อาชญากรรม

ญาติฝ่ายสะใภ้ไม่เชื่อ ลูกจะฆ่าพ่อแม่ ปมเฮียหมูถูกกักขัง เผยที่ผ่านมาดูแลดีเพราะทั้งคู่มีอาการอัลไซเมอร์

โดย kanyapak_w

14 ก.พ. 2566

3.8K views

เวลา 09.00 น.วันที่ 14 ก.พ.66 พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เปิดเผยว่าหลังจาก นำหมายศาลจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 10/2566 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเข้าค้นเก็บหลักฐานและความเชื่อมโยงของคดี ยังโรงผลิตน้ำแห่งหนึ่งใน ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ของนายเอ(นามสมมติ) พ่อของนางสาวบี (นามสมมติ) ลูกสะใภ้ของเฮียหมู (นามสมมติ) ผู้เสียหาย





จากการเข้าตรวจค้น เชื่อว่าเฮียหมู มาอยู่ที่บ้านหลังนี้จริง ตามคำให้การและชี้จุดต่างๆ ได้ตรงกับข้อมูลที่ให้การมาก่อนหน้านี้ จึงเข้าข่ายในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังตามพยานที่ระบุ ส่วนประเด็นเรื่องการฆาตกรรม นางนิสา ภรรยาของเฮียหมูนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องรอพยานหลักฐานในหลายๆ ส่วน ทั้งนิติวิทยาศาตร์ พยานแวดล้อม พยานบุคคล เส้นทางทางการเงินและ ต้องเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาทำการสอบสวนในฐานะพยานก่อน ซึ่งหากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดหรือสามารถระบุตัวตนได้ ก็จะขยายผลเป็นถึงเหตุฆาตกรรมที่เฮียหมู สงสัยอยู่ ณ ขณะนี้ แต่เบื้องต้นได้ให้ พฐ.เก็บหลักฐานทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นำไปตรวจสอบแล้ว ซึ่งขึ้นตอนหลังจากนี้จะเชิญตัวลูกชาย ลูกสะใภ้ และพ่อแม่ของลูกสะใภ้ มาทำการสอบสวน หากไม่มาแสดงตนก็จะต้องออกหมายเรียก สุดท้ายหากไม่มาก็คงต้องขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไปตามขั้นตอน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแต่อย่างใด





โดยเช้าวันนี้พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ให้พนักงานสอบสวนพาเฮียหมูไปตรวจร่างกาย ตรวจบาดแผล เพื่อเป็นเป็นหลักฐาน ที่โรงพยาบาล พร้อมออกหมายเรียกพยานกว่า 10 ปาก เข้าให้ปากคำเพื่อเติมเพื่อรวบรวมข้อมูล จะได้ออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลภายในบ้านได้ว่ามีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับคดีนี้ได้อย่างไร และอยากให้ลูกชายของเฮียหมู ออกมาพูดหรือชี้แจงให้ตำรวจหรือสื่อมวลชนทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร




ส่วนหลักฐานที่เข้าตรวจเก็บในจุดเกิดเหตุที่อ้างว่าเป็นจุดที่กักขังเอาไว้ก็ต้องรอผล1-2 วัน และยังมีหลักฐานอย่างอื่นอีกที่ใช้ระยะเวลาในการตรวจ โดยทางตำรวจไม่สามารถจะบอกได้ว่าทั้งบ้านมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะบางคนก็อาจจะไม่มีส่วนรู้เห็น หรือไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหายังไม่มีใครออกพูดอะไรและยังไม่สามารถติดต่อใครได้เลย ทำให้ต้องรอการสอบสวนจากอีกฝ่ายก่อนถึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทางตำรวจเองก็พยายามหาทางติดต่อครอบครัวที่ถูกกล่าวหาอยู่และตัวของลูกชายเฮียหมูด้วย




ทางผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบกับนายชูชาติ อายุ 61 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.บางแก้ว อ.เมืองฉะเชิงเทรา เผยว่าเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องในครอบครัวของลูกของเฮียหมู ช่วงที่ยังเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ ซึ่งต้องไปอยู่ในเหตุการณ์ขณะที่เข้าไปดูตึกดูพื้นที่ถึงขั้นต้องมีการแจ้งความที่สภ.แสนภูดาษ ซึ่งช่วงที่นำตัวเฮียหมูกับภรรยามาดูแลก็เพราะทั้งสองคนมีอาการอัลไซเมอร์ หลงลืม พร้อมจ้างคนดูแลอย่างดี ซึ่งเฮียหมูเคยเดินออกจากบ้านแล้วพลัดหลงไปถึงเขื่อนน้ำบางปะกง จนเกือบตกน้ำมาแล้ว ทำให้ต้องกักบริเวณเอาไว้เพื่อไม่ให้พ่อแม่เป็นอันตราย ซึ่งทั้งสองคนไม่น่าจะคิดทำร้ายเฮียหมูกับภรรยาแน่นอน หากทำร้ายจริงทำไมเฮียหมูถึงยังคงมีชีวิตอยู่และกลับมาแจ้งความลูกชาย ลูกสะใภ้ ซึ่งความจริงอยากให้รอลูกชายและลูกสะใภ้กลับจากต่างประเทศก่อนแล้วมาบอกความจริง ซึ่งอยากให้ฝั่งความทั้งสองฝั่ง เพราะครอบคัวนี้เป็นคนจิตใจดี ไม่น่าจะเป็นคนใจร้าย




แท็กที่เกี่ยวข้อง  อาชญากรรม ,เฮียหมู ,กักขัง

คุณอาจสนใจ