แม่ชาวรัสเซียนำลูกชาย 7 ขวบ พลัดตกบ่อน้ำพุร้อนที่ จ.แม่ฮ่องสอน มารักษาอาการ ที่โรงพยาบาลเวชธานี กรุงเทพมหานคร เมื่อเช้านี้ โดยแพทย์ประเมินการรักษาเบื้องต้นต้องใช้เวลามากกว่า 1 เดือน

(15 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.  ดช.มิคาอีล เครปโตว่า ซึ่งบาดเจ็บจากแผลพุพอง ผิวหนังลอก บริเวณขาทั้งข้าง ได้ถูกนำตัวส่งเข้ารักษาตัวในห้อง Positive Pressure หรือห้องแรงดันบวกของโรงพยาบาล เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อ ซึ่งขณะนี้พบว่า น้องมีไข้อ่อนๆ จึงต้องเปิดแผล ตรวจเช็คอาการ ว่าเกิดจากภาวะการติดเชื้อหรือไม่

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางอิลิน่า เครปโตว่า ซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวพร้อมสามีและลูกชาย และเช่ารถขับไปเที่ยวที่อ.ปายกันเอง กระทั่งลูกชายเกิดอุบัติเหตุพลัดตกบ่อน้ำพุร้อนขณะจอดถ่ายรูป ส่วนเหตุผลที่ ที่ย้ายลูกชาย มารักษาที่นี่ เธอบอกว่า ได้ปรึกษาเพื่อนชาวรัสเซียที่พัทยา ซึ่งแนะนำแพทย์ที่รพ.เวชธานีให้ ก่อนตัดสินใจว่าจ้างรถมาส่งด้วยตนเอง และรู้สึกประทับใจและสบายใจมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าลูกชายจะไม่ติดเชื้อ แต่ก็ยังกังวลถึงค่ารักษาพยาบาล เพราะต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน แต่เธอไม่มีเงินแล้ว และไม่ได้ทำประกันไว้

ล่าสุดเงินที่เปิดรับบริจาค 7 แสนบาท ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ไปแล้ว 5 แสนบาท ส่วนอีก 2 แสนจะเป็นค่ามัดจำโรงพยาบาลที่นี่ ทั้งนี้เธอได้ขอบคุณตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจในพื้นที่ มาเยี่ยมให้กำลังใจ รวมถึงในไอจีส่วนตัวก็มีคนไทยมาแสดงความห่วงใย สร้างความประทับใจให้เป็นอย่างมาก

นางอิลิน่า ได้ฝากถึงผู้ดูแลบ่อน้ำพุร้อน จุดเกิดเหตุ ขอให้ทำป้ายเตือนขนาดใหญ่ที่ชัดเจน พร้อมสร้างรั้วป้องกันให้แน่นหนา เพื่อไม่ให้อุบัติเหตุเช่นนี้เกิดกับใครอีก

ขณะที่ ดร.นพ.ตุลวรรธน์ พัชราภา ผู้อำนวยการปฏิบัติการ โรงพยาบาลเวชธานี พร้อมด้วยนายแพทย์เชิดพงษ์ ฉัตรจตุรภัร ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านหลอดเลือด โรงพยาบาลเวชธานี ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นทางโรงพยาบาลรับส่งต่อ ผู้ป่วยวัย 7 ปี เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลเวชธานี ช่วง 08.00 น. ของวันนี้

จากการประเมินอาการเบื้องต้น พบว่าผิวหนังได้รับความเสียหายร้อยละ 60 ของร่างกาย แนวทางการรักษาต้องดูแลเรื่องการปลูกถ่ายผิวหนังหลังการรักษาบาดแผลน้ำร้อนลวก แต่ขณะนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อ และภาวะร่างกายสูญเสียน้ำและเหลือแร่ กุมารแพทย์จึงต้องให้สารน้ำและเกลือแร่เพื่อปรับสมดุลในร่างกาย

โดยช่วง 14.00 น. ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆ ทั้งกุมารเวชวิกฤต กุมารเวชติดเชื้อ แพทย์เชี่ยวชาญด้านบาดแผล แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง และแพทย์กายภาพบำบัด จะเปิดดูบาดแผล และร่วมกันประเมินเพื่อวางแนวทางรักษา ซึ่งคาดว่าการรักษา ผู้ป่วยจะต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานมากกว่า 1 เดือน

ขณะนี้ผู้ป่วยต้องรักษาตัวในห้อง Positive Pressure หรือห้องแรงดันบวก เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อ แผนการรักษาต่อไปคาดว่าจะต้องผ่าตัดทำความสะอาดแผล ตัดเนื้อตาย และให้ยาฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ผู้ป่วยมีไข้อ่อนๆ ต้องตรวจสอบละเอียดอีกครั้งว่ามีอาการติดเชื้อหรือไม่ จากนั้นต้องพิจารณาการปลูกถ่ายผิวหนัง เพื่อแก้ไขภาวะแผลเป็นหดรั้ง ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวร่างกายต่อไป

ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่าโรงพยาบาลเวชธานี มีแพทย์เฉพาะทางครบทุกด้านที่สามารถดูแลผู้ป่วยวัย 7 ปี รายนี้ได้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/0b3jvJSjVF0