สงครามอิสราเอล-ฮามาส คร่าแล้วกว่า 12,400 ชีวิต WHO เผยสถิติมีเด็กถูกสังหารทุกๆ 10 นาที

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เข้าสู่วันที่ 35 ซึ่งคร่าชีวิตประชาชน ทั้งในฉนวนกาซาและอิสราเอลไปแล้วมากกว่า 12,400 คน นับตั้งแต่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เผยว่า จะมีเด็กถูกสังหารในกาซา ทุกๆ 10 นาที

กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ เผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา มีจำนวนมากถึง 11,078 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กสูงถึง 4,500 คน และมีผู้บาดเจ็บกว่า 27,000 คน ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ออกมาปรับลดจำนวนผู้เสียชีวิต จากการโจมตีของกลุ่มฮามาส เหลือประมาณ 1,200 คน จากเดิมที่ 1,400 คน นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เริ่มปะทุขึ้น เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากทั้งสองฝ่ายรวมกันมากกว่า 12,400 คนแล้ว และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการโจมตีที่ยังไม่ยุติ

ด้านนายทีโดรส อัดฮานอม กรีเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวในที่ประชุมกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อวานนี้ว่า จะมีเด็กถูกสังหาร โดยเฉลี่ยทุกๆ 10 นาทีในฉนวนกาซา และว่าไม่มีที่ไหนและไม่มีใครปลอดภัย เขายังระบุอีกด้วยว่า ครึ่งหนึ่งของโรงพยาบาล 36 แห่งในกาซา ไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไป และตอนนี้ ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต้องได้รับความคุ้มครอง โดยเฉพาะเด็กๆ

ส่วนสถานการณ์ในฉนวนกาซา ล่าสุด ยังถูกอิสราเอลโจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะการโจมตีโรงพยาบาล ซึ่งอิสราเอลได้ปิดล้อมและโจมตีโรงพยาบาลทางเหนือของกาซารวม 6 แห่งด้วยกัน จุดที่ถูกโจมตีหนักที่สุดคือ โรงพยาบาลอัล-ชีฟา (Al-Shifa), อัล-รันติซี (Al-Rantisi), อัล-คุ๊ดส์ (Al-Quds) และโรงพยาบาลอินโดนีเซีย

อัล ชิฟาเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในกาซ่า การโจมตีเมื่อวานนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 1 คน บาดเจ็บจำนวนมาก สำนักข่าวต่างประเทศยังได้แพร่ภาพผู้บาดเจ็บที่นอนเรียงรายทั้งบนเตียงและพื้นโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม อิสราเอลยังไม่ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการโจมตีเมื่อวานนี้ แต่อิสราเอลมักจะยืนยันว่า การโจมตีของตนไม่ได้มุ่งโจมตีพลเรือน แต่เป็นเพราะกลุ่มฮามาส มักจะสร้างศูนย์บัญชาการที่อุโมงค์ใต้ดิน และอุโมงค์อยู่ใต้โรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลอัล ชีฟา ส่วนโรงพยาบาลอื่นๆฮามาสก็ใช้เป็นจุดตั้งฐานขีปนาวุธโจมตีทหารอิสราเอล

ก่อนหน้านี้อิสราเอลได้ประกาศให้อพยพออกจากโรงพยาบาลก่อนแล้ว ขณะที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอัล ชีฟา ประกาศว่า ทีมแพทย์และพยาบาลจะอยู่กับคนไข้ไปจนถึงนาทีสุดท้าย เช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลอัล คุ๊ดส์ ทีมแพทย์และพยาบาลทำงานตต้องอย่างยากลำบาก หลังถูกอิสราเอลโจมตีพื้นที่ใกล้เคียงโรงพยาบาล ทีมแพทย์ต้องใช้ไฟฉายระหว่างรักษาผู้ป่วย

ด้านคณะกรรมการสภากาชาดสากลออกมาเตือนว่า โรงพยาบาลทางเหนือในฉนวนกาซ่าจะไปสู่จุดที่เสี่ยงอันตรายที่สุดต่อชีวิตประชาชนหลายพันคน


ทั้งนี้ โรงพยาบาลในกาซา นอกจากจะมีผู้ป่วยจำนวนมากแล้ว ยังมีชาวปาเลสไตน์ที่หลบหนีการโจมตีเข้ามาพักพิงด้วย และเมื่อโรงพยาบาลถูกโจมตีอย่างหนัก ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ชาวปาเลสไตน์หลายพันคนก็ต้องเดินเท้าอพยพหนีตายไปทางใต้ หลายสิบกิโลเมตร ท่ามกลางภัยอันตรายตลอดเส้นทาง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ขณะที่ตลอดทั้งค่ำคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดหลายครั้ง ทำให้ท้องฟ้าในฉนวนกาซาสว่างไสวไปตลอดทั้งคืน จนกระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมา ยังพบเห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นจากอาคารใกล้กับชายแดนของอิสราเอล ขณะที่ปฏิกิริยาจากนานาชาติ เริ่มมีการออกมากดดันอิสราเอลมากขึ้นโดยเรียกร้องให้อิสราเอลคำนึงถึงชีวิตพลเรือนในฉนวนกาซา

ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี ว่า ฝรั่งเศสขอประณามอย่างชัดเจนต่อการกระทำของกลุ่มฮามาส ทั้งนี้ แม้ว่า ฝรั่งเศสจะยอมรับสิทธิการปกป้องตนเองของอิสราเอล แต่เราขอเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการโจมตีในฉนวนกาซา


ด้านประธานาธิบดีเอบราฮิม ไรซี ของอิหร่าน ก็ออกมาประกาศว่า ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะดำเนินการแก้ไขความขัดแย้งในฉนวนกาซาอย่างจริงจัง ที่ไม่ใช่เพียงแค่คำพูด แต่ไม่ได้ลงมือทำอะไร


ขณะเดียวกันวันนี้ ที่กรุงริยาด ของซาอุดีอาระเบีย มีการประชุมสุดยอดชาติอาหรับและชาติมุสลิม เพื่อหารือถึงความขัดแย้งของในฉนวนกาซา โดยมีผู้นำหลายชาติเข้าร่วม ทั้งประธานาธิบดีอิหร่าน ตุรกี ซีเรีย รวมไปถึงประมุขแห่งกาตาร์ด้วย

รายงานระบุว่า ผู้นำหลายประเทศได้ประณามการโจมตีของอิสราเอล และเรียกร้องให้ยุติการบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องหนีของจากดินแดน พร้อมกันนี้ ยังหวังจะใช้อิทธิพลของซาอุดีอาระเบียในการช่วยกดดันสหรัฐ และอิสราเอลให้ยุติสงครามในฉนวนกาซา