สังคม

เสียงสะท้อนหลังศาลตัดสินคดี 'หมอกระต่าย' ปชช.หวั่นคนไม่เกรงกลัวกฎหมายมากขึ้น

โดย pattraporn_a

25 เม.ย. 2565

156 views

ศาลชั้นต้นตัดสินให้ สิบตำรวจตรี นรวิชญ์จำคุก 1 ปี 15 วัน โดยไม่รอลงอาญา และปรับเงิน 4,000 บาท พร้อมริบรถจักรยานยนต์และใบขับขี่ หลังจากมีคำพิพากษา ซึ่งบิดา-มารดาของแพทย์หญิงวราลักษณ์ หรือหมอกระต่ายเห็นว่าเป็นไปตามความคาดหมาย


(25 เม.ย.) ศาลชั้นต้น ได้อ่านคำพิพากษา ในความผิด ฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาอื่นๆ รวม 9 ข้อหา โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา สิบตำรวจตรี นรวิชญ์ ขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ชนแพทย์หญิง วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย จักษุแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย บริเวณหน้าโรงพยาบาลสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท ด้วยความเร็ว 108-128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งที่ตามกฎหมายระบุว่า ในเขตชุมชนต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเหตุให้หมอกระต่ายเสียชีวิต


ถือว่าเป็นการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดในเขตชุมชน ที่มีสถานพยาบาล และเหตุเกิดบริเวณที่มีสัญลักษณ์จราจรทางข้าม สิบตำรวจตรี นรวิชญ์ เพิกเฉยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น ศาลคำนึงถึงว่าการกระทำของจำเลยร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษศาลจึงมีคำสั่ง พิพากษาจำคุก สิบตำรวจตรี นรวิชญ์ 2 ปี 30 วัน โดยไม่รอลงอาญา และปรับเงิน 4,000 บาท พร้อมมีคำสั่งให้ริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และเพิกถอนใบอนุญาต แต่เนื่องจากส.ต.ต.นรวิชญ์ รับสารภาพ จึงลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 15 วัน


หลังจากนี้ ทนายความของจำเลยได้ยื่นขอประกันตัวโดยใช้ตำแหน่ง ร้อยตำรวจตรี ของบิดา และผู้บังคับบัญชาเป็นหลักประกัน ระหว่างต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ โดยศาลให้ประกันโดยใช้หลักทรัพย์ 2แสนบาท


หลังศาลตัดสิน นายแพทย์อนิรุทธ์ ศุภวัตรจริยากุล บิดาของหมอกระต่าย ซึ่งไม่ได้เดินทางมาศาลเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคู่กรณี อีกทั้งเตรียมทำบุญครบรอบ 100 วันให้กับหมอกระต่ายในวันที่ 30 เม.ย. นี้ ที่วัดไร่ขิง เปิดเผยว่าผลเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ตามกฎหมาย แต่ผู้กระทำผิดเป็นตำรวจที่รู้กฎหมาย น่าจะต้องได้รับโทษที่สูงกว่าบรรทัดฐานของบุคคลทั่วไป ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ ก็คงจะไม่ต้องโทษจำคุก ซึ่งหากคดีไปถึงที่สุดแล้วมีการลดโทษไปมากกว่านี้ คงรู้สึกผิดหวัง


ส่วนของคดีแพ่งที่ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย จำนวนเงิน 72 ล้านบาท จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ถึงความรับผิดชอบเหมือนต่างประเทศ ซึ่งได้พิจารณาดูตามความเป็นจริง แต่ก็ขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณา


ทีมข่าวได้สอบถามโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งให้ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว และต้องรอให้คดีสิ้นสุดก่อนถึงจะทราบว่าจะได้กลับมารับราชการใหม่หรือออกจากราชการอย่างเด็ดขาด ส่วนที่มีการยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องรอว่าศาลจะตัดสินอย่างไรเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเกี่ยวกับองค์กรหรือไม่


ขณะที่ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เห็นว่าการใช้คำว่า ขับรถโดยประมาทกับจำเลย อาจจะไม่ตรงกับความจริง เพราะการขี่รถจยย.มาด้วยความเร็วกว่า 100 กิโลเมตร/ ชม ย่อมเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นแล้ว


จึงมีเสียงสะท้อนทั้งจากโซเชียล และผู้ใช้เส้นทางตรงจุดเกิดเหตุว่า ทำให้คนขับรถประมาท ไม่เคารพกฎมากขึ้น และคดีจะถึงศาลฏีกา ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี ซึ่งหลายฝ่ายจึงเรียกร้องให้คดีขับรถโดยประมาทน่าจะมีการปรับโทษให้หนักขึ้น

คุณอาจสนใจ