เมียวอนช่วยเหลือ ผัวติดยาหนักคลั่ง อุ้มลูกอาละวาดทุบรถ-บ้าน

วันนี้ (23 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้าน ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังได้รับการร้องเรียนจากทางเจ้าของบ้านให้ช่วยเหลือ โดยได้พบกับเจ้าของบ้าน คือนายสายัณห์ อายุ 71 ปี นางยุภาลักษณ์ อายุ71 ปี และน.ส.ภิชยา อายุ 43 ปี ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากถูกนายสุขสันต์ อายุ 45 ปี สามีของน.ส.ภิชยา คลุ้มคลั่งจากยาเสพติดตามละลานทุบบ้าน ทำลายทรัพย์สินต่างๆจนพังเสียหาย โดยล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา นายสุขสันต์ได้ขับรถมาจอดหน้าบ้านพร้อมกับลูกน้อย ปาก้อนอิฐขนาดใหญ่จากนอกรั้วบ้านถูกประตูกระจกหน้าบ้านจนแตกเป็นรูขนาดใหญ่ พร้อมทั้งทุบทำลายรถยนต์ของน้องชายน.ส.ภิชยา ที่จอดหน้าบ้านจนพังเสียหายรอบคัน ซึ่งเจ้าของบ้านได้ถ่ายคลิปหลักฐานเอาไว้เตรียมแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านเป็ดในวันนี้อีกครั้ง หลังจากเคยแจ้งความมาแล้ว 3ครั้ง แต่ก็จบด้วยการเป็นปัญหาครอบครัวเท่านั้น

น.ส.ภิชยา ได้เปิดบาดแผลรอบฟกช้ำทั้งตัวให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งถูกนายสุขสันต์ทำร้ายเตะไม่ยั้งภายในบ้านที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพ่อและแม่อีกหมู่บ้านหนึ่ง และทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูกเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา ก่อนจะกลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านพ่อแม่หลังนี้ เพื่อเตรียมไปตรวจพบแพทย์นำเป็นหลักฐานเข้าแจ้งความ และยังโชว์บาดแผลจากขวาน ซึ่งสามีใช้ขวานจามเข้าที่คิ้วด้านขวาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จนคิดว่าตาจะบอด แต่แพทย์ทำการรักษาไว้ได้

พร้อมทั้งเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ที่ร้องเรียนกับสื่อมวลชนเพราะว่า สาเหตุเกิดจากที่สามีก่อเหตุบ่อยครั้ง อยากแยกทางกับสามีแต่ฝ่ายชายไม่ยอม จะมาตามกลับไปที่บ้าน บังคับขู่เข็ญมาทุบมาตีทำลายข้าวของ เพราะติดยาเสพติดอย่างงหนัก ซึ่งสามีมีอาชีพรับจ้างทั่วไป รับตัดไม้ส่งโรงงาน การขอแยกทางนั้นตนเองอยากขอแยกทางเพราะสามีคลั่งจากฤทธิ์ยาเสพติด หลอนคิดไปเองต่างๆนาๆ ตนเองจะทำงานอะไรก็ไม่ได้ ทั้งมีความหึงหวง บางวันคิดไม่อยากให้ตนเองไปก็จะไม่ให้ออกจากบ้านไปจนเสียงาน บางครั้งตามไปที่ทำงานอาละวาดใส่ การแจ้งความครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ที่ผ่านมาจะถูกตีเป็นปัญหาครอบครัวโทษน้อย ถ้าไม่เสียค่าปรับก็จะติดคุก ไม่นานก็ออกมา แล้วออกมายิ่งสร้างความเสียหายหนักขึ้น ทางตำรวจก็แนะนำว่าต้องรอความเสียหายสะสมเยอะๆจึงจะสามารถแจ้งข้อหาหนักได้ โดยเฉพาะบุกรุกยามวิกาล จนกระทั่งตอนนี้เกิดความเสียหายมากขึ้น ทั้งทุบบ้าน ทุบประตูทั้งกลางวันกลางคืน นับเป็นหลายๆคดีรวมกันแล้วประมาณ 4 คดี

