ความคืบหน้ากรณีมีคลิปดาบตำรวจอดิศร ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บางปู ขับรถกระบะชนรถเก๋ง แล้วปล่อยให้นายชาครินทร์ ชัยมงคล ที่นั่งรถมาด้วย ถือมีดและไม้ขึ้นไปเหยียบและทุบหลังคารถเก๋ง เหตุเกิดในท้องที่ สน.ประเวศ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่านายชาครินทร์ มีหมายจับติดตัวและติดโควิดด้วย

ล่าสุด พลตำรวจตรีชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรปราการ มีคำสั่งให้ ดาบตำรวจอดิศร ทุมมาโต ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บางปู ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดย ดาบตำรวจอดิศร นั้นกระทำความผิด หลังปรากฏตัวในคลิปที่รถกระบะชนกับรถเก๋งแล้ว ตัวเองปล่อยให้นายชาครินทร์ ชัยมงคล อายุ 38 ปี ขึ้นไปเหยียบบนหลังคารถเก๋งใช้ไม้ตีลงไป เหตุเกิดในท้องที่ สน.ประเวศ

ซึ่งกลายเป็นคลิปโด่งดังในโลกออนไลน์อย่างมากว่า ทำไม ดาบตำรวจอดิศร ถึงเดินทางไปกับบุคลที่มีหมายจับได้ แม้ ดาบตำรวจอดิศร จะพบว่าคู่กรณีเป็นพ่อค้าขายปลาคาร์ปเคยซื้อปลากัน จึงตกลงกันได้และยินยอมชดใช้ความเสียหาย แต่ความผิดดังกล่าวถือว่าสำเร็จแล้ว ทาง สน.ประเวศ จึงแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการพิจารณาทางวินัยนั้นพบว่า ดาบตำรวจอดิศร มีพฤติกรรมรีดทรัพย์ผู้อื่นและเหตุการณ์ที่ สน.ประเวศ จึงโดนตั้งกรรมการสอบทางวินัยให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ทั้งนี้หลังเกิดเรื่องทางผู้บังคับบัญชาจึงต้องดำเนินการสอบพิจารณาทางวินัย ดาบตำรวจอดิศร จนกว่าจะแล้วเสร็จ จึงให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดย ดาบตำรวจอดิศร สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองได้ภายใน 30 วันหากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้

นอกจากคลิปขับกระบะเบียดเก๋งแล้ว ล่าสุดยังมีคลิปฉาวที่ดาบตำรวจอดิศร พร้อมพวก ช่วยกันลากตัว รปภ.ขึ้นท้ายรถกระบะสีเทาป้ายแดงอีกด้วย โดย รปภ.พยายามร้องตะโกนให้คนช่วย พร้อมบอกว่า "ช่วยด้วยๆ เขาจะอุ้มฆ่าผมแล้ว" ขณะเดียวกันก็มีประชาชนที่เห็นเหตุการณ์เข้าไปช่วยเหลือและแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ ซึ่งในตอนแรกชาวบ้านไม่ทราบว่าชายฉกรรจ์ในคลิปเป็นตำรวจ จึงขอดูบัตรประจำตัว และชาวบ้านยืนยันว่าให้รอตำรวจในเครื่องแบบมาก่อน แล้วค่อยนำตัว รปภ.ไป พร้อมกับมีพลเมืองดีนำรถไปจอดขวาง กระทั่งตำรวจมาจึงพากันไปเคลียร์ที่โรงพัก

ซึ่งเมื่อวานนี้ นายสุวรรณ อายุ 43 ปี รปภ.ที่ถูกทำร้าย พร้อมทนายความ เข้าแจ้งความที่ สภ.คลองด่าน เล่าว่า ทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่บริษัทในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 12 กรกฎาคม มีชาย 3 คน เข้ามาถามหาว่า ใครมีบัตรเอทีเอ็มบ้าง จะขอให้ช่วยรับโอนเงิน 8,000 บาท และเสนอค่าโอนให้ 500 บาท ตนรู้จักกับ 1 ใน 3 คนที่เข้ามาถาม จึงเสนอตัวและให้หมายเลขบัญชีไป เมื่อได้รับเงินโอน จึงถามว่าจะให้ไปกดเงินให้เลย ชายคนดังกล่าวบอกว่า ยังไม่ต้องกดให้เก็บไว้ก่อน พรุ่งนี้จะเข้ามาเอา แล้วทั้ง 3 คน ก็กลับออกไป

ช้าวันถัดมา ตนออกเวร พอกลับบ้านก็ปิดโทรศัพท์นอน ตื่นมาอีกทีช่วงบ่าย เห็นว่ามีสายเรียกเข้า จึงโทรกลับไป ซึ่งก็เป็นชายที่มาขอให้รับโอนเงิน จึงถามย้้ำไปว่า จะให้กดเงินเลยมั๊ย แต่ชายคนดังกล่าวบอกว่า ยังไม่ต้อง แล้วถามว่าตนจะเข้ามาทำงานวันไหน จะไปหาที่บริษัท จึงแจ้งไปว่าจะเข้างานอีกทีวันที่ 15 ก.ค.

กระทั่งวันที่ 19 ก.ค. ช่วงเช้า ซึ่งเป็นวันหยุด บริษัทปิดประตูเข้าออก มีชาย 2 คนในคลิป เอารถกระบะมาจอดเทียบข้างกำแพง แล้วปีนเข้ามาด้านใน ขณะนั้นตนกำลังนอนหลับอยู่ที่โต๊ะในป้อมยาม ชายสองคนเอาปืนจ่อหัวปลุกให้ตื่น ยึดมีดดาบซามูไร 2 เล่มของตนไปด้วย แล้วก็ลากตัวไปด้านในบริษัท ก่อนจะกระทืบไม่ยั้ง ทำท่าปาดคอ ขู่ว่าจะอุ้มไปฝังที่เพชรบุรี จนตนต้องไหว้ขอชีวิต แต่ทั้งสองคนยังไม่ยอมหยุด

ขณะนั้นไม่มีใครอยู่ในบริษัทเลย ตนจึงต้องวิ่งหนีตายออกมาขอความช่วยเหลือด้านหน้าบริษัท จนมีชาวบ้านเข้ามาช่วย และมาทราบภายหลังว่าทั้งสองคนเป็นตำรวจ พอไปสอบถามเรื่องราวกันที่ สภ.คลองด่าน ทั้งสองคนบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดและแยกย้ายกันไป แต่พอตนเองมาเห็นคลิปดาบตำรวจอดิศร ขับกระบะป้ายแดงเบียดรถเก๋ง แล้วเอาดาบมาฟันหลังคารถ รวมทั้งข่าวที่ดาบตำรวจอดิศรไปกระทืบ รีดทรัพย์เด็กวัยรุ่น 3 คน ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความ เพื่อให้ดำเนินคดีกับดาบตำรวจอดิศรกับพวก อย่างถึงที่สุด เพราะพฤติกรรมเหมือนไม่ใช่ตำรวจ

โดยการสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดี ขณะนี้แยกเป็น 3 กรณี คือ 1.กรณีขับรถเบียดและทุบรถเก๋ง พื้นที่ สน.ประเวศ ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด สภ.บางปู รายงานพฤติกรรมเบื้องต้นมาแล้ว คณะกรรมการอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอในที่ประชุมของจังหวัด ว่าเห็นสมควรจะดำเนินการทางวินัยอย่างไร คาดว่า วันนี้ (5 ส.ค.) จะได้ข้อสรุป

2.กรณีทำร้ายร่างกายรีดกรรโชกทรัพย์ และบังคับวัยรุ่น 3 คน ให้เป็นสายเดินยาเสพติด พื้นที่ สภ.บางพลี พนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนการสอบสวนเบื้องต้น ให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้พิจารณาตามกฎหมาย ซึ่งเป็นคดีอาญา ซึ่งวันนี้ ในช่วงบ่าย ตำรวจสภ.บางพลี ได้นัดผู้เสียหาย มาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง

และ 3.คดีทำร้ายร่างกาย รปภ. พื้นที่ สภ.คลองด่าน อยู่ในกระบวนการสอบสวน เบื้องต้นเข้าข่ายถูกตั้งข้อหา 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่า และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