมารับที่หน้าคลินิก จากนั้นก็ขับกลับมาบ้านที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถึงประมาณเที่ยงคืน ซึ่งไม่ได้มีการแวะที่ไหนก่อน จากนั้นผู้ตายก็เข้ามานอนพักที่โซฟาจนกระทั่งเสียชีวิต ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมงหลังจากการผ่าตัด


โดยวานนี้ (28 มี.ค.) ทางครอบครัวได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเดินทางมาที่ สภ.วังน้อยเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับทางคลินิก ซึ่งทางคลินิกได้ส่งตัวแทนเข้ามาเพื่อเจรจาไก่เกลียกับทางผู้เสียหายด้วย ยืนยันว่า จะรับผิดชอบแต่ขอรอผลการชันสูตรอย่างละเอียดก่อน ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดกรณีแบบนี้มาก่อน


ซึ่งนอกจากตัวแทนของคลินิก ยังมีนายสุนทร ซึ่งเป็นพ่อของคุณหมอที่ทำการผ่าตัดศัลยกรรม เดินทางมาที่ สภ.วังน้อยด้วย โดยนายสุนทรบอกว่า ลูกชายเป็นหมอผ่าตัดศัลยกรรมที่เรียนมาเฉพาะทางโดยตรง ที่ผ่านมา ลูกชายทำหน้าที่ปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างเคร่งครัดและยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น โดยวันนี้เดินทางมาเพื่อต้องการพูดคุยกับทางผู้เสียหายและทางครอบครัวก็ยินดีรับผิดชอบตามหลักมนุษยธรรม


โดยพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย เรียกคู่กรณีฝั่งคลินิกเสริมความงาม ที่ผ่าตัดทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกให้กับสาววัย 37 ปี ผ่านไป 5 ชั่วโมง มีอาการชักก่อนเสียชีวิต ซึ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นแพทย์ระบุว่ามีเลือดออกในช่องอกซ้าย ซึ่งทางตำรวจเรียกคู่กรณีทั้งสองฝั่งมาเจรจาไกล่เกลี่ยที่โรงพักใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง


โดยนางสาวจตุพร อายุ 30 ปีน้องสาวของผู้ตายเปิดเผยภายหลังการเจรจาไกล่เกลี่ยว่า บรรยากาศการพูดคุยนางสาวจตุพร บอกว่าทางฝั่งตัวแทนคลินิกและพ่อของหมอทึ่ทำการผ่าตัด แสดงออกถึงความรับผิดชอบดี ไม่ได้มีการปฏิเสธ เพียงแต่ตามขั้นตอนของกฎหมายต้องรอเอกสารใบชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ทางครอบครัว จึงขอเรียกค่าเสียหายจากทางคลินิก เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท โดยคำนวณจากรายได้ของพี่สาว ซึ่งทำงานที่ประเทศบาห์เรน รายได้เฉลี่ยกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งหากพี่สาวยังมีชีวิตอยู่สามารถหาเงินได้มากกว่า 10 ล้านบาท และมองว่าเงินจำนวนนี้ไม่สามารถแลกกับชีวิตของพี่สาวได้


เบื้องต้นทางคลีนิกได้มอบเงินเยียวยาเป็นค่าปลงศพมาให้ผู้ตาย 1 แสนบาทแล้ว แต่เป็นเงินช่วยเหลือไม่ใชเงินค่าเสียหายที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ต้องมีการเจรจาพูดคุยกันต่อ


นางจำปี อายุ 59 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตัวเองไม่ได้มีอาชีพอะไร ซึ่งอยู่กับสามี พ่อเลี้ยงผู้ตายอายุ 65 ปี คอยเลี้ยง 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ลูกชายของผู้ตาย อายุ 16 ปี ที่ตัวเองช่วยเลี้ยงดูในช่วงที่ผู้ตายไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว จะส่งเงินมาให้ที่บ้าน เป็นประจำ เดือนละ 30,000 บาท บางเดือนก็ให้มากกว่านั่นหากมีรายได้เพิ่ม หลังจากนี้ตัวเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะเลี้ยงหลานต่อยังไงในวันที่ไม่มีลูกสาวคนนี้คอยส่งเงินมาช่วย จึงมองว่าเงินจำนวนนี้ที่เรียกจากฝั่งคู่กรณี จะนำไปใช้จ่ายเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกของผู้ตายในอนาคต


ขณะที่นายสุพล นิลวิเชียร ตัวแทนคลินิก เปิดเผยว่าหลังจากเจรจาไก่เกลียทางผู้เสียหายเรียกค่าเสียหายเยียวยาเป็นเงิน 10 ล้านบาทส่วนตัวก็มองว่าเป็นตัวเลขที่สูง แต่อย่างไรก็ตามจะนำข้อเรียกร้องตรงนี้ไปปรึกษากับทางเจ้าของคลินิกและคุณหมอที่ทำการผ่าตัดศัลยกรรม


ส่วนพ่อของคุณหมอที่เป็นเจ้าของเคสและทำการผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมหน้าอกให้กับผู้ตาย เปิดเผยว่า จากการเจรจาไก่เกลียครอบครัวของผู้ตายไม่ได้มีทีท่าเกรี้ยวกราด หรือไม่พอใจบรรยากาศการพูดคุยเป็นการตกลงและเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ ซึ่งวันนี้ทางฝั่งของตัวเอง เดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธ์ใจและยินดีรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนจะสรุปตกลงกันที่ตัวเลขเท่าไหร่ ต้องขอกลับไปปรึกษากันก่อน


 ขณะที่เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.นนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานพยาบาล แห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด พบว่าคลีนิกดังกล่าวเป็นลักษณะตึกแถวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ตามที่ญาติผู้เสียชีวิตกล่าวอ้างว่า ผู้เสียชีวิตได้มาเสริมหน้าอกที่สถานพยาบาลแห่งนี้ ทำให้เสียชีวิต 


โดยได้มีการตรวจเอกสารใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาล ตรวจคุณภาพซิลิโคนที่ใช้ พร้อมทั้งตรวจห้องผ่าตัดที่ชั้นสอง นอกจากนี้ยังตรวจยาที่ให้แก่คนไข้ระหว่างที่อยู่ที่สถานพยาบาลและยาที่จ่ายให้กับคนไข้ และตรวจระเบียนผู้ป่วย สำหรับแพทย์ที่ทำการผ่าตัดทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกให้เดินทางเข้าพบเพื้อสอบถามขั้นตอนในการผ่าตัด ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางมา


แต่เนื่องจากในวานนี้ (28 มี.ค.) ทางพยาบาลแห่งนี้ได้ปิดทำการมีแต่เพียงพนักงานดูแลอยู่เพียงลำพัง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นัดหมายให้เดินทางเข้าพบเพื่อสอบถามขั้นตอนในการผ่าตัดต่อไป ในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เวลา 10.00 น.พร้อมกับนัดแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดกับเจ้าของผู้ประกอบการมาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน


ด้านนายชาตรี พินใย เจ้าหน้าที่กองกฏหมายสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การที่จะเปิดคลีนิคต้องขออนุญาตเป็นห้องผ่าตัดใหญ่ การที่จะทำต้องมีวิสัญญีแพทย์ ถ้าไม่มีแบบนี้ทางตนและทางสสจ.ต้องดำเนินคดี เพราะไม่ได้รับใบอนุญาต และต้องออกคำสั่งปิดสถานพยาบาล ตามจังหวัดสั่งการ ส่วนเรื่องประมาทเป็นเรื่องของผู้เสียหายดำเนินการ


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/8C9MeOeHpes

คุณอาจสนใจ

Related News