รอยช้ำตามร่างกายของตนเองนั้นโดนซ้อมอยู่ที่บ้านฝ่ายชาย ซึ่งถูกบังคับให้มาอยู่ด้วย ตอนนี้หนีออกมาได้ 4 วันถูกทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูก เวลามาก่อเหตุก็ยังพาลูกมาด้วย จะอุ้มลูกก่อเหตุบ้าง ตอนนี้ลูกอยู่กับฝ่ายชาย เวลามาก็จะโยนก้อนอิฐใส่บ้านต่อหน้าลูกนั่งอยู่ในรถ โดยข้อหาเบื้องต้นนั้นจะเป็นข้อหาบุกรุกทำร้ายร่างกาย และยาเสพติด แต่สุดท้ายก็จะลงเป็นปัญหาครอบครัวอยู่ดี เรื่องลูกก็เป็นสิทธิ์ของเรา แต่เหมือนถูกเอาลูกไปเป็นตัวประกันไม่ให้เราตอบโต้หรือป้องกันตัว จะอุ้มลูกมาพร้อมอาวุธ บางครั้งเราจะใช้กำลังแต่ก็กลัวลูกโดนลูกหลง ตอนที่หนีออกมาจะเป็นช่วงที่ฝ่ายชายดีเหมือนลักษณะไบโพล่า ออกมาบอกจะพาลูกไปหายาย ก็ออกมาได้ปกติ

แต่สักพักก็ตามมาอาละวาด ตอนนี้ปรึกษาทางตำรวจหลายๆคน พยายามจะเข้ามาช่วยเพราะเป็นคดีครอบครัว เกิดเหตุซ้ำๆเป็นปัญหาครอบครัวตลอดไม่สามารถแก้ไขได้ และยังมีการไปละลานคนอื่นๆรอบตัวด้วย จนตำรวจจำได้ว่าเป็นนายสุขสันต์อีกแล้ว จนคนที่ถูกละลานต้องย้ายบ้านนี้ เพราะยาเสพติดคลุ้มคลั่งหูแว่วว่าคนข้างบ้านไปด่าตัวเอง แต่โชคดีที่มีชางบ้านช่วยห้ามหลายคน จึงไม่เกิดอันตายต่อชีวิตกระทั่งย้ายบ้านหนีไปเมื่อปีที่แล้ว

ซึ่งฝ่ายชายจะมีพฤติกรรมอาละวาดมาตลอดและไม่ได้ขู่จะบอกก่อนว่าจะทำแบบนั้นแบบนี้และเข้ามาทำจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยเปิดร้านอาหารด้วยกันก็เริ่มติดยาเสพติดเอาเงินที่ค้าขายแบ่งไปซื้อจนไม่มีเงินทุนหมุนเวียนและกลายเป็นแบบนี้ อยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่อยากให้มีการลดโทษ อยากให้ติดคุกนานๆไม่ต้องออกมา และอยากจะเลิกรากันตัดขาดกันไปตลอดชีวิต

ด้าน นายสายัณห์ นางยุภาลักษณ์ พ่อและแม่ กล่าวว่า ลูกเขยจะหงุดหงิดกระวนกระวายถ้าหากไม่ได้เสพยาเสพติด แต่ถ้าได้เสพยาก็จะปกติ ตอนนี้อยากให้ขาดกันไปเลย ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก สงสารหลานเป็นห่วงหลาน เพราะลูกเขยไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ ครอบครัวลูกเคยก็ย้ายไปอยู่บ้านอีกหลัง และไม่รับรู้กับครอบครัวของเราแล้ว แล้วแต่ว่าเราจะทำแบบไหน และแนะนำให้ไปปรึกษาตำรวจ เพราะทางพ่อแม่ฝ่ายชายก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ บ้านเราทั้งสองฝ่ายต้องการจบกันไปแต่ติดที่ลูกเขยคนเดียวที่ไม่ยอม ทุกๆวันจะโทรมาแล้วเข้ามาอาละวาดตามคำขู่ตลอด จนเกิดความเสียหายหวาดผวา ไม่รู้จะเข้ามาตอนไหนบ้าง อยากให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด