สังคม
ตร.ออกหมายแดง ‘หมอบุญ’ หลอกลงทุน 5 โครงการทิพย์ โกง 7,500 ล้านบาท พบหนีไปจีนแล้ว
โดย nicharee_m
5 ชั่วโมงที่แล้ว
120 views
ตำรวจยืนยัน ‘หมอบุญ’ และพวก หลอกลงทุน 5 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท พบพฤติกรรมเซ็นเช็คค้ำประกันเลี่ยงความผิดฟอกเงิน ออกหมายแดงเร่งล่า พบหนีไปจีนแล้ว
วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าทลายเครือข่าย นายเเพทย์ บุญ วนาสิน พร้อมกับผู้ร่วมขบวนการรวม 9 คน โดย นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา กับพวก ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2537 ผู้เสียหายจำนวน 247 คน
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เปิดเผยว่า ตั้งเดือนธันวาคม 2566 มีผู้เสียหายมาเเจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง 1 ราย จากนั้นปี 2567 ตลอดทั้งปี จนกระทั่งถึงเดือนพฤศจิกายน รวม 247 ราย ตาม พรบ.เช็ค จากนั้น สน.ห้วยขวาง จึงส่งเรื่องมายังกองบัญชาการตำนครบาลว่า มีความสลับซับซ้อน จึงได้เเต่งตั้งคณะ บกน.1 เป็นพนักงานสอบสวน ร่วมรวมพยานหลักฐาน พบพฤติกรรมของนายเเพทย์บุญ เเละพวก มีการระดมทุน ชักชวนจากตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ว่าตนเป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้หมอบุญ และครอบครัว
โดยมีการแจ้งว่านำไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ 16,000 ล้านบาท ใน 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า 4,000 พันล้าน, โครงการเวลเนเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมเเม่น้ำเจ้าพระยา 4,000-5,000 ล้าน, สร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว 3 เเห่ง รวม 2 พันล้านบาท, เข้าร่วมลงทุนโรงพยาบาลในเวียดนาม 4,000-5,000 ล้านบาท เเละ เมดิคอร์ อินเทเลเจนท์ บางละมุง ชลบุรี งบลงทุน 100 ล้าน
โดย 5 โครงการดังกล่าว หลังระดมทุนเรียนบร้อยเเล้ว ก็จะให้ผู้เชี่ยวชาญบริษัทไทยเมดิเคิลกรุ๊ป จำกัด หรือ TMG ดูเเลโครงการทั้งหมด เนื่องจากมีการเชี่ยวชาญด้านการเเพทย์ เข้ามาบริหารต่อ ยังมีเเผนการนำเข้าบริษัทตลาดหลักทรัพย์ในปี 2567
เเต่พฤติกรรมในการหาแหล่งเงินทุนของหมอบุญเเละพวก กลับมีลักษณะการไปกู้ยืมเงินกับเเหล่งเงินกู้ โดยมีภรรยา เเละลูกสาว ผู้ค้ำประกัน เซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับมอบให้ผู้เสียหาย ในช่วงเเรกมีการชำระดอกเบี้ยในอัตราสูงให้กับบางส่วนบางคน ต่อมาไม่มีการจ่ายเลย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบว่า หลังจากได้เงินทุน 7,500 ล้าน พบว่าให้โบรกเกอร์ทยอยไปถอนเงินครั้งละเป็นร้อยล้าน โดยโบรกเกอร์จะได้ดอกเบี้ย เเละเปอร์เซนต์เป็นค่าตอบเเทน ซึ่งการกระทำทั้งหมอบุญเเเละโบรกเเกอร์ จะไปชักชวนผู้ร่วมลงทุนที่เป็นนักเล่นหุ้นกระเป๋าหนัก
ต่อมากองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้แต่งตั้งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้น เร่งดำเนินการโดยด่วน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง ผู้ที่เสียหายมากที่สุดที่ร่วมลงทุน มากที่สุดมากถึง 600-700 ล้าน เป็นนักธุรกิจที่หลงเชื่อว่าจะมีการลงทุนจริง รวมถึงบุคลากรทางเเพทย์ รวมทั้งหมด 247 คน ความเสียหาย 7,564 ล้านบาท ตั้งเเต่เดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนตุลาคม 2567
ส่วนเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่ามีการนำไปใช้จ่ายในธุรกิจเครือข่ายโรงพยาบาลที่มีอยู่จริง 4-5 โรงพยาบาล รวมถึงต้องไปตรวจสอบในช่วงที่มีการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ว่าเงินดังกล่าวไปอยู่ที่ไหน
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า หมอบุญ มีรถยนต์ 19 คัน พบว่าหายไป ส่วนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโฉนดที่ดิน พบมี 21 เเปลง พบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปยังคนในครอบครัว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่า ทรัพย์สินดังกล่าวได้มาในช่วงปี 2567 หรือไม่
โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับมี 9 ราย ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 คือ หมอบุญ วนาสิน, นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี ภรรยาของ หมอบุญ, นางสาวนลิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของหมอบุญ
กลุ่ม 2 คือ นางสาวศิวิมล อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน
และกลุ่มที่ 3 โบกเกอร์ คือ นางอัจจิมา อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน , นายภาคย์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน, นางภัทรานิษฐ์ อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน ผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงินสัญญาค้ำประกัน
และนายธนภูมิ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ซึ่งขณะนี้ตำรวจจับได้เเล้ว 6 ราย และได้มีการนำตัวส่งศาลอาญาฝากขังเรียบร้อยเเล้ว
ส่วนหมอบุญได้ประสาน ตม.พบว่า พบว่าเดินทางออกจากไทยตั้งเเต่ 29 กันยายน เวลา 14.25 น. เส้นทางกรุงเทพ-ฮ่องกง ล่าสุดพบว่า ทราบว่าหมอบุญเดินทางต่อจากฮ่องกงไปจีนเเล้ว อยู่ระหว่างการประสานตำรวจสากล ส่วนภรรยาและลูก อยู่ระหว่างติดตามตัวคาดว่าอยู่ในประเทศไทย
สำหรับพฤติการณ์หมอบุญ ชุดสืบสวนพบว่าพยายามจ่ายเช็คให้กับเจ้าหนี้ โดยใช้เช็คที่ผู้เสียหายไม่สามารถนำไปใช้ดำเนินการขึ้นเงินได้ เพื่อหลีกเลี่ยงในเรื่องความผิดการฟอกเงินที่มีอัตราโทษสูง เเละจะต้องถูกยึดอายัดทรัยพย์ อีกทั้งพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องหายังทำการตลาด ซื้อโฆษณา สื่อออนไลน์ สำนักพิมพ์หลายเเห่ง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตามจะพยายามถึงที่สุดในการตามล่าตัว ตามหาทรัพย์สินกลับมาคืนผู้เสียหายให้ได้ ฝากถึงผู้ที่จะลงทุนก่อนร่วมลงทุน ให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าโครงการต่างจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่