บันเทิง

'พอร์ส วง Yes indeed' เป็นอิสระแล้ว! หลัง 'ทนายตั้ม' ช่วยพ้นสัญญา แฉค่ายไม่เคยดูแล พอดังแล้วมาเคลม

โดย thichaphat_d

20 ก.ค. 2565

4.5K views

ทนายษิทราตั้งโต๊ะแถลง ปลดสัญญาทาส พอร์ส วง Yes indeed ล่าสุดเป็นอิสระแล้ว แฉถูกค่ายเพลงเอาเปรียบ ไม่ได้ฝึกเป็นศิลปินอย่างที่ตกลง ให้แต่รับงานรีวิว แต่พอเปิดหมวกมีชื่อเสียง กลับมาเคลม รับงานกินเปอร์เซ็นต์


เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่ Sittra law firm สำนักงานกฎหมาย ย่านสาทร นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมด้วย นายนรากร อิสระวรางกูล หรือ พอร์ส วง Yes indeed band แถลงข่าวกรณียกเลิกสัญญาค่ายเพลงดัง

นายษิทรา กล่าวว่า น้องพอร์สมีความใผ่ฝันอยากจะเป็นนักร้องอาชีพ จึงออกตามความฝันโดยไปร้องหมวกกับแพนเค้ก ผู้เป็นน้องสาว ที่เอเชียทีค, เยาวราช, สยามสแควร์ และจตุจักร ตั้งแต่ปี 2563 ร้องมาเรื่อยๆ จนเริ่มมีคนมาติดตามมากขึ้น



ต่อมาเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2564 น้องชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ ได้มาบอกว่า มีเพื่อนทำค่ายเพลง จึงชวนให้ไปออดิชั่น ประมาณ 1 อาทิตย์ต่อมา ทางค่ายได้โทรมาบอกให้น้องพอร์สให้เข้ามาเซ็นสัญญา น้องก็เอาสัญญาไปปรึกษาครอบครัว

โดยทางค่ายได้รับปากว่าจะปั้นน้องให้เป็นศิลปิน ส่งเสริมดูแลภาพลักษณ์ หาครูมาสอนร้องเพลงให้ดีขึ้น ซึ่งในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่น้องพอร์สจะต้องเข้ามหาวิทยาลัย ทางค่ายก็รับปากว่าจะดูแลและหามหาวิทยาลัยที่เหมาะสม สามารถทำกิจกรรมที่รักและเรียนไปได้ควบคู่กัน คุณพ่อและน้องจึงตัดสินใจให้น้องเซ็นสัญญา ฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2564

หลังจากนั้นทางค่ายได้ทำช่องยูทูบขึ้นมา เพื่อโปรโมทสินค้าของทางค่ายและรับรีวิวสินค้าคนอื่น โดยน้องพอร์ส ถ่ายกับเพื่อนรวม 3 คน ครั้งนึงถ่าย 2-3 เทป โดยให้ค่าจ้างต่อครั้งที่มา 1,000-1,500 บาท และค่ายเห็นว่าน้องพอร์สมี Tiktok ที่มีคนติดตามเกือบ 1 แสนคน แต่ Tiktok ของค่ายมีคนติดตามแค่หลักหมื่นเท่านั้น

จึงให้น้องพอร์ส Collab ทั้ง 2 ช่อง เพื่อให้คนติดตาม Tiktok ของทางค่ายเพิ่มขึ้น โดยแต่ละครั้งที่ให้น้องช่วยโปรโมทใน Tiktok ก็ไม่เคยได้ค่าตัว ได้แต่บอกว่าให้ทำเพื่อค่ายไปก่อน เดี๋ยวหากมีรายได้เข้ามาค่อยว่ากัน



หลายเดือนหลังจากทำสัญญากับค่าย ทางค่ายไม่เคยให้คนมาสอนการร้องเพลง หรือพัฒนาบุคลิกภาพ และไม่ได้มีการประสานกับมหาวิทยาลัยตามที่ได้มีการตกลง ในตอนนั้นน้องพอร์ส เริ่มท้อ และคิดว่าตนคงจะไม่มีโอกาสเป็นนักร้องอาชีพ แถมทางค่ายยังได้พยายามให้น้องถ่ายคลิปนุ่งกางเกงในบ็อกเซอร์ จนทางบ้านเริ่มรับไม่ได้

