เลือกตั้งและการเมือง

‘ทวี-โรม’ ถกเดือด! กมธ.ความมั่นคงฯ ถลกปม ‘ทักษิณ’ ไม่นอนคุก รักษาตัวชั้น 14

โดย petchpawee_k

6 ชั่วโมงที่แล้ว

25 views

“ทวี” มาแล้ว สู้ยิบตากมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ จี้ปมทักษิณ รักษาตัวรพ.ตำรวจชั้น 14 ขณะต้องขัง แจงเหตุแยกขังเดี่ยว อ้างเคยถูกปองร้ายคาร์บอม โวย “โรม” หันเอกสารรักษาตัวหันหาสื่อฯ บอกห้ามถ่ายเป็นเอกสารลับ ซัด กรรมาธิการ เลือกบางถ้อยคำด้อยค่า กรมราชทัณฑ์ - กระทรวงยุติธรรม ทำก้าวขาเสี่ยงคุก ถูกคนร้อง ป.ป.ช.  ยัน ทำตามกฎหมายทุกอย่าง หากไม่ถูกใจให้ไปแก้กฎหมาย ขณะ “ประยุทธ์” เดือดแทน ไล่ไปใช้บริการ “ทวี” ติดคุกเหมือน “ทักษิณ”

วานนี้ 22 พ.ย. 2567 พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการ ว่า ในช่วงที่ตนเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และเดินเข้ากระทรวงเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 กรณีของนายทักษิณ ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนที่ตนจะเป็นคณะรัฐมนตรี และนายทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เอกสารของกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 พบว่า มีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวว่านายทักษิณจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในวันที่ 10 สิงหาคม ซึ่งกรมราชทัณฑ์หากไม่มีหมายอาญาหรือหมายของศาลจะเข้ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์จึงได้แต่งตั้งคณะขึ้นมาคณะหนึ่ง

ซึ่งขณะนั้นมองได้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะเป็นรัฐบาลด้วยซ้ำ เพราะยังไม่ได้มีการฟอร์มว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเลิกนายกฯเกิดขึ้นในที่ 22 สิงหาคม และตนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือเปล่า จึงต้องให้ความเป็นธรรม แต่เหตุที่ตนต้องมาชี้แจง เหมือนกรรมาธิการชุดนี้ ไปด้อยค่ากรมราชทัณฑ์ ไม่ให้เขาได้มีโอกาสชี้แจง และเลือกถ้อยคำบางประเด็น ตนยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งมีการแบ่งเกรดของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตามการใช้ศักยภาพ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยที่ต้องรักษา ซึ่งมีการระบุชัดว่าโรงพยาบาลก็ถือว่าเป็นสถานที่คุมขัง ซึ่งหากประชาชน รับไม่ได้ก็ต้องไปแก้ที่กฎหมาย

กรรมาธิการฝากพรรคประชาชน ได้ สอบถามถึงการส่งตัวผู้ถูกคุมขังไปยังโรงพยาบาลนอกเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ควบคุม 2 คนตามกฎระเบียบไว้หรือไม่ รวมไปถึงมีการจัดห้องแยกให้กับผู้ต้องขังหรือไม่เนื่องจากกฎกระทรวงนั้นถือเป็นข้อห้าม และมีการจดบันทึกข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมหรือไม่

