ออกหมายเรียก 'ทนายพัช' ช่วย 'แอม' อำพรางคดี

ตำรวจกองปราบปราม ออกหมายเรียกนางสาวธันย์นิชา เอกสุวรรณรัตน์ หรือทนายพัช ทนายความของนางสรารัตน์ หรือแอม ให้มารับทราบข้อกล่าว หลังจากพบหลักฐานว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออาจอยู่เบื้องหลัง ในการจัดส่งทรัพย์สินและกระเป๋าแบรนด์เนม ของเหยื่อรายหนึ่นงที่เกี่ยวข้องกับแอม ไปให้พยานอีกคน ซึ่งตำรวจระบุว่าเป็นการ อำพรางหลักฐานทางคดี



สื่อมวลชนจำนวนมาก ไปดักเฝ้ารอนางสาวธันย์นิชา เอกสุวรรณรัตน์ หรือทนายพัช ที่เคยเป็นทนายความของนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม ผู้ต้องหาคดี ฆาตรกรรม เหยื่อ 14 ราย ด้วยสารพิษไซยาไนด์ โดยนางสาวธันย์นิชา หรือทนายพัช มีกำหนดจะเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ในค่ำวันนี้ หลังจากถูกออกหมายเรียก ให้มารับทราบข้อกล่าวหาที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว



พันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าข้อกล่าวหาที่พนักงานจะแจ้งต่อทนายพัช คือความผิดตามมาตรา 184 ของกฎหมายอาญา กรณีช่วยเหลือ"ช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลงโดยการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด" ซึ่งหลักฐาน ในกรณีนี้ คือเหตุการณ์ที่นางศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย เสียชีวิตจากการถูกวางยาพิษไซยาไนด์ และแอม สรารัตน์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้นั้น ปรากฏพยานหลักฐานว่า ทนายพัช มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลัง จัดส่งกระเป๋าแบนด์เนม และทรัพย์สินของผู้ตาย ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญไปให้พยานคนอื่น เพื่ออำพรางหลักฐานทางคดี



ก่อนหน้าที่จะออกหมายเรียกนี้ พลตำรวจเอก สุรเชรษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำสำนวนการสอบสวน เพื่อขอศาลออกหมายจับ แต่ศาลยกคำร้อง และแนะนำให้ออกหมายเรียกแทน เพราะพฤติการณ์ความผิดของ "ผู้ถูกกล่าวหา" คนนี้ มีพฤติการณ์เดียวกับ พันตำรวจโท วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.สวนผึ้ง อดีตสามีของแอม ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหานี้เช่นกัน



มีรายงานว่าในวันที่ 25 พ.ค. นี้ พนักงานสอบสวนจะเข้าไปสอบสวน เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงานที่จำหน่าย สารไซยาไนด์ให้กับแอม รวมถึงตรวจสอบว่า มีเจ้าหน้าของกรมโรงงานอุตสาหกรรม มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายกระทำความผิด มาตรา 157 ฐานมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่