คุณพ่อจึงเริ่มไปคุยกับทางค่ายเรื่องยกเลิกสัญญา แต่ทางค่ายไม่ยอม อ้างว่า น้องสามารถไปเล่นเปิดหมวกได้ โดยทางค่ายจะไม่ยุ่งกับรายได้ เพราะถือว่าเป็นความสามารถของน้องเอง ระหว่างนั้นคุณพ่อก็พยายามเข้าไปคุยกับค่าย เพื่อขอยกเลิกสัญญารวม 6 ครั้ง แต่ค่ายก็ปฎิเสธเช่นเดิม



ซึ่งนับตั้งแต่น้องพอร์ส ทำสัญญากับค่ายตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2564 จนถึงปลายพฤษภาคม 2565 ทางค่ายไม่เคยโปรโมทในช่องทางไอจี หรือเฟซบุ๊กเลย มีแต่ให้ถ่ายคลิปรีวิวสินค้าของค่าย โดยให้ค่าจ้างถ่ายครั้งละไม่เกิน 1,500 บาท

แต่หลังจากวง Yes Indeed Band มีชื่อเสียงขึ้นมา ทางค่ายเพลงเริ่มแชร์ข่าว และโพสต์เรื่องพอร์ส โดยแจ้งกับสื่อหลายๆสำนักว่าศิลปินของค่ายตน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดมาก่อน และก่อนหน้านี้มีนักร้องรุ่นใหญ่ แต่งเพลงให้น้องพอร์ส แต่ทางค่ายก็ปฏิเสธ แต่หลังจากเป็นข่าวดัง ทางค่ายโทรกลับไปหานักร้องคนดังกล่าวว่า จะนำเพลงนั้นให้น้องพอร์สร้อง

ทางค่ายได้โทรไปหาสปอนเซอร์ หรือผู้สนับสนุนของวงทุกคนอ้างว่า น้องพอร์สมีสัญญากับทางค่าย จะติดต่องานอะไรก็แล้วแต่ จะต้องผ่านค่ายก่อน และจะเก็บเปอร์เซ็นต์ทุกงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางค่ายเคยไปเก็บเงินลูกค้าเป็นจำนวน 30,000 บาทด้วย

"หลังจากนั้นน้องพอร์ส เพื่อนๆในวงและครอบครัวได้มาหาผม เพื่อปรึกษาว่าจะทำอย่างไรต่อไป หมดได้ตรวจสอบสัญญาที่ค่าย EXP ทำกับน้องพอร์สแล้ว คือสัญญาฉบับนี้ทำขณะที่พอร์สเป็นผู้เยาว์ จึงต้องได้รับความยินยอมจากคุณพ่อน้องก่อน

เมื่อดูสัญญานี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว สัญญานี้ส่วนใหญ่ให้สิทธิและประโยชน์กับค่าย EXP แต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่ได้มีระบุเลยว่าทางค่าย จะต้องให้สิทธิและประโยชน์กับน้องพอร์ส เท่าไหร่ หรือเมื่อใด น้องพอร์สจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าตัวเองจะมีรายยังไง เลยไม่สามารถเรียกร้องให้ค่ายจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ให้กับน้องพอร์สได้ เพราะในสัญญาไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าค่ายจะต้องจัดหางาน หรือจ่ายเงินเมื่อใด ผมถือว่าสัญญานี้มีแต่ให้ผลประโยชน์กับค่ายเพียงฝ่ายเดียว"



นายษิทรา กล่าวต่อว่า แต่ในทางกลับกัน ค่ายกลับได้ประโยชน์จากน้องพอร์ส นับตั้งแต่เซ็นสัญญา สัญญาลักษณะนี้จึงเข้าลักษณะของสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเมื่อสัญญานี้มีลักษณะจำกัดสิทธิ ปิดกั้นโอกาส ทำให้น้องพอร์สเกิดความยากลำบากในการรับงานต่างๆ ที่ตนเองจะมีรายได้ และที่สำคัญการที่น้องพอร์ส และเพื่อนๆโด่งดังขึ้นมาได้ ไม่ได้เกิดจากผลงานของทางค่าย แต่เกิดจากความสามารถเฉพาะตัวของน้องพอร์สทั้งสิ้น