โดยภายหลังจากที่มีการซักถามเสร็จสิ้น พันตำรวจเอกทวี ได้บอกประธานกรรมาธิการ ให้ระวังเอกสารลับเรื่องของการรักษาตัวเนื่องจาก มีสื่อมวลชนกำลังบันทึกภาพอยู่ และถามย้ำกับช่างภาพว่า ถ่ายภาพติดหรือไม่ เนื่องจากกังวลเรื่องสิทธิ ก่อนที่จะชี้แจงต่อว่า ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯได้จัดบุคคล ยืนยันว่าไม่ใช่ห้องพิเศษ และนายทักษิณ เคยถูกปองร้ายเคยโดนคาร์บอม ตนเห็นสส. 100 คน มีบทบาทอย่างนี้ได้อย่างไร เมื่อเรียกร้องให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การดำเนินการใช้ห้องควบคุมพิเศษ ก็เป็นดุลยพินิจของผบ. ตร โรงพยาบาลตำรวจและการเข้าเยี่ยมก็มีรายการการเข้าเยี่ยมทั้งหมด การเอาสิ่งเหล่านี้ที่ท่านพูดทำร้ายกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม มีคนนำคำพูดไปยื่นต่อ ปปช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมีการสอบอย่างละเอียด พร้อมยืนยันว่า กรรมาธิการไม่ใช่การสอบสวนในทางการเมือง เราต้องไปข้างหน้า อย่ามาด้วยค่ากัน แต่ตนมีหลักฐานยืนยันตามระเบียบทั้งหมด

พร้อมอธิบายห้องพักรักษาตัวของนายทักษิณที่ถูกมองว่าไม่ได้อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังอื่น ว่าการพักรักษาตัวของผู้ต้องขัง เดี๋ยวนี้ไม่ได้เอาไปอยู่รวมกัน สามารถดูได้ตามโรงพยาบาลต่างๆ และยืนยันว่าข้าราชการกระทรวงยุติธรรมไม่มีสิทธิ์ใช้ดุลยพินิจต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่างตามพ.ร.บ.ราชฑัณฑ์ ปี 2566

และเจ้าหน้าที่คุมขัง ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการอยู่ราชทัณฑ์ ต้องมีการเข้าออกตามเวลา เท่าที่รู้ กรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินก็เข้าไปดูว่าท่านป่วยจริงไม่ เช่นนั้นรายงานจะออกมาว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ยุติ พอเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดเหตุก็ไปตีข่าวกันมาก ข้าราชการทำงานกันอยู่ เราไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่เราทำตามกฎหมายและระเบียบที่ให้ไว้

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจในเรื่องการตรวจสอบที่มีความลำบากใจในหลายอย่างแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนตั้งคำถาม หากรัฐมนตรีและราชทัณฑ์ให้ข้อมูลครบถ้วนก็จะสิ้นสงสัย

พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า การใช้ดุลยพินิจกฎหมายเขียนไว้ชัดเจน ตนยืนยันว่า คนที่เข้าเรือนจำต้องควบคุม ห้องที่นายทักษิณไปอยู่คือห้องควบคุมพิเศษ ในความหมายของตน ส่วนป้ายที่เขียนว่า ตึกนี้ชั้นนี้ เป็นพรีเมี่ยม ตนไม่ทราบ เพราะเป็นที่รักษาคนทั่วไป ญาติพี่น้องตำรวจคนเดียวใครก็ได้เข้าไปรักษา คนทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน คนทั่วไปก็อยู่ได้อย่างนางอองซาน ซูจี ยังถูกกักขังที่บ้าน ประเด็นตรงนี้เราต้องควบคุม ในลักษณะที่ยังต้องราชทัณฑ์อยู่ เพื่อไม่ให้เกิดการหลบหนี ไปก่อเหตุร้าย

