รวบแล้ว หลังล่ามาราธอน ผัวเมียหลอกขายที่ดินทิพย์ เสียหายกว่า 100 ล้าน

ผู้ต้องหาหลอกขายบ้านและที่ดินจัดสรร นอกจากจะไปศัลยกรรมใบหน้า เพื่อหนีความผิดแล้ว ขณะที่ตำรวจ จัดทีมไล่ล่า ยังเปลี่ยนรถหลบหนี ทำให้ตำรวจทางหลวง ซึ่งได้รับการประสานให้ติดตามคนร้าย ใช้เวลาติดตามด้วยความลำบาก จนที่สุดจับผู้ต้องหาได้ หลังจากนำรถไปขาย ขณะที่ผู้เสียหาย มีจำนวนมากกว่า 400 คน ทยอยแจ้งความและขอให้ชดใช้เงินที่ถูกหลอกให้โอนไป รวมมูลค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาท



ตำรวจทางหลวงตามล่ามาราธอนตัวการใหญ่หลอกขายที่ดินทิพย์ 2 วัน 2 คืน เพราะผู้ต้องหาไม่จำนนง่าย ๆ เมื่อไปถึงรถตามหมายเลขทะเบียนที่แจ้ง พบแต่รถจอดทิ้งไว้ไม่พบคน เพราะได้เปลี่ยนรถหลบหนีไปคันอื่น



จากนั้นได้รับรายงานว่า ผู้ต้องหาได้กลับมานำรถขับไป จ.ตาก เมื่อตำรวจทางหลวงไปถึง จ.ตาก พบว่ารถผู้ต้องหาถูกขายไปแล้ว และเจ้าตัวเพิ่งออกจากพื้นที่ไป ในที่สุดสกัดจับ นางพิชามญช์ หรือเปิ้ล อายุ 44 ปี ได้ก่อนขณะหลบหนีเข้ามาในพื้นที่นครราชสีมา แต่ใบหน้าของนางเปิ้ลได้เปลี่ยนไป จากการศัลยกรรม แต่เมื่อตรวจบัตรประชาชนแล้วยืนยันได้ว่าเป็นผู้ต้องหา



หลังจากนั้น ตำรวจได้ให้นางเปิ้ล เกลี้ยกล่อมนายคณิศร อายุ 44 ปี ผู้เป็นสามีมอบตัว กระทั่งจับกุมได้ที่ อ.สี่คิ้ว ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นบูรณาการสืบสวนระหว่างตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจสอบสวนกลาง หลังมีผู้ร้องเรียนจำนวนมากว่าถูก ผู้ต้องหาหลอกลวงให้ซื้อที่ดินทิพย์ แต่ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกพื้นที่ กระทั่งถูกตำรวจทางหลวงสกัดจับได้ จึงควบคุมตัวไปส่ง สภ.สารภี จ.เชียงใหม่



จากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาได้ประกาศโฆษณาทั้งติดป้าย และตามสื่อโซเชียล รวมทั้งเพจขายอสังหาริมทรัพย์ ว่าได้ทำโครงการบ้านจัดสรรและแบ่งขายที่ดิน ในจ.เชียงใหม่ และลำพูน ทำให้มีผู้สนใจทำสัญญาจำนวนมาก โดยมีพนักงานเซลล์แมนในโครงการฯ หลายคนเป็นผู้ประสานลูกค้าในการจอง ผ่อนชำระ หรือซื้อขาย มีข้อกำหนดว่าแต่ละ แปลงมีค่าจอง 5,000 บาท, ให้วางดาวน์ 30% ผ่อนจ่ายได้ 36 งวด เนื้อที่ประมาณ 50-100 ตรว.จนมีผู้สนใจจองกว่า 400 ราย ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท



ผู้เสียหายหลายคนระบุว่า นอกจากตัวการที่เป็นสองสามีภรรยาแล้ว ยังมีเซลล์ขายบ้านที่หลอกให้โอนผ่อนหลายสิบงวด



โดยผู้ต้องหามีหมายจับร่วม 10 หมายในหลายพื้นที่ แล้ว เจ้าหน้าที่เตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด ที่ฉ้อโกงไป พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว โดยนางเปิ้ล และสามี ยังให้การปฏิเสธ





เบื้องต้นผู้ต้องหายังไม่ให้การว่านำเงินไปทำอะไร แต่ได้ศัลยกรรมทำหน้า และนำเงินไปทำสัญญาจะซื้อจะขายกับเจ้าของที่ดินหลายแปลง โดยไม่มีการซื้อจริง