“และการที่ค่ายออกมาอ้างถึงข้อสัญญาต่างๆ จึงมีลักษณะเอาเปรียบเด็ก และมีเจตนาที่จะมุ่งแต่ขอส่วนแบ่งรายได้ของน้องพอร์สเป็นหลัก จึงทำให้น้องพอร์สซึ่งเป็นผู้เยาว์นั้น เสียหาย เสื่อมเสีย เสียโอกาส และเสียรายได้ รวมถึงเป็นอุปสรรคต่อการเจริญก้าวหน้าในอาชีพนักดนตรี

จึงเข้าลักษณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 27 วรรค 3 ที่คุณพ่อซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม สามารถบอกเลิกความยินยอมในการที่ผู้เยาว์ทำสัญญาได้ และผมได้ทำหนังสือไปถึงค่าย EXP บอกเลิกความยินยอมไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดังนั้น ก่อนหน้านี้ที่น้องพอร์สติดสัญญาค่าย 3 ปี เป็นการยกเลิกสัญญาตามกฎหมายแล้ว ไม่ได้ติดสัญญากับใครแล้ว สามารถรับงานได้อย่างอิสระ “ นายษิทรา กล่าว

ทั้งนี้ หลังจากนี้หากค่ายมีการแถลงข่าวหรือให้ข่าว ในลักษณะทำให้น้องพอร์สเสียหาย สำนักงาน Sittra Law Firm จะดำเนินการทั้งทางแพ่งและอาญาจนถึงที่สุด



ด้านน้องพอร์ส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รู้สึกเราเหมือนไม่มีตัวตน พอเราไปเล่นสยามกับเพื่อน ๆ เป็นกระแสขึ้นมา เรารู้สึกว่าค่ายรักเรามากขึ้น เร่งทำเพลงให้เสร็จ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก จากที่แต่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีการซัพพอร์ตอะไรเลย ตนมองว่าไม่ได้พลาด แต่เกิดจากความไม่รู้มากกว่า

ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตนรู้สึกเสียความรู้สึกมาก ๆ เริ่มต้นจากเรื่องมหาวิทยาลัย ทางค่ายบอกว่าจะมีมหาวิทยาลัยให้ เมื่อเกรดตนไม่ถึง ทางค่ายบอกให้ไปเรียนเอกชนเอา แล้วทิ้ง ไม่สนใจ เมื่อบอกให้ช่วยดู เขาก็ส่งข้อมูลเกี่ยวกับทุน และให้เราไปหาข้อมูลเอง ทำให้เรารู้สึกไม่ดีและเริ่มอยากอยากจะออกจากค่ายตั้งแต่ตอนนั้น



สำหรับประเด็นที่มีศิลปินชื่อดังแต่งเพลงมาให้แล้วทางค่ายปฏิเสธนั้น เมื่อเพลงออกมา ทางค่ายไม่ชอบเพลง จึงให้ไปแก้เนื้อและแก้เพลงใหม่ พอเวลาผ่านไป ตนรู้นึกว่ามันนานมาก จึงทักไปหาศิลปินเพื่อสอบถาม แต่ทางศิลปินบอกว่าทางค่ายไม่เอาเพลง ต่อมา วันที่ 3 มิถุนายน ที่เกิดปรากฎการณ์ที่สยาม ทางค่ายติดต่อไปยังศิลปินท่านนั้นเพื่อซื้อเพลง

โดยหลังจากที่เป็นข่าว ทางค่ายก็ไม่ได้มีการติดต่อมาทางตนเลย และตอนนี้ ตนก็ไม่มีสังกัด สามารถรับงานได้อย่างอิสระแล้ว ซึ่งตนรู้สึกสบายใจมาก ที่จะได้ทำตามฝันและทำตามสิ่งที่ตัวเองรักกับเพื่อน ๆ ยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องแสดงความคิดเห็นของสังคม แต่คนน้อมรับทุกความคิดเห็น อันไหนที่ไม่ดีก็พร้อมที่จะแก้ไขและปรับปรุงต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News