สังคม
ดีเอสไอลุยค้นบ้าน 'เฮียเก้า' ตัวการใหญ่ลอบนำเข้าชิ้นส่วนไก่ โยงขบวนการหมูเถื่อน
โดย panisa_p
11 ม.ค. 2567
315 views
ศาลอาญาอนุมัติหมายจับบุคคล 4 คน ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษนำหลักฐานร้องขอ หลังจากพบหลักฐานเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์จากต่างประเทศแล้วส่งขายต่อไปประเทศจีนโดยสำแดงเท็จว่าเป็นสินค้าไทย โดยเฉพาะนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า ที่มีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ซึ่งเขาถูกตั้งข้อหานำเข้า ส่งออกสินค้าหนีภาษี ฟอกเงิน และอั้งยี่ แต่ตอนนี้บุคคลตามหมายจับทั้ง 4 คน อยู่ที่ต่างประเทศแล้ว
บ้านพักหลังนี้อยู่ในซอยบางขุนเทียน 15 เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เป็น 1 ใน 5 จุด ที่ดีเอสไอไปตรวจค้นและตามจับบุคคล ตามที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 4 คน หนึ่งในนั้นคือบ้านหลังนี้ของนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า บุคคลตามหมายจับ 4 คน คือหลี่ เซิ่ง เจียว หมายจับเลขที่ 111/2567 นายหยาง ยา ชุง หมายจับที่ 112/2567 นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ หมายจับเลขที่ 113/2567 โดยนายกรินทร์ มีชื่อ-สกุลเดิมว่า ปรีชา แซ่จ้าว แต่เปลี่ยนชื่อใหม่เมื่อ 21 มีนาคม 2563 และหมายจับที่ 4 เลขที่ 114/2566 นางสาวนวพร เชาว์วัย
สำหรับนายกรินทร์ ดีเอสไอพบข้อมูลว่าเป็นบุตรชายของเฮียเก้า โดยชื่อเดิมระบุว่าปรีชา แซ่จ่าว ในฐานข้อมูลแจ้งว่า ปรีชา แซ่จ่าว เป็นบุตรชายของนายเจี่ยวเวิ่น แซ่จ่าว และนางเหมยเฟือย แซ่จ่าว ชาวอำเภอท่าวังผา จ.น่าน ซึ่งนายเจี่ยวเวิ่น ที่ระบุว่าเป็นบิดาของนายปรีชานั้น เสียชีวิตไปแล้ว และนายปรีชา แซ่จ่าว ก็เปลี่ยนชื่อเป็นกวินทร์ และใช้นามสกุลปัจจุบัน ที่เหมือนกับนามสกุลนักการเมืองคนหนึ่ง โดยดีเอสไอยืนยันว่ายังไม่พบว่านักการเมืองคนนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใดในตอนนี้
ข้อหาที่ทั้ง 4 คน ถูกกล่าวหาว่านำเข้าสินค้าโดยเลี่ยงภาษีอากร นำเข้า หรือนำผ่านปศุสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินและข้อกล่าวหาเป็นอั้งยี่ การตรวจค้น 5 จุดวันนี้ไม่พบตัวบุคคลตามหมายจับทั้ง 4 คน โดยเฉพาะเฮียเก้าที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ภรรยาบอกว่าเฮียเก้า และนายกรินทร์ ที่เป็นบุตรชายเดินทางไปประเทศจีนตั้งแต่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา และภรรยารับปากว่าจะประสานให้มามอบตัวโดยเร็ว ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 2 คน คือนาย หยาง ยา ซุง และนางสาวนวพร ที่ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ต่างประเทศ ก็ติดต่อมาหาดีเอสไอแล้วว่าจะมามอบตัวสัปดาห์หน้า
เพื่อให้เห็นความชัดเจนของคดีหมู่เถื่อน ข่าว 3 มิติจึงแยกให้เห็นว่าดีเอสไอรับคดีหมูเถื่อนกรณี 161 ตู้ ที่ทำลายเนื้อหมูไปแล้ว เป็นคดีพิเศษที่ 59/2566 กรณีนี้มีบริษัทชิปปิ้งเกี่ยวข้อง 9 บริษัท ต่อมามีการขยายผลจากบริษัท ชิปปิ้ง ทั้ง 9 บริษัท ก็พบว่า เคยนำเข้าซากปศุสัตว์ที่คาดว่าเป็นหมูชำแหละ แต่สำแดงเท็จอีก รวม 2,388 ตู้ จึงรับเป็นคดีพิเศษที่126/2566 และเมื่อสอบสวนขยายผลอีก ก็พบว่ามีบริษัทชิปปิ้ง 1 ใน 9 บริษัทนี้ เคยรับจ้างจากบริษัทที่เชื่อมโยงกับเฮียเก้า ขนซากไก่ โดยเฉพาะตีนไก่จากอุรุกวัย บราซิล เข้ามาไทย แล้วนำมาเปลี่ยนหีบห่อและสวมสิทธิ์ว่าเป็นสินค้าไทย ส่งไปประเทศจีน จึงรับเป็นคดีพิเศษที่ 127/2566 ซึ่งก็คือกรณีของวันนี้
หัวหน้าคณะทำงานดีเอสไอ ระบุว่า ยังไม่พบว่าเฮียเก้า หรือผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูเถื่อน แต่การนำเข้าตีนไก่แล้วสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยก็ผิดกฎหมายและพบว่านอกจากเฮียเก้าแล้วยังมีอีกหลายกลุ่มทำเช่นนี้ จากนี้จะเชิญเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
สำหรับนายหลี่ เซิ่งเจียว มีฐานะเป็นนายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย มีนักธุรกิจชาวจีน และชาวไทยจำนวนมากเป็นคณะบริหาร นอกจากนี้ ยังมีนักการเมืองระดับหัวหน้าพรรค ตำรวจและทหารเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์จำนวนมาก ในบ้านพักหรือในช่องทางสื่อสารออนไลน์ที่เฮียเก้าเผยแพร่ก็มีภาพถ่ายคู่กับบุคคลสำคัญจำนวนมาก เช่นอดีตนายกรัฐมนตรี 2 ท่านรัฐมนตรีว่าการเกษตรคนปัจจุบันและอดีตรัฐมนตรีว่กากระทรวงเกษตร รวมถึงนักการเมืองคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การปรากฏภาพถ่ายบุคคลเหล่านั้นไม่ได้หมายความว่าบุคคลในภาพ จะรับรู้เกี่ยวข้องกับการกระทำอื่นของเฮียเก้า อีกทั้งการเป็นนายกฯ สมาคมดังกล่าว ก็ต้องทำงานใกล้ชิดกับภาครัฐ
และดีเอสไอ ระบุว่าเส้นทางการเงินหรือหลักฐานอื่นๆ ยังไม่มีส่วนใดเชื่อมโยงกับสมาคมดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอกำลังตรวจสอบว่าเฮียเก้า ได้นำบทบาทการของสมาคมที่ได้ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญ ไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ เป็นประเด็นที่ดีเอสไอกำลังตรวสอบโดยดีเอสไอ ระบุว่าอย่างน้อยก็มีหลักฐานหนาแน่นพอให้ศาลอนุมัติหมายจับทั้ง 4 คน ในข้อหาสำคัญได้