ส่วนผู้ที่ไปเยี่ยมตนอย่างตำหนิกรมราชทัณฑ์ ว่า เปิดให้เยี่ยมน้อยซึ่งจริงๆแล้วใครก็ได้ ที่ต้องการจะ ต้องให้เยี่ยมเพราะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่กรมราชทัณฑ์ก็กำหนดเอาไว้ และผู้ที่เข้าไปเยี่ยมทั้งหมด ทั้งคนที่อ้างว่าไปเข้าพบมา ขอตรวจสอบได้เพราะเรายืนยันว่ามีรายชื่อทั้งหมด ส่วนหากจะไปทางหนีไฟหรือไม่ ตนก็ไม่รู้ ยืนยัน ข้าราชการรักษาศักดิ์ศรี และไม่ทำอะไร ที่จะต้องมาโดนเช่นนี้ หากจะดูรายชื่อก็สามารถดูได้แต่ตนขอยืนยันว่าห้องนี้เป็นห้องควบคุมพิเศษและห้องรักษา และตนก็ไม่เคยเดินทางไปพบนายทักษิณขณะที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 นายรังสิมันต์ กล่าวว่าท่านทวีช่วยตอบหน่อยได้หรือไม่ว่าคณะกรรมการที่ช่วยนายทักษิณเป็นการใช้อำนาจโดยชอบหรือไม่เป็นการช่วยเหลือ

พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ในฐานะรัฐมนตรีเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นแพทย์ได้ให้ความเห็นว่าเข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุทั้งหมดและเหลือโทษไม่มากการให้คะแนนจึงเป็น 9 คะแนน ซึ่งหมอวินิจฉัยโรคดีกว่าตนวินิจฉัยเป็นผู้วินิจฉัยว่าเข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดมีโรคหลายโรคและไม่มีผู้อื่นเห็นแย้ง อย่าผู้แทนอัยการสูงสุดกล่าวว่าการพิจารณาเข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุและการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจถือเป็นการจำคุกถือเป็นส่วนหนึ่งของเรือนจำ และมีผู้แทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพราะฉะนั้นตนคิดว่าหากจะให้ตนวินิจฉัยโรคตนชอบให้หมอวินิจฉัยมากกว่าเพราะถ้าเป็นตนเป็นคนให้ยาท่านประธานคงไม่เอาเหมือนกัน จึงขอยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ที่เอกสารส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

นายรังสิมันต์ จึงถามต่อว่า เข้าใจว่าพันตำรวจเอกทวีไม่ใช่หมอแต่ผลที่ออกมามันเหมือนจะเป็นไปตามนั้นเหมือนดูนายทักษิณสุขภาพดีช่วยเหลือตัวเองได้ ได้มีการตรวจสอบ ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านหรือไม่ว่าเป็นการใช้อำนาจมิชอบ

พันตำรวจเอกทวีชี้แจงว่าได้ให้รองปลัดกระทรวงยุติธรรมไปตรวจสอบและทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ตรวจสอบกรณีนี้ แล้วไม่มีอะไรผิดกฎหมาย และยุตติเรื่องไปแล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าการพิจารณาการพักโทษของแต่ละคนจะพิจารณากันหนักมาก

ทำให้นายประยุทธ์ ศิริพานิช ขอใช้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นว่าคำถามบางคำถามและการชี้แจงไม่ใช่หน้าที่ของพันตำรวจเอกทวี อย่างเช่นที่จะไปชั้น14 ส่วนกรณีชั้นสี่คุณอยากไปหรือใครอยากไปมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของพันตำรวจเอกทวี บางอย่างไม่ใช่ท่านจะสั่งการได้ เพราะจะมีกระบวนการในการเสนอมา

“ถ้าหากใครยังมีความสงสัยอยู่ตนขอแนะนำง่ายๆ ถ้าอยากจะใช้บริการของท่านรัฐมนตรีก็ลองไปเป็นนักโทษดูท่านจะรู้ว่าท่านทักษิณได้ใช้บริการนี้คุณจะได้ใช้บริการเดียวกันหรือไม่พูดกันตรงๆ ในฐานะที่ชีวิตเคยผ่านคุกผ่านตารางมาก่อน

"ประเด็นที่จะให้ตนขึ้นไปที่โรงพยาบาลตำรวจก็ได้ เพราะตนมาที่นี่ มีคนห้ามว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตนก็ยังมา เพราะอยากทำความจริงให้ปรากฏ"

