สังคม

หญิงวัย 61 ร้องสื่อ ถูกปิดทางเข้าออกบ้านนานนับปี จนลูกสาวเครียดจบชีวิตตัวเอง

โดย nutda_t

6 ต.ค. 2566

30.6K views

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งแจ้งเรื่องขอความเป็นธรรมมาที่เพจโหนกระแส ระบุว่าเพิ่งสูญเสียลูกสาวจากการผูกคอเสียชีวิต เนื่องจากเกิดความเครียดเรื่องที่ดิน บ้านถูกปิดทางเข้าออก

ทีมข่าวช่อง 3 ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังดังกล่าว อยู่ที่ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พบกับ นางหนูทอง หรือป้าทอง อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน แม่ของผู้ตาย ซึ่งจบชีวิตไปเมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา


ป้าทอง เล่าให้ฟังว่า เมื่อปีที่แล้ว สามีของตนเองเสียชีวิต หลังจากนั้นแค่ 1 อาทิตย์ พี่สาวสามีซึ่งอาศัยอยู่บ้านติดกันได้ให้กรมที่ดินมาวัดพื้นที่ จากนั้นหลานสาวและลูกเขย ก็ได้สร้างบ้านขึ้นมาใหม่ และทำประตูปิดทางเข้าออก ทำให้บ้านตนเองไม่มีทางเข้าออก และมีปัญหากับบ้านของหลานเรื่อยมา ลูกสาวตนบ่นทุกวันว่าเครียดเรื่องทางเข้าออกบ้านไม่สะดวก ซึ่งลูกสาวเป็น LGBTQ ประกอบอาชีพไรเดอร์ ไม่สามารถขี่รถออกมาได้ ต้องไปออกทางสวนหลังบ้านของเพื่อนบ้าน อาศัยบ้านคนอื่นเข้าออกมาเป็นปี

อยู่มาวันหนึ่งป้าทอง จึงเอาเหรียญบาทปาเปิดทางตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ หวังดลใจให้หลานสาวและหลานเขยเปิดทางให้ แต่เรื่องราวกลับแย่กว่าเดิม เนื่องจากเหรียญที่ปา ดันไปโดนรถกระบะของหลานเขย หลานสาวและหลานเขยจึงนำคลิปกล้องวงจรปิดไปแจ้งตำรวจ มาเรียกค่าเสียหายจากป้าทอง 10,000 บาท หากไม่นำเงินมาชดใช้จะถูกจับติดคุก ป้าทองและลูกสาวจึงตัดสินใจขายรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของลูกสาว เพื่อนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย กระทั่งพักหลังลูกสาวเริ่มไม่ค่อยพูด เก็บตัวเงียบ ก่อนตัดสินใจจบชีวิต

ป้าทอง บอกว่า ตนและครอบครัวใช้ทางเข้าออกตรงนี้มา 30 ปี และมีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย แต่หลังจากสามีของป้าเสียชีวิต หลานสาวและหลานเขยมาขอซื้อที่ดินดังกล่าว แต่ขอซื้อในราคาเพียง 1 ล้านบาท ซึ่งที่ดินของป้ามี 1 ไร่ กับอีก 1 งาน ถ้าคิดจริงก็น่าจะได้ 5-6 ล้านบาท ตนเองและลูกสาวจึงไม่ขาย จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หลานสาวและหลานเขยไม่พอใจ ทำประตูปิดทางเข้าออก เพื่อบีบให้ยอมขายที่ดินให้

ขณะเดียวกัน นางสาวเอ หลานสาวที่เป็นคู่กรณีกับทางป้าทอง ได้เปิดใจกับทีมข่าว ระบุว่า ที่ผ่านมาตนเองให้ใช้ทางเข้าออกมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหา แต่พอสามีของป้าทองเสียชีวิต ป้าทองได้มายืนด่าแม่ที่หน้าบ้าน เนื่องจากจะเอาต้นไม้ที่ขวางทองออก แล้วยังไปอวดกับพี่สาวตนอีกว่า "กูเพิ่งไปด่าแม่มึงมา" ตนยอมไม่ได้ จึงไปบอกเขาว่า ถ้ามาด่าแม่แบบนี้ จะให้กรมที่ดินมารังวัดว่าที่ดินเป็นของใคร จะได้ไม่ต้องมาด่ากันอีก ฝ่ายนั้นก็ท้าว่าจะรัดงวัดก็ทำเลย


จึงมีการรังวัดที่ดินถูกต้องมากฎหมาย มีเจ้าหน้าที่จากที่ดิน เทศบาล มากันครบ ซึ่งได้วัดตามหมุด ตามโฉนดที่ดิน แล้วผู้เสียชีวิตเป็นคนเซ็นยอมรับด้วยตัวเอง หลังจากนั้นตนจึงให้ช่างรับเหมามาทำรั้วกั้น ตอนแรกเว้นพื้นที่ให้เข้าออกกว้าง 2 เมตร ให้สามารถเดินเข้า-ออก และรถจักรยานยนต์ผ่านได้ แต่ป้าทองไม่ยอม บอกถ้าเว้นแค่นี้ก็ไม่เอา ตนจึงตัดสินใจกั้นที่ดินดังกล่าว เรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้ดูที่สาเหตุ ถ้าเขาไม่มาปากแจ๋วด่าแม่ตนก่อน ตนก็จะไม่ทำแบบนั้น

ส่วนที่ป้าทอง ได้เอาเหรียญมาปาที่หน้าบ้าน มีการปาถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกไม่โดน แต่ครั้งที่ 2 โดนรถยนต์ ทำให้รถเป็นรอย ตนจึงนำภาพวงจรปิดเข้าแจ้งความ เนื่องจากไม่อยากให้ทำแบบนี้อีก ให้ต่างคนต่างอยู่

ส่วนเรื่องที่ลูกสาวป้าทอง เสียชีวิต ตนมองว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง ที่ผ่านมาลูกสาวป้าทอง เข้ามาพูดคุยกับตนตลอด อยากขายที่ดินในราคา 6 ล้านบาท ขอให้ตนช่วยซื้อ แต่ตนซื้อไม่ไหว มันแพงเกินไปและเป็นพื้นที่ตาบอด


ด้าน นายสมหวัง เอี่ยมดี นายกเทศมนตรีบางเสร่ กล่าวว่า ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์แล้ว ยืนยันว่าที่ดินของป้าทอง เป็นพื้นที่ตาบอดจริง ที่ผ่านมาแค่เป็นคำพูดว่าให้ใช้ทาง เนื่องจากเป็นญาติพี่น้องกันเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำเอกสารสิทธิ์ ก่อนหน้านี้ตนเคยไปช่วยไกล่เกลี่ยหลายครั้ง แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ซึ่งตามหลักแล้วกฎหมายที่ดินเป็นสิทธิส่วนบุคคล เมื่อเจ้าของที่ไม่ยอม มันจึงเกินอำนาจหน้าที่ของเทศบาล

แท็กที่เกี่ยวข้อง  รุกล้ำที่ดิน

คุณอาจสนใจ

Related News