สองแม่ลูก ขับเก๋งออกจากเรือนจำ ถูกกระบะตู้ทึบชนฉีก 2 ท่อนดับคู่

สองแม่ลูกมาเยี่ยมญาติที่เรือนจำ ขับเก๋งออกมาเจอกระบะตู้ทึบพุ่งชน กระเด็นไปกับกระบะอีกคัน ทำให้ลูกสาว 28 ปี และแม่ 67 ปี เสียชีวิต 2 ศพ

วันนี้ (14 พ.ย.) บนถนนสาย 3191 ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยตำรวจ สภ.ปลวกแดง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยปลวกแดง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณปากทางเข้าเรือนจำกลางระยอง ที่กลางถนนมีเศษซากรถยนต์กระจายเกลื่อนถนน มีบาดเจ็บอาการสาหัส เป็นหญิงสองคน อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้า กลางถนน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งทำการ CPR แต่ปรากฎหนึ่งในนั้นเสียชีวิตแล้ว ซึ่งก็คือน.ส.กัลยารัตน์ อายุ 28 ปี ส่วนอีกคนที่บาดเจ็บสาหัส ชื่อนางแสงจันทร์ อายุ 67 ปี เจ้าหน้าที่เร่งCPR และนำส่งโรงพยาบาลปลวกแดง ทั้งคู่เป็นแม่ลูกกัน

สำหรับรถยนต์ที่ประสบเหตุมีด้วยกัน 3 คัน คือรถยนต์เก๋ง นิสสัน อเมร่า สีเทา หมายเลขทะเบียน ขธ 5803 ระยอง สภาพฉีกขาดเป็นสองส่วน เสียหายกลายเป็นเศษเหล็ก ส่วนอีกคันเป็นรถกระบะ โตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ฒฮ 702 กรุงเทพมหานคร มีรอยเฉี่ยวชนที่ด้านหน้า กระจกหน้าแตกและพุ่งตกลงไปข้างทาง ห่างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร และอีกคันเป็นรถกระบะมิตซูบิชิ สีบอร์น หมายะเลขทะเบียน บน 9122 ฉะเชิงเทรา สภาพด้านหน้ามีรอยเฉี่ยวชนเช่นกัน ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่า ผู้ที่บาดเจ็บสาหัส ได้เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลปลวกแดง ทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 2 คน

จากการสอบสวน นายสุเมธ คนขับรถกระบะตู้ทึบ บอกว่า มาจากอำเภอปลวกแดง จะไปส่งสินค้าที่ตัวเมืองระยอง แต่ขับมาด้วยความเร็ว มาถึงที่เกิดจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มารู้ตัวรถก็ตกข้างทางไปแล้ว

ส่วนนายเติ้ล คนขับรถกระบะที่มีคอกเหล็ก บอกว่าตัวเองขับรถมาจากทางอำเภอนิคมพัฒนา มุ่งหน้าไปทำธุระที่อำเภอปลวกแดง มาเห็นอีกทีรถเก๋งคันเกิดเหตุก็มาอยู่หน้ารถตนแล้ว ซึ่งตนเองก็งง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีคนบอกว่ารถเก๋งเกิดเหตุก่อน แล้วกระเด็นมาใส่รถของตน

จากการสอบสวน รปภ.เรือนจำ เบื้องต้นให้การว่า รถเก๋งมาเยี่ยมญาติที่เรือนจำ แต่ขณะที่ขับออกมา จะเลี้ยวขวาไปทางปลวกแดง รถเก๋งขับข้ามเลนออกไปรอเลี้ยวที่เส้นเหลืองกลางถนน จังหวะนั้นรถกระบะที่มีคอก ที่วิ่งมาจากมาบข่ามาชนก่อน ทำให้รถเก๋งหมุนและรถตู้ทึบที่วิ่งทางตรงมาจากแม่น้ำคู้ มุ่งหน้าไปทางมาบข่าด้วยความเร็ว พุ่งชนเต็มลำ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนข้อเท็จจริง อย่างละเอียดอีกครั้ง