ส่วนเรื่องการรักษา พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนายแพทย์ใหญ่ เขาแจงว่าเอกสารที่ส่งให้ ป.ป.ช.เหลือเพียงแค่ตัวเวชทะเบียน เนื่องจากเป็นสิทธิ์ตาม พรบ.สุขภาพแห่งชาติตามมาตรา 7 ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาล ส่งให้ ป.ป.ช.ไปแล้ว เพราะว่ามันจะมีทั้งราคา รายละเอียดการรักษา มีรายงานว่า วันไหน ผ่าตัด วันไหนทำ MRI ซึ่งมันเหนือกว่าเวชระเบียนอยู่แล้ว ส่วนสิทธิ์ของผู้ป่วย ผู้ป่วยจะออกเงินเองก็ได้ เพราะโรงพยาบาลตำรวจจับมือกับ สปสช. ซึ่งกรณีของนายทักษิณ ค่ายาหลักสูง แต่ผู้ป่วยเป็นผู้ออกเอง และไม่มีกฎหมายเขียนห้ามไว้

ด้านพันตำรวจโทธีรวัตร์ ปัญญาณ์ธรรมกุล เลขานุการประจำคณะ กมธ. ให้ข้อมูลว่า วิวห้องที่นายทักษิณ พักรักษาตัวเป็นวิว sport club เป็นห้องสูท ถ้าดูตามราคาที่ปรากฏทั่วไป คืนละประมาณ 8,500 บาท คูณ 120 วัน ก็ประมาณล้านกว่าบาท ในฐานะที่เป็นตำรวจและเคยใช้บริการจึงได้ส่วนลด แล้วนายทักษิณได้ส่วนลดด้วยหรือไม่ ตนถามไว้เผื่อคนอื่น ในอนาคตผู้ต้องหาคนอื่น อยากทำ จะสามารถทำได้หรือไม่

พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า คนทั่วก็อยู่ห้องนั้นได้ ส่วนการรักษาพยาบาลท่านอดีตนายกทักษิณ ไม่ขอใช้สิทธิ์เป็นการจ่ายเงินเอง ถ้าไม่พอใจว่าท่านจ่ายเงิน ตนก็ไม่รู้แล้ว และราคาห้องอาจจะมากกว่าที่ท่านว่า เพราะอย่าลืมว่า มีค่าหมอค่ายาอีก และการที่นายทักษิณ อยู่ในห้องโรงพยาบาลตำรวจ ก็เหมือนอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ออกไปไหน และการที่ต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจเพราะศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่เพียงพอ

นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า มันมีข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ครั้งที่แล้วกรมราชทัณฑ์ ให้ข้อมูลกับเราว่า พยาบาล 2 ท่านเป็นผู้วินิจฉัย ส่งตัวนานทักษิณชินวัตร ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่รัฐมนตรีพึ่งบอกเราว่ามีคุณหมอเป็นผู้วินิจฉัย

ทำให้พันตำรวจเอกทวี กล่าวชี้แจงว่า คุณหมอมาตรวจตอน 11:00 น แล้วรู้ว่าท่านเป็นโรคเยอะเลย แล้วทีนี้พอกลางคืน พยาบาลเขาก็ส่งตัวตามตามคำแนะนำของแพทย์ในตอนเช้า และ ตามกฎหมายเขาเขียนให้พยาบาลเป็นผู้ส่งตัวไม่ได้ให้หมอเป็นผู้ส่งตัว มันไม่มีอะไรที่จะผิดกฎหมาย

ต่อมา เวลา 13.00 น.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม กมธ.ความมั่นคงฯ ซึ่งมีพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ร่วมชี้แจง เป็นที่พึ่งพอใจของ กมธ.แล้วหรือไม่ว่า

ต้องยอมรับว่าวันนี้เรามีเวลาในการพูดคุยกับรมว.ยุติธรรมน้อยมาก น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตนขอย้ำว่า กมธ.ชุดนี้มีอำนาจในการพิจารณาแม้ว่าหน่วยงานจะโต้แย้ง และไม่เห็นด้วย แต่หน่วยงานก็ไม่มีอำนาจในการชี้ในการส่วนของกฎหมายที่ให้อำนาจเรา ซึ่งเรามีอำนาจในการที่จะพิจารณาว่าอยู่ในกรอบคณะของเรา บทพิสูจน์ของการพิจารณามาแล้ว 54 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 55 ก็พิสูจน์ว่าเราใช้แนวปฏิบัติเดิมมาโดยตลอด เราไม่ได้ใช้วิธีพิสดาร หรือรูปแบบที่แตกต่างจากเดิมในการพิจารณาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามแม้จะมีความไม่สบายใจอยู่บ้างก็สุดท้ายมีการประชุมลับในส่วนของกมธ. ซึ่งเป็นเรื่องของแนวทางว่าเราจะเดินหน้ากันอย่างไร และข้อสรุปว่าเดินหน้า ก็สามารถที่จะสอบถามกันต่อไป


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในเรื่องเนื้อหาสาระที่มีการพูดคุยกันในส่วนของขาออกจากเรือนจำไปที่โรงพยาบาลตำรวจ การรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และการได้พักโทษ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าด้วยข้อจำกัดเวลาเราไม่สามารถสอบถามได้ครอบคลุมทุกรายละเอียด แต่มีข้อมูลเพิ่มเติม ที่อาจจะแตกต่างจากรอบที่แล้วอยู่บ้าง เช่นจากเดิมที่เราได้รับข้อมูลว่าการที่นายทักษิณถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจก่อนหน้านี้เราได้รับข้อมูลว่าเป็นแค่เพียงพยาบาล 2 ท่านที่เป็นผู้ลงนาม ซึ่งก็ยืนยันว่าเป็นความจริง แต่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้รับข้อมูลว่ามีแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาหรือการวินิจฉัยในเรื่องนี้ ฟังดูเหมือนรอบที่แล้วมีเฉพาะพยาบาลเป็นผู้วินิจฉัย และโทรหาคุณหมอก็จบ แต่วันนี้เราได้รับข้อมูลใหม่ว่าในช่วงเวลา 11 โมงของวันดังกล่าวมีคุณหมอ จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในการพิจารณาสุขภาพร่างกาย ของนายทักษิณก่อน และหลังจากนั้นฟังดูเหมือนช่วงการคืนอาการของนายทักษิณก็ออกมา จึงมีการสั่งการให้ส่งตัวนายทักษิณไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งวันนี้เราได้รับข้อมูลเพียงเท่านี้ และเรายังไม่ทราบว่าชื่อของคุณหมอเป็นใคร

“เรื่องของอาการป่วยผมได้เห็นใบแสดงความเห็นของแพทย์ก็มีอาการป่วยของนายทักษิณหลายอย่าง และท่านรัฐมนตรียืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่อยากให้เปิดเผยในรายละเอียด แต่เอาว่าการป่วยมีเยอะมาก หลากหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะขัดกับความรู้ที่เราเห็นนายทักษิณลงจากสนามบิน แต่ไม่เป็นไร อันนี้ต้องไปดูในเวชระเบียน ว่าสุดท้ายแล้วเวชระเบียนจะเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้ท่านรัฐมนตรีรับปากและเราฟังตรงกันว่ารัฐมนตรีไม่ปฏิเสธเลยว่าจะไม่ส่งเอกสารให้กับเรา ดังนั้นเอกสารที่เราขอไปกว่า 10 รายการที่มีเวชระเบียนด้วยเราก็หวังว่าเราจะได้จากทางท่านรัฐมนตรี ซึ่งเราต้องจัดให้อยู่ในความเหมาะสม”  นายรังสิมันต์ กล่าว

https://youtu.be/iqbe780jr68

คุณอาจสนใจ